11.12.20 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน มธุบันคือบ้านของพ่อผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเหนือสิ่งใด
ลูกต้องไม่นำผู้ใดที่ไม่บริสุทธิ์มาที่นี่
คำถาม:
อะไรคือสิ่งชี้บอกของสติปัญญาของผู้ที่สติปัญญามีศรัทธาที่มั่นคงในพันธกิจของพระเจ้านี้?
คำตอบ:
1. พวกเขามีความอดกลั้นอย่างมากในการรับมือกับการยกย่องและการประณาม 2.
พวกเขาไม่เคยโกรธ 3. พวกเขาไม่มองใครด้วยสายตาของสำนึกที่เป็นร่าง 4.
พวกเขาเห็นผู้อื่นเป็นดวงวิญญาณ และพูดกับผู้อื่นในขณะที่คิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ
5. ในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน สามีและภรรยาคงอยู่เหมือนดอกบัว 6.
พวกเขาไม่เคยมีความปรารถนาประเภทใดๆ
เพลง:
เหตุใดแมลงเม่าจึงไม่เผาไหม้ตนเอง (สังเวยตนเอง)?
โอมชานติ
พ่อทางจิตอธิบายแก่ลูกๆ ทางจิต นั่นคือพระเจ้าสอนนักเรียนทางจิต
นักเรียนผู้ซึ่งศึกษาในโรงเรียนเหล่านั้นไม่ได้เรียกว่าเป็นนักเรียนทางจิต
พวกเขาเป็นของชุมนุมที่เต็มไปด้วยกิเลส ก่อนหน้านี้ลูกเคยเป็นเช่นปีศาจด้วยเช่นกัน
นั่นคือลูกเป็นของชุมนุมของราวัน
เวลานี้ลูกกำลังทำความเพียรพยายามที่จะเอาชนะราวันกิเลสทั้งห้า
เพื่อที่จะไปยังอาณาจักรของราม ลูกต้องอธิบายแก่ผู้ที่ไม่ได้รับความรู้นี้ว่า
พวกเขาอยู่ในอาณาจักรของราวัน พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งนี้ เมื่อลูกบอกกับเพื่อนๆ
และญาติของลูกว่า
ลูกกำลังศึกษากับพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดนั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีศรัทธานั้น
พวกเขาจะไม่มีศรัทธาเช่นนั้นไม่ว่าลูกจะพูดมากแค่ไหนว่าพ่อหรือแม้แต่พระเจ้าพูด
ผู้ที่มาใหม่ไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่
ไม่มีใครที่สามารถมาที่นี่ได้โดยปราศจากจดหมายหรือมีการขออนุญาต
อย่างไรก็ตามในบางกรณีพวกเขาก็มา และนั่นก็เป็นการทำผิดกฎด้วยเช่นกัน
ลูกต้องเขียนข่าวของทุกคน พร้อมกับเขียนชื่อของเขาด้วย ฯลฯ
และขออนุญาตที่จะส่งผู้นั้นมา และแล้วบาบาก็จะตอบว่า: ลูกอาจส่งเขามาได้
หากบุคคลนั้นคือนักเรียนของโลกที่เป็นเช่นปีศาจที่ไม่บริสุทธิ์
พ่อจะอธิบายว่าการศึกษานั้นได้สอนโดยผู้ที่มีกิเลสและไม่บริสุทธิ์ในขณะที่การศึกษานี้สอนโดยพระเจ้า
ด้วยการศึกษานั้นลูกจะได้รับสถานภาพที่มีค่าเพียงไม่กี่สตางค์
แม้ว่าบางคนอาจสอบผ่านการสอบที่สำคัญมาก แต่เขาจะหารายได้ได้นานแค่ไหน?
การทำลายล้างอยู่เบื้องหน้า ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็จะมาด้วยเช่นกัน
ลูกเข้าใจถึงสิ่งนี้
ทำให้คนที่ไม่เข้าใจนั่งข้างนอกในห้องรับแขกและอธิบายให้พวกเขาฟัง
นี่คือการคึกษาของพระเจ้า
ที่นี่มีเพียงแค่ผู้สติปัญญามีศรัทธาเท่านั้นที่ได้รับชัยชนะนั่นคือพวกเขาจะปกครองโลก
ผู้ที่เป็นของชุมนุมของราวันจะไม่รู้สิ่งนี้
สิ่งนี้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว
ในช่วงเวลาสั้นๆกฎจะเข้มงวดมากเพราะนี่คือสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ชีพบาบาเรียกอีกอย่างว่าอินทราด้วยเช่นกัน นี่คือท้องพระโรงของอินทรา
ผู้คนสวมแหวนนพเก้า มีมรกต(panna)อยู่ในนั้นพร้อมกับบุษราคัม(mamek)
ชื่อทั้งหมดเหล่านี้ใด้ให้ไว้แก่เทวดานางฟ้าเช่นกัน
ลูกดวงวิญญาณคือเทวดานางฟ้าผู้ที่โบยบิน นี่คือคำอธิบายของลูก
อย่างไรก็ตามผู้คนเหล่านั้นไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
แหวนที่พวกเขาสวมใส่นั้นยังมีเพชรพลอยอื่นๆอยู่ด้วย บ้างก็มีราคาเป็นพันรูปี
ในขณะที่อื่นๆ มีค่าเพียง 10 ถึง 20 รูปี ลูกๆ ก็ตามลำดับกันไปเช่นกัน
บางคนศึกษาเล่าเรียนและกลายเป็นนาย
คนอื่นก็ศึกษาเล่าเรียนและกลายเป็นสาวใช้และคนรับใช้
อาณาจักรกำลังได้รับการก่อตั้งขึ้นมา ดังนั้นพ่อนั่งที่นี่และสอนลูก
ท่านเรียกว่าเป็นอินทราด้วยเช่นกัน (พระเจ้าแห่งสายฝน) นี่คือสายฝนของความรู้
ไม่มีผู้ใดนอกจากพ่อที่สามารถให้ความรู้แก่ลูก นี่คือเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูก
หากลูกมีศรัทธาว่าพระเจ้ากำลังสอนการศึกษานี้ ลูกจะไม่จากไปเลย
ลูกศรจะไม่ยิงตรงเป้าผู้ที่มีสติปัญญาเป็นหิน พวกเขามา
แล้วในขณะที่ดำเนินต่อไปพวกเขาก็ล้มลง กิเลสทั้งห้าเป็นศัตรูของลูกมาครึ่งวงจรแล้ว
กิเลสเหล่านั้นนำลูกเข้ามาสู่สำนึกที่เป็นร่างและก็ตบลูก
แล้วลูกก็กลายเป็นผู้ที่ประหลาดใจในความรู้ ผู้ที่ฟังความรู้
ที่พูดเกี่ยวกับความรู้แล้วก็วิ่งหนีไป มายานั้นมีพลังมาก
เธอทำให้ลูกล้มลงด้วยการตบเพียงครั้งเดียว ลูกอาจคิดว่าลูกจะไม่มีวันล้มลง
แต่อย่างไรมายาก็ตบตีลูก ทั้งชายและหญิงที่นี่คงอยู่อย่างบริสุทธิ์
ไม่มีใครนอกจากพระเจ้าที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นนี้ได้ นี่คือภารกิจของพระเจ้า
พ่อเรียกอีกอย่างว่าคนพายเรือและลูกคือเรือ คนพายเรือมาและพาเรือของทุกคนข้ามฟากไป
ว่ากันว่าเรือแห่งสัจจะจะโคลงไปมาแต่จะไม่มีวันจม
มีลัทธิและนิกายมากมายราวกับว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างความรู้และความเลื่อมใสศรัทธา
บางครั้งความเลื่อมใสศรัทธาก็ชนะ แต่ในที่สุดความรู้ก็จะมีชัยชนะ
ดูสิว่านักรบในหนทางความเลื่อมใสศรัทธานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด!
มีนักรบที่ยิ่งใหญ่ในหนทางความรู้ผู้ที่มีชื่อว่าอรชุน ภีมะ ฯลฯ เช่นกัน
พวกเขานั่งเขียนเรื่องราวทั้งหมดเหล่านั้น การยกย่องนั้นเป็นของลูก
เวลานี้ลูกกำลังเล่นบทบาทของนักแสดงเอกชายและนักแสดงเอกหญิง
เป็นเวลานี้ที่สงครามเกิดขึ้น
ในบรรดาลูกเองก็เช่นกันมีหลายคนที่ไม่เข้าใจประเด็นเหล่านี้เลย
ลูกศรจะยิงถูกเพียงผู้ที่ดีมากเท่านั้น ผู้ที่เป็นชั้นสามจะไม่สามารถนั่งที่นี่ได้
ในแต่ละวันกฎจะเข้มงวดขึ้นมาก
เป็นสิ่งที่ผิดกฏสำหรับผู้ที่มีสติปัญญาเป็นหินและไม่สามารถเข้าใจอะไรที่จะมานั่งที่นี่
ห้องโถงนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
พระสันตะปาปาได้รับการกล่าวขานว่าศักดิ์สิทธิ์ พ่อนี้คือผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
พ่อพูดว่า: พ่อต้องให้ประโยชน์แก่ทุกคน ทุกสิ่งกำลังจะถูกทำลาย
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าใจถึงสิ่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะฟัง
พวกเขาจะฟังด้วยหูข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้ออกไปด้วยหูอีกข้างหนึ่ง
พวกเขาไม่ซึมซับสิ่งใดในตัวเองหรือสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นทำเช่นนั้น
มีผู้คนที่หูหนวกและเป็นใบ้มากมาย พ่อพูดว่า: อย่าได้ยินสิ่งที่เลวร้าย
อย่าได้เห็นสิ่งที่เลวร้าย... พวกเขาได้วาดภาพนี้ด้วยรูปลิง
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ได้ใช้ได้กับมนุษย์ ในเวลานี้มนุษย์เลวร้ายยิ่งกว่าลิง
มีเรื่องเกี่ยวกับนาราด เขาได้ถูกบอกว่า:
ดูใบหน้าของตัวเองและตรวจสอบดูว่าคุณไม่มีกิเลสทั้งห้าภายในตัวเอง
เช่นที่ลูกมีนิมิต ดังนั้นพวกเขาก็มีนิมิตของหนุมานเช่นกัน พ่อพูดว่า:
สิ่งนี้เกิดขึ้นทุกวงจร จะไม่มีสิ่งเหล่านี้คงอยู่ในยุคทอง โลกเก่านี้จะจบสิ้นลง
สติปัญญาของผู้ที่มีศรัทธาอย่างมั่นคงจะเข้าใจว่าพวกเขาได้ปกครองอาณาจักรนี้ในวงจรก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน
พ่อพูดว่า: ลูกๆ เวลานี้จงซึมซับคุณธรรมที่สูงส่ง อย่าได้ทำสิ่งที่ผิดกฎ
จงมีความอดทนอดกลั้นในการสรรเสริญและการประณาม อย่าให้มีความโกรธใด ๆ
ลูกคือนักเรียนที่สูงส่งเช่นนั้น! พระเจ้าผู้เป็นพ่อกำลังสอนลูก
ท่านกำลังสอนลูกโดยตรง
อย่างไรก็ตามลูกมากมายก็ลืมสิ่งนี้เพราะท่านอยู่ในร่างกายที่ธรรมดา พ่อพูดว่า:
ลูกจะไม่สามารถได้รับการยกระดับมากนักด้วยการมองดูที่ร่างกาย จงมองดูที่ดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณอาศัยอยู่ตรงกึ่งกลางหน้าผาก ดวงวิญญาณรับฟังสิ่งนี้และพยักหน้าตอบรับ
จงพูดคุยกับดวงวิญญาณเสมอ ลูกดวงวิญญาณกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของร่างกายของลูก
ลูกเคยตาโมประธานและเวลานี้ต้องกลับมาสาโธประธาน
เมื่อลูกพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำระลึกถึงพ่อ
สำนึกที่เป็นร่างก็จะตัดขาดไป มีสำนึกที่เป็นร่างมาเป็นเวลาครึ่งวงจร
เวลานี้ทุกคนมีสำนึกที่เป็นร่าง พ่อพูดว่า: เวลานี้จงกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ!
เป็นดวงวิญญาณที่ดูดซับทุกสิ่ง เป็นดวงวิญญาณที่รับประทานและดื่ม
พ่อได้รับการเรียกว่าอะโบ๊กต้า (ผู้ที่อยู่เหนือผลของประสบการณ์ใดๆ)
ท่านคือผู้ที่ไม่มีตัวตน เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตที่ทำทุกสิ่ง
ท่านไม่ได้รับประทานหรือดื่มสิ่งใดเลย ท่านคืออะโบ๊กต้า
แล้วผู้คนเหล่านั้นก็ลอกเลียนสิ่งนี้ พวกเขาคดโกงและหลอกลวงมนุษย์อย่างมาก
ลูกมีความรู้ทั้งหมดในสติปัญญาของลูก
ผู้ที่เข้าใจสิ่งนี้ในวงจรก่อนหน้านี้จะเข้าใจสิ่งนี้ในเวลานี้ พ่อพูดว่า:
พ่อมาและสอนลูกทุกๆ วงจร และสังเกตทุกสิ่งในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
ลูกจะศึกษาทุกสิ่งที่ลูกได้เคยศึกษามาก่อนหน้านี้ตามลำดับกันไปตามความเพียรพยามที่ลูกทำ
ต้องใช้เวลา! พวกเขาพูดว่า: ยุคเหล็กนั้นยังคงมีเวลาเหลืออีก 40,000 ปี
สิ่งนี้หมายความว่าพวกเขาอยู่ในความมืดมิดสุดขีด ที่เรียกว่าความมืดของความไม่รู้
มีความแตกต่างของกลางวันและกลางคืน
ระหว่างหนทางความเลื่อมใสศรัทธาและหนทางของความรู้
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจเช่นกัน ลูกๆต้องอยู่ในความสุขอย่างยิ่ง
ลูกมีทุกสิ่ง ลูกไม่มีความปรารถนาใดๆ
ลูกรู้ว่าความปรารถนาทั้งหมดของลูกจะได้รับการเติมเต็มเหมือนกับที่เคยเป็นมาในวงจรก่อนหน้านี้และด้วยเหตุนี้เองลูกที่อยู่อย่างพึงพอใจอย่างสมบูรณ์
ผู้ที่ไม่มีความรู้ก็จะไม่มีความพึงพอใจ ว่ากันว่า:
ไม่มีการหล่อเลี้ยงใดเช่นความสุข ลูกได้รับอาณาจักรชาติแล้วชาติเล่า
ผู้ที่ต้องเป็นสาวใช้และคนใช้จะไม่มีความสุขเท่า
ลูกต้องกลายเป็นนักรบผู้กล้าหาญโดยสิ้นเชิง มายาไม่น่าจะทำให้ลูกสั่นคลอนได้
พ่อพูดว่า: ลูกต้องอยู่อย่างระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับดวงตาของลูก
ไม่ควรจะมีสายตาที่เป็นเช่นอาชญากรใดๆ
บางครั้งดวงตาก็สร้างความร้ายกาจเมื่อมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง โอ!
ลูกเป็นพี่น้องชายและพี่น้องหญิง กุมารและกุมารี
แล้วเหตุใดอวัยวะประสาทสัมผัสของลูกจึงร้ายกาจ? มายาจบสิ้นเศรษฐีและมหาเศรษฐี
มายาฆ่าแม้กระทั่งคนจนโดยสิ้นเชิง แล้วพวกเขาก็พูดว่า: บาบาฉันพ่ายแพ้ โอ้!
ลูกพ่ายแพ้แม้จะผ่านไปหลังจาก 10 ปี! ในเวลานี้ลูกจะตกลงไปในนรกที่ลึกสุดขีด
ลูกสามารถเข้าใจได้ว่าสภาพจิตภายในของพวกเขาเป็นอย่างไร
บางคนก็ทำงานรับใช้อย่างดีมาก แม้แต่กุมารีก็ยิงลูกธนูไปยังบิชชัมปิตาเม ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ถูกกล่าวไว้ในกีตะเพียงเล็กน้อย มีคำพูดของพระเจ้า
ถ้าพระเจ้ากฤษณะพูดกีตะ แล้วทำไมจึงกล่าวว่า: “มีจำนวนน้อยมากที่รู้จักฉันอย่างที่ฉันเป็นและฉันเป็นอะไร?
” ลูกนึกไม่ออกว่าพวกเขาจะทำอย่างไรถ้ากฤษณะอยู่ที่นี่!
กฤษณะมีอยู่ในร่างนั้นในยุคทอง
พวกเขาไม่รู้ว่าพ่อเข้ามาในร่างของชาติเกิดสุดท้ายของกฤษณะ
ทุกคนจะวิ่งมาอยู่เบื้องหน้าของกฤษณะในทันที
เมื่อพระสันตะปาปามาฝูงชนจำนวนมากก็จะมาชุมนุมกันเบื้องหน้าเขา
ผู้คนไม่เข้าใจว่าในเวลานี้ทุกคนนั้นไม่บริสุทธิ์และตาโมประธาน พวกเขาพูดว่า: โอ
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้โปรดมา! อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิคว่าพวกเขานั้นไม่บริสุทธิ์
พ่ออธิบายให้แก่ลูกเป็นอย่างดี สติปัญญาของบาบาส่งถึงลูกพิเศษในทุกๆศูนย์
เมื่อลูกผู้เป็นที่รักพิเศษหลายคนมาที่นี่พ่อมองดูพวกเขาที่นี่
มิฉะนั้นพ่อต้องคิดถึงพวกเขาข้างนอก พ่อทำการร่ายรำแห่งความรู้เบื้องหน้าพวกเขา
เมื่อคนส่วนมากเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้ก็มีความสุขอย่างมาก
ได้มีการทำร้ายลูกสาวอย่างมากมาย พวกเธอต้องอดทนอย่างมากในทุกวงจร
โดยการเข้ามาในความรู้ พวกเขาแม้กระทั่งหยุดแสดงความเลื่อมใสศรัทธา
หากพวกเขามีวัดอยู่ในบ้าน และทั้งสามีและภรรยาก็แสดงความเลื่อมใสศรัทธา
แต่ภรรยากลับมาสนใจในความรู้และหยุดแสดงความเลื่อมใสศรัทธาก็จะมีความปั่นป่วนอย่างมาก
เธอจะไม่ข้องแวะในกิเลสและหยุดศึกษาคัมภีร์ศาสนาด้วยเช่นกัน
และดังนั้นจึงมีต่อสู้กัน มีอุปสรรคมากมายในสิ่งนี้
พวกเขาไม่ได้ขัดขวางลูกจากการไปยังชุมนุมทางจิตอื่นๆ
ที่นี่เป็นเรื่องของความบริสุทธิ์
เมื่อผู้ชายไม่สามารถอยู่บ้านได้พวกเขาก็หนีไปอยู่ป่า ผู้หญิงจะไปไหน?
พวกเขาเชื่อว่าผู้หญิงคือประตูไปสู่นรก พ่อพูดว่า: พวกเขาคือประตูไปสู่สวรรค์
ลูกสาวกำลังก่อตั้งสวรรค์ ก่อนหน้านี้ลูกเป็นประตูไปสู่นรก
เวลานี้สวรรค์กำลังได้รับการก่อตั้งขึ้นมา
ยุคทองคือประตูไปสู่สวรรค์และยุคเหล็กคือประตูไปสู่นรก นี่คือสิ่งที่ต้องเข้าใจ
ลูกๆ เข้าใจสิ่งนี้ตามลำดับกันไปด้วยเช่นกันตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
แม้ว่าลูกจะอยู่อย่างบริสุทธิ์ ลูกก็ซึมซับความรู้ตามลำดับกันไป
ลูกออกมาจากที่นั่นและตอนนี้นั่งอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามมีการอธิบายให้แก่ลูกแล้วว่าเวลานี้ลูกต้องอาศัยอยู่ในครัวเรือนของลูกกับครอบครัวของลูก
พวกเขามีความยากลำบากมาก! ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้มีความยากลำบากเลย
ดังนั้นพ่ออธิบายว่า:
อยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูกและคงอยู่อย่างบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว
นี่เป็นเรื่องของชาติเกิดสุดท้ายเดียวเท่านั้น
ในขณะที่อยู่บ้านกับครอบครัวของลูกให้คิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ
เป็นดวงวิญญาณที่รับฟังสิ่งนี้ และเป็นดวงวิญญาณที่ต้องกลายเป็นสิ่งนี้
เป็นดวงวิญญาณที่สวมใส่ชุดที่แตกต่างกันทุกๆ ชาติเกิด
เวลานี้เราดวงวิญญาณต้องกลับบ้าน เราต้องมีโยคะกับพ่อ นี่คือสิ่งหลัก พ่อพูดว่า:
พ่อกำลังพูดกับดวงวิญูญาณ
แต่ละดวงวิญญาณอาศัยอยู่ตรงกลางหน้าผากและรับฟังด้วยอวัยวะเหล่านี้
เมื่อดวงวิญญูาณไม่อยู่ในร่างของเขา ร่างกายก็จะกลายเป็นชากศพ
พ่อมาและให้ความรู้ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้
ไม่มีใครนอกจากดวงวิญญาณสูงสุดสามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้
ซันยาสซีฯลฯไม่ได้มองไปที่ดวงวิญญาณ พวกเขาคิดว่าแต่ละดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณสูงสุด
แล้วพวกเขาบอกว่า ดวงวิญญาณมีภูมิคุ้มกันต่อผลของการกระทำ
และดังนั้นพวกเขาจึงไปที่แม่น้ำคงคาเพื่อชำระร่างกายของพวกเขา
พวกเขาไม่เข้าใจว่าเป็นดวงวิญญาณที่กลับมาไม่บริสุทธิ์ เป็นดวงวิญญาณที่ทำทุกสิ่ง
พ่อยังคงอธิบายให้กับลูกต่อไป อย่าได้คิดว่า: ฉันคือคนนั้นคนนี้
ฉันเป็นเช่นนั้นเช่นนี้... ไม่เลย ทุกคนเป็นดวงวิญญาณ
จะต้องไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะใดๆ พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ
รัฐบาลไม่เชื่อในศาสนาใดๆ ศาสนาทั้งหมดเหล่านั้นล้วนเป็นของร่างกาย
แต่พ่อของดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นเพียงผู้เดียว ลูกต้องมองที่ดวงวิญญาณ
ศาสนาดั้งเดิมของทุกดวงวิญญาณคือความสงบ อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่พ่อ บัฟดาดา พ่อจิตพูดนมัสเตกับลูก ๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
ฟังสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดที่ลูกได้ยินด้วยหูข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้ออกไปจากหูอีกข้างหนึ่ง
อย่าได้ฟังสิ่งที่เลวร้าย อย่าได้มองเห็นสิ่งที่เลวร้าย!
ซึมซับคำสอนที่พ่อให้แก่ลูก
2. อย่าได้มีความปรารถนาที่มีขีดจำกัดใดๆ จงระมัดระวังเกี่ยวกับดวงตาของลูกอย่างมาก
ไม่ควรจะมีสายตาที่เป็นเช่นอาชญากร อย่าปล่อยให้อวัยวะประสาทสัมผัสใดๆ
ของลูกสร้างความซุกซนร้ายกาจ อยู่อย่างเต็มไปด้วยความสุข
พร:
ขอให้ลูกกลายเป็นภาพลักษณ์แห่งการดึงดูดโดยการเพิ่มความเปล่งประกายของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณด้วยน้ำมันแห่งความใส่ใจ
เมื่อดวงดาวแห่งสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณถูกสร้างให้ส่องแสงโดยพ่อด้วยความรู้แล้วก็ไม่สามารถดับลงได้
อย่างไรก็ตามเปอร์เซ็นต์ของความเปล่งประกายสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
ดาวที่ส่องแสงจะดึงดูดทุกคนเมื่อลูกเฝ้าแต่เทน้ำมันแห่งความสนใจลงในตะเกียงทุกวันในเวลาอมฤต
เมื่อเทน้ำมันลงในตะเกียงมันก็จะยังคงสว่างอยู่ตลอดเวลา
การเอาใจใส่อย่างเต็มที่ด้วยวิธีนี้หมายถึงการปลูกฝังคุณธรรมและพลังทั้งหมดของพ่อไว้ในตัวลูกเอง
การให้ความใส่ใจเช่นนี้ลูกจะกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ดึงดูด
คติพจน์:
ด้วยทัศนคติของการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัด เปิดเผยเมล็ดแห่งความพยายามทางจิตวิญญาณ