29.11.20    Avyakt Bapdada     Thai Murli     23.01.87     Om Shanti     Madhuban


คุณสมบัติพิเศษของดวงดาวแห่งความสำเร็จ


วันนี้ดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้กำลังมองเห็นกาแลคซีที่ส่องประกายของพวกเขา ดวงดาวเหล่านั้นคือดวงดาวบนท้องฟ้าและดวงดาวเหล่านี้คือดวงดาวของโลก ดวงดาวเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและดวงดาวเหล่านี้คือดวงดาวของพระเจ้าดวงดาวทางจิต ดวงดาวเหล่านั้นปรากฏออกมาในเวลากลางคืนและดวงดาวทางจิตเหล่านี้คือดวงดาวแห่งความรู้ ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับก็อุบัติในกลางคืนของบราห์มา ดวงดาวเหล่านั้นไม่ได้เปลี่ยนกลางคืนให้เป็นกลางวัน เป็นเพียงดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน อย่างไรก็ตามลูกดวงดาวกลายเป็นมิตรร่วมทางของดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้และเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน เช่นเดียวกับที่ลูกสามารถเห็นดวงดาวหลายประเภทที่เปล่งประกายในกาแลคซีทางกายภาพ ในทำนองเดียวกันก็สามารถเห็นดวงดาวหลายประเภทที่ส่องประกายระยิบระยับในกาแลคซีของพระเจ้า บ้างเป็นดวงดาวที่อยู่ใกล้และบ้างก็เป็นดวงดาวที่อยู่ไกลออกไป บ้างเป็นดวงดาวแห่งความสำเร็จและบ้างเป็นดวงดาวแห่งความหวัง บ้างรักษาสภาพเดียวไว้ได้และอื่นๆมีสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ดวงดาวเหล่านั้นเปลี่ยนตำแหน่งของพวกเขา ในขณะที่ที่นี่พวกเขาเปลี่ยนสภาพของเขา เช่นเดียวกับในกาแลคซีทางกายภาพ-ลูกมีดาวหาง ในทำนองเดียวกันที่นี่ลูกมีดวงดาวที่มีหางเครื่องหมายคำถามอยู่ในทุกงาน: "ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? นี่คืออะไร?" เช่นเดียวกับที่กล่าวกันว่าดาวหางมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลก ในทำนองเดียวกันผู้ที่ถามคำถามเดียวกันตลอดเวลาก็ทำให้บรรยากาศในครอบครัวบราห์มินหนักหน่วงเช่นกัน ลูกทุกคนมีประสบการณ์ในสิ่งนี้ เมื่อมีหางในความคิดของลูกเกี่ยวกับตนเองว่า "ทำไม?" หรือ "อะไร?" สภาพของตัวลูกเอง ของจิตใจและสติปัญญาของลูกจะหนักหน่วง พร้อมกันนั้นหากมีหางของเครื่องหมายคำถามเช่น "ทำไม? อะไร? ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นเช่นนี้" ในชุมนุมหรือในงานงานรับใช้ใด ๆ แล้วบรรยากาศของชุมนุมหรือสนามของการทำงานรับใช้ก็จะกลับมาหนักหน่วงทันที ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อลูก ต่อชุมนุมและต่องานรับใช้ในทันที ดวงดาวบนท้องฟ้าบางดวงตกลงมาจากท้องฟ้าแล้วดวงดาวเหล่านั้นจะกลายเป็นอะไร? เป็นหิน ด้วยดวงดาวของพระเจ้าเช่นกันเมื่อพวกเขาลงมาจากสภาพที่สูงส่งของศรัทธา ความสัมพันธ์ และดาน่า ส่วนตัวของพวกเขา พวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่เป็นหิน พวกเขากลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่เป็นหินได้อย่างไร? ไม่ว่าจะเทน้ำลงบนหินมากแค่ไหนหินก็จะไม่ละลาย มันจะเปลี่ยนรูปแบบ แต่จะไม่ละลาย หินไม่สามารถดูดซับอะไรได้ ในทำนองเดียวกันเมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเป็นหินแล้วไม่ว่าลูกจะพยายามทำให้พวกเขาตระหนักถึงสิ่งที่ดีมากมายเพียงใดพวกเขาก็จะไม่สามารถตระหนักได้ ไม่ว่าลูกจะเทน้ำแห่งความรู้มากแค่ไหนพวกเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้มีสติปัญญาเป็นหิน ดังนั้นลองถามตนเองดูว่า ฉันเป็นดาวประเภทใดในกาแล็กซีของพระเจ้านี้?

ดวงดาวที่สูงที่สุดคือดาวแห่งความสำเร็จ ดวงดาวแห่งความสำเร็จหมายถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง นั่นคือผู้ที่ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายเสมอด้วยวิธีการของการใช้ความพยายามของเขา ผู้ที่เป็นดวงดาวแห่งความสำเร็จจะไม่มีทางคิดเกี่ยวกับความพยายามของตนเองเช่น "ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่" "ฉันจะทำได้หรือไม่?" พวกเขาจะไม่ประสบกับการขาดความสำเร็จแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับที่มีคติพจน์ "ความสำเร็จคือสิทธิโดยกำเนิดของลูก" ดังนั้นพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จตามสิทธิของตนเองเสมอ คำจำกัดความของการมีสิทธิคือลูกได้มาซึ่งสิ่งนั้นโดยไม่ต้องลำบากตรากตรำและไม่ต้องร้องขอ เมื่อลูกได้รับบางสิ่งอย่างง่ายดายและโดยอัตโนมัติ มันเป็นที่รู้จักกันดีว่าการมีสิทธิ์ ในทำนองเดียวกันสิ่งหนึ่งคือความสำเร็จสำหรับตนเองและอีกสิ่งหนึ่งคือความสำเร็จเมื่อมีความสัมพันธ์และการติดต่อกับผู้อื่น ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นดวงวิญญาณบราห์มินหรือจากครอบครัวทางโลกของลูกหรือจากความสัมพันธ์ของลูกผ่านงานทางโลก ในทุกความสัมพันธ์และในการติดต่อทั้งหมดบนพื้นฐานของการมีสิทธิ์ที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากลำบากเพียงใด ลูกจะพบว่ามันเป็นเรื่องง่าย นั่นคือลูกจะก้าวหน้าต่อไปและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ใช่อาจต้องใช้เวลา แต่ลูกจะมีสิทธิ์ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ในทำนองเดียวกันไม่ว่าจะเป็นงานทางกายภาพหรืองานงานรับใช้ทางจิต ทั้งสองบริบทพวกเขาจะมีความศรัทธาในสติปัญญาของตนว่าจะประสบความสำเร็จในการกระทำของพวกเขา บางครั้งพวกเขาอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ พวกเขาแม้กระทั่งอาจต้องอดทนต่อผู้คนด้วยซ้ำ แต่ความอดทนนั้นจะกลายเป็นหนทางให้พวกเขาก้าวหน้า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ สถานการณ์จะกลายเป็นหนทางให้สภาพของพวกเขาไปสู่สภาพที่โบยบิน นั่นคือพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายและโดยอัตโนมัติในทุกสิ่ง

สัญลักษณ์พิเศษของดวงดาวแห่งความสำเร็จคือพวกเขาไม่เคยหยิ่งยโสในความสำเร็จของตนเอง พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้ร้องเพลงสรรเสริญพวกเขาเอง แต่ยิ่งพวกเขาประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งมีความถ่อมตนสร้างสรรค์และมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนมากเท่านั้น คนอื่น ๆ ร้องเพลงสรรเสริญพวกเขา แต่พวกเขาเองก็ร้องเพลงสรรเสริญพ่อเสมอ ดวงดาวแห่งความสำเร็จไม่เคยมีคำถามใดๆ พวกเขาอยู่อย่างมั่นคงในรูปแบบของจุดเสมอและในทุกๆงานพวกเขาจะเตือนคนอื่นๆถึงประเด็นของละคร พวกเขาทำให้พวกเขาเป็นผู้ทำลายอุปสรรคและให้พลังแก่พวกเขาและนำพวกเขาไปใกล้จุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จต่อไป เมื่อเห็นการได้มาซึ่งการบรรลุผลที่มีขีดจำกัด ดวงดาวแห่งความสำเร็จจะไม่มีความสุขมากนักเมื่อมีการบรรลุผล และความสุขของพวกเขาก็ไม่ลดลงหากมีสถานการณ์อื่นเกิดขึ้นหรือเมื่อไม่มีการบรรลุผล พวกเขาไม่มีสภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ พวกเขาเป็นภาพลักษณ์แห่งความสำเร็จที่ไม่มีขีดจำกัดเสมอ พวกเขาอยู่อย่างสม่ำเสมอและมั่นคงในสภาพที่สูงส่งเดียว ในสถานการณ์หรืองานภายนอก,คนอื่นๆอาจประสบกับความล้มเหลวจากภายนอก แต่ดวงดาวแห่งความสำเร็จไม่ได้รับอิทธิพลจากความล้มเหลวพวกเขาจะเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นความสำเร็จด้วยสภาพดั้งเดิมของการประสบความสำเร็จของพวกเขา สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติพิเศษของดวงดาวแห่งความสำเร็จ ตอนนี้ถามตนเองว่า: ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นเพียงดวงดาวแห่งความหวังหรือฉันเป็นตัวแห่งความสำเร็จ? เป็นเรื่องดีที่จะมีความหวัง แต่เพียงแค่ก้าวไปอย่างเป็นผู้ที่มีความหวังและไม่ประสบความสำเร็จในทางปฏิบัติบางครั้งทำให้ลูกมีพลังและบางครั้งก็ท้อแท้ ลูกประสบกับความแปรปรวนนี้อย่างมาก ในสถานการณ์ใดก็ตามที่ใดมีความแปรปรวนมากก็จะมีความเหนื่อยล้า ดังนั้นที่นี่เช่นกันในขณะที่ลูกกำลังเดินและเคลื่อนไหวไปมาประสบการณ์ของความเหนื่อยล้าก็ทำให้ลูกท้อถอย ดังนั้นแทนที่จะไม่มีความหวัง,มันเป็นการดีที่จะมีความหวัง แต่คนที่ประสบกับความสำเร็จจะมีความสูงส่งเสมอ อัจชะ ลูกเคยได้ยินเรื่องราวของกาแลคซีหรือไม่? ไม่ใช่แค่ฮอล(ห้องโถง)ของมธุบันเท่านั้นที่เป็นกาแลคซี่ แต่โลกของบราห์มินที่ไม่มีขีดจำกัดคือกาแล็กซี่ อัจชะ

ทุกคนที่มาเป็นลูกใหม่ ลูกเป็นคนใหม่และคนเก่ามากเพราะลูกเป็นคนที่มาจากหลายวงจรและลูกก็เก่ามาก ดังนั้นความจริงจังและความกระตือรือร้นของลูกใหม่ที่จะเฉลิมฉลองการพบปะที่ถูกกำหนดไว้แล้วในละครได้รับการเติมเต็มแล้วในเวลานี้ ลูกมีความกระตือรือร้นมาก ฉันต้องการไป ฉันต้องการไป ... ลูกมีความกระตือรือร้นมากที่ลูกไม่ฟังคำแนะนำเลยด้วยซ้ำ ลูกได้หลุดหายไปในความซาบซึ้งของการพบปะ ลูกได้รับการบอกบ่อยครั้งว่ามีคนจำนวนเล็กน้อยที่ควรมา มีเพียงไม่กี่คนที่ควรมา แต่มีใครฟังบ้างไหม? บัพดาดาพอใจที่ได้เห็นทุกฉากของละคร ที่ลูกๆหลายคนต้องมาและนี่คือสาเหตุที่พวกเขามา ลูกทุกคนได้รับทุกสิ่งอย่างง่ายดายใช่หรือไม่? มันไม่ยากใช่ไหม? นี่ก็เป็นการซักซ้อมที่เกิดขึ้นตามละคร ลูกทุกคนมีความสุขใช่ไหม? ลูกเป็นคนที่ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายใช่ไหม? การให้ความร่วมมือในทุกงานและให้ความร่วมมือในทิศทางใดก็ตามที่ลูกได้รับหมายถึงการทำให้มันง่ายดาย หากลูกให้ความร่วมมือแล้วแม้กระทั่ง 5,000 คนก็สามารถเข้าพักได้ในห้องโถงนี้ ในขณะที่ถ้าลูกไม่ได้ให้ความร่วมมือนั่นคือถ้าลูกไม่ทำตามระบบก็ยากที่จะรองรับได้ถึง 500 คน ดังนั้นให้แสดงบันทึกของลูกแก่ดาดี้ก่อนที่ลูกจะไป ที่ออกมาจากหัวใจของทุกคนว่า 5,000 คนนั้นได้รับการเข้าพักราวกับว่ามีแค่ 500 คน สิ่งนี้เรียกว่าการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ลูกทุกคนได้สร้างบันทึกที่ดีของตนเองแล้วใช่ไหม? ลูกได้รับใบประกาศนียบัตรที่ดี อยู่อย่างมีความสุขในลักษณะนี้อยู่เสมอและทำให้ผู้อื่นมีความสุขและลูกจะปรบมืออย่างต่อเนื่องตลอดเวลา บันทึกของลูกดี ดังนั้นดูสิตามละครลูกมีโอกาสได้พบปะถึงสองครั้ง นี่คือการต้อนรับสำหรับคนใหม่ตามละคร อัจชะ

ถึงดวงดาวแห่งความสำเร็จที่สม่ำเสมอ,ทางจิตและสูงส่ง ถึงผู้ที่ทำให้โลกเปล่งประกายด้วยสภาพที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอของพวกเขา ถึงผู้ที่อยู่กับดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้ตลอดเวลา ถึงผู้ที่มีความซาบซึ้งในศรัทธาอยู่เสมอและผู้ที่อยู่อย่างถ่อมตน ถึงดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับของกาแลคซี่แห่งพระเจ้า ด้วยความรักระลึกถึงทางจิตและนมัสเตจากบัพดาดา ดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้

บัพดาดาพลกลุ่ม:

1) ลูกคิดว่าตนเองปราศจากอุปสรรคและเป็นเพชรพลอยแห่งชัยชนะอยู่เสมอหรือไม่? เป็นสิ่งที่ดีสำหรับอุปสรรคที่จะมา แต่อย่าปล่อยให้อุปสรรคมาเอาชนะลูก อุปสรรคกลายเป็นวิธีการที่จะทำให้ลูกแข็งแกร่งตลอดกาล พิจารณาอุปสรรคว่าเป็นเกมที่สนุกสนานและเอาชนะมัน สิ่งนี้เรียกได้ว่าปราศจากอุปสรรคและได้รับชัยชนะ ดังนั้นลูกไม่กลัวอุปสรรคใช่ไหม? เมื่อลูกเป็นมิตรร่วมทางของพ่อลูกก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องกลัวอะไร เมื่อใครบางคนอยู่คนเดียวเขาก็จะกลัว อย่างไรก็ตามเมื่อลูกมีใครสักคนอยู่กับลูก,ลูกก็จะไม่กลัว ลูกกลายเป็นคนกล้าหาญในเวลานั้น ดังนั้นเมื่อลูกเป็นมิตรร่วมทางของพ่อ,อุปสรรคจะกลัวหรือลูกจะกลัว? อะไรคืออุปสรรคที่อยู่เบื้องหน้าของผู้ทรงพลังอำนาจ? ไม่มีอะไรเลย! ด้วยเหตุนี้เองที่อุปสรรคดูเหมือนเป็นเกม ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย อุปสรรคทำให้ลูกมีประสบการณ์และมีพลัง ผู้ที่อยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่ออย่างสม่ำเสมอและข้องแวะอยู่ในงานรับใช้และไม่ว่างเว้นจากงานรับใช้จะอยู่อย่างเป็นอิสระจากอุปสรรค หากสติปัญญาของลูกว่างแล้วอุปสรรคและมายาก็จะมา ถ้าลูกยุ่งอยู่เสมอ มายาก็หลบเลี่ยงไป เธอจะไม่มา เธอจะจากไป มายาก็รู้เช่นกันว่าลูกไม่ใช่มิตรของเธอและตอนนี้ลูกเป็นมิตรของพระเจ้า ดังนั้นเธอจึงหลบออกไป ลูกได้รับชัยชนะมานับครั้งไม่ถ้วน และดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ลูกจะได้รับชัยชนะ ลูกพบว่างานอะไรก็ตามที่ลูกได้ทำมาหลายครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดาย ดังนั้นลูกจึงได้รับชัยชนะหลายต่อหลายครั้ง ลูกเป็นผู้ที่อยู่อย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลาใช่หรือไม่? ผู้เป็นแม่,ลูกยังคงมีความสุขอยู่เสมอหรือไม่? ลูกเคยร้องไห้ไหม? หากลูกต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ลูกจะร้องไห้ไหม? ลูกเป็นคนกล้าหาญ พันดาวาสลูกไม่ร้องไห้ในจิตใจเลยใช่ไหม? "ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น" เกิดอะไรขึ้น? "ลูกไม่ร้องไห้ในลักษณะนี้ใช่ไหม? ถ้าหลังจากมาเป็นของพ่อแล้วลูกไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา แล้วลูกจะมีความสุขเมื่อใด? การเป็นของพ่อหมายถึงการมีความสุขตลอดเวลา ลูกไม่เสียใจหรือร้องไห้ด้วยความทุกข์ ความทุกข์ทั้งหมดของลูกถูกขจัดออกไปแล้ว ดังนั้นจงจำพรนี้ของลูกไว้เสมอ อัจชะ

2) ลูกคิดว่าตนเองเป็นดอกกุหลาบทางจิตในสวนทางจิตนี้หรือไม่? จากดอกไม้ทั้งหมด ดอกกุหลาบเป็นที่รักมากที่สุดเพราะมีกลิ่นหอม ดังนั้นนั่นคือดอกกุหลาบและลูกทุกคนคือดอกกุหลาบทางจิต ดอกกุหลาบทางจิตหมายถึงผู้ที่มีกลิ่นหอมทางจิตอยู่เสมอ ไม่ว่าลูกผู้เป็นดอกกุหลาบทางจิตจะมองไปที่ใด ใครก็ตามที่ลูกมองเห็น ลูกจะเห็นเพียงจิตวิญญาณ ลูกไม่ได้มองไปที่ร่างกาย ตัวลูกเองจะคงอยู่ในสภาพทางจิตวิญญาณและลูกจะมองไปที่จิตวิญญาณ (ดวงวิญญาณ) ของผู้อื่นอยู่เสมอ สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นดอกกุหลาบทางจิต นี่คือสวนของพ่อ เช่นเดียวกับที่พ่อเป็นผู้สูงสุดเหนือสิ่งใด สวนนี้ก็สูงที่สุดเช่นกัน และเครื่องประดับตกแต่งพิเศษของสวนนี้คือลูกผู้เป็นดอกกุหลาบทางจิตทั้งหมด กลิ่นหอมทางจิตวิญญาณนี้จะเป็นประโยชน์ต่อดวงวิญญาณมากมาย

เหตุผลของความยากลำบากทั้งหมดในโลกทุกวันนี้คือพวกเขาไม่มองเห็นกันและกันอย่างเป็นจิตวิญญาณ(ดวงวิญญาณ) ปัญหาทั้งหมดเป็นเพราะสำนึกที่เป็นร่าง หากพวกเขามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณปัญหาทั้งหมดก็จะจบลง ลูกผู้เป็นดอกกุหลาบทางจิตเป็นเครื่องมือในการกระจายกลิ่นหอมทางจิตไปทั่วโลก ลูกมีความซาบซึ้งอยู่เสมอหรือไม่? ไม่ใช่ว่าเป็นอย่างหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งและเป็นอย่างอื่นในช่วงเวลาถัดไป มีพลังในการมีสภาพที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อสภาพของลูกเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆพลังของลูกจะลดลง อยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่ออย่างสม่ำเสมอและเมื่อใดก็ตามที่มีวิธีในการทำงานรับใช้จงรับโอกาสนั้นและก้าวต่อไป จงคิดว่าตนเองเป็นดอกกุหลาบทางจิตของสวนของพระเจ้าและเฝ้าแต่ส่งกลิ่นหอมทางจิตต่อไป มันช่างเป็นกลิ่นหอมทางจิตที่แสนหวานซึ่งทุกคนต้องการ กลิ่นหอมทางจิตวิญญาณนี้ให้ประโยชน์ต่อดวงวิญญาณมากมายและตัวลูกเอง บัพดาดายังคงดูอยู่เรื่อยๆว่าลูกจะกระจายกลิ่นหอมทางจิตนี้ไปได้ไกลแค่ไหนและกระจายได้มากแค่ไหน หากมีการปะปนสำนึกที่เป็นร่างแม้แต่น้อยกับสิ่งนี้ ก็จะไม่มีกลิ่นหอมทางจิตดั้งเดิมนั้น ด้วยกลิ่นหอมทางจิตนี้จะทำให้ผู้อื่นมีกลิ่นหอมอยู่เสมอ ลูกไม่สั่นคลอนอยู่เสมอหรือไม่? ไม่มีความปั่นป่วนมาทำให้ลูกขึ้นๆลงๆใช่หรือไม่? เมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้นหรือลูกได้ยินหรือได้เห็นบางสิ่งลูกจะไม่เกิดความปั่นป่วนใช่ไหม? เมื่อไม่มีอะไรใหม่ทำไมลูกถึงแปรปรวนขึ้นๆลงๆ? จะมีความแปรปรวนหากเป็นสิ่งใหม่ ทั้งหมดนี้"ทำไม?อะไร?"เกิดขึ้นมาแล้วหลายวงจร และนี่เรียกว่าการมีสติปัญญาด้วยศรัทธาที่ว่ามันถูกกำหนดไว้แล้วในละคร ลูกเป็นมิตรของผู้ทรงพลังอำนาจและดังนั้นลูกจึงเป็นจักรพรรดิที่ไร้กังวล ลูกได้มอบความกังวลทั้งหมดของลูกให้กับพ่อและดังนั้นตัวลูกเองก็กลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้กังวลตลอดกาล จงกระจายกลิ่นหอมทางจิตต่อไปอยู่เสมอและอุปสรรคทั้งหมดจะจบสิ้นลง อัจชะ

พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีสำหรับทุกคนและมีความคิดในเชิงบวกสำหรับตัวลูกเองด้วยเช่นกัน และดังนั้นจึงทำให้เวลาแห่งการเปิดเผยใกล้เข้ามา

พื้นฐานของความสำเร็จในงานรับใช้คือการมีทัศนคติของความปรารถนาดี เพราะทัศนคติของลูกนี้จะเพิ่มพลังให้ผู้อื่นที่จะซึมซับและค้นพบได้มากขึ้น ด้วยสิ่งนี้งานรับใช้ด้วยคำพูดจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ดวงวิญญาณที่มีความคิดในเชิงบวกต่อตนเองจะเป็นสิ่งที่ป้องกันมายาได้เสมอและจะมีภูมิคุ้มกันต่อการดูดซับความอ่อนแอของใครก็ตามและมีภูมิคุ้มกันต่อการดึงดูดไปสู่บุคคลหรือทรัพย์สมบัติใดๆ เมื่อลูกนำพรทั้งสองนี้ไปใช้ในชีวิตจริงในทางปฏิบัติของลูกแล้วเวลาแห่งการเปิดเผยจะมาถึง

คติพจน์:
อุทิศแม้กระทั่งความคิดของลูก และความอ่อนแอทั้งหมดจะหายไปโดยอัตโนมัติ