29.11.20 Avyakt Bapdada Thai Murli
23.01.87 Om Shanti Madhuban
คุณสมบัติพิเศษของดวงดาวแห่งความสำเร็จ
วันนี้ดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้กำลังมองเห็นกาแลคซีที่ส่องประกายของพวกเขา
ดวงดาวเหล่านั้นคือดวงดาวบนท้องฟ้าและดวงดาวเหล่านี้คือดวงดาวของโลก
ดวงดาวเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและดวงดาวเหล่านี้คือดวงดาวของพระเจ้าดวงดาวทางจิต
ดวงดาวเหล่านั้นปรากฏออกมาในเวลากลางคืนและดวงดาวทางจิตเหล่านี้คือดวงดาวแห่งความรู้
ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับก็อุบัติในกลางคืนของบราห์มา
ดวงดาวเหล่านั้นไม่ได้เปลี่ยนกลางคืนให้เป็นกลางวัน
เป็นเพียงดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน
อย่างไรก็ตามลูกดวงดาวกลายเป็นมิตรร่วมทางของดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้และเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน
เช่นเดียวกับที่ลูกสามารถเห็นดวงดาวหลายประเภทที่เปล่งประกายในกาแลคซีทางกายภาพ
ในทำนองเดียวกันก็สามารถเห็นดวงดาวหลายประเภทที่ส่องประกายระยิบระยับในกาแลคซีของพระเจ้า
บ้างเป็นดวงดาวที่อยู่ใกล้และบ้างก็เป็นดวงดาวที่อยู่ไกลออกไป
บ้างเป็นดวงดาวแห่งความสำเร็จและบ้างเป็นดวงดาวแห่งความหวัง
บ้างรักษาสภาพเดียวไว้ได้และอื่นๆมีสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ดวงดาวเหล่านั้นเปลี่ยนตำแหน่งของพวกเขา ในขณะที่ที่นี่พวกเขาเปลี่ยนสภาพของเขา
เช่นเดียวกับในกาแลคซีทางกายภาพ-ลูกมีดาวหาง
ในทำนองเดียวกันที่นี่ลูกมีดวงดาวที่มีหางเครื่องหมายคำถามอยู่ในทุกงาน: "ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
นี่คืออะไร?" เช่นเดียวกับที่กล่าวกันว่าดาวหางมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลก
ในทำนองเดียวกันผู้ที่ถามคำถามเดียวกันตลอดเวลาก็ทำให้บรรยากาศในครอบครัวบราห์มินหนักหน่วงเช่นกัน
ลูกทุกคนมีประสบการณ์ในสิ่งนี้ เมื่อมีหางในความคิดของลูกเกี่ยวกับตนเองว่า "ทำไม?"
หรือ "อะไร?" สภาพของตัวลูกเอง ของจิตใจและสติปัญญาของลูกจะหนักหน่วง
พร้อมกันนั้นหากมีหางของเครื่องหมายคำถามเช่น "ทำไม? อะไร? ไม่ใช่อย่างนั้น
แต่เป็นเช่นนี้" ในชุมนุมหรือในงานงานรับใช้ใด ๆ
แล้วบรรยากาศของชุมนุมหรือสนามของการทำงานรับใช้ก็จะกลับมาหนักหน่วงทันที
ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อลูก ต่อชุมนุมและต่องานรับใช้ในทันที
ดวงดาวบนท้องฟ้าบางดวงตกลงมาจากท้องฟ้าแล้วดวงดาวเหล่านั้นจะกลายเป็นอะไร? เป็นหิน
ด้วยดวงดาวของพระเจ้าเช่นกันเมื่อพวกเขาลงมาจากสภาพที่สูงส่งของศรัทธา ความสัมพันธ์
และดาน่า ส่วนตัวของพวกเขา พวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่เป็นหิน
พวกเขากลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่เป็นหินได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะเทน้ำลงบนหินมากแค่ไหนหินก็จะไม่ละลาย มันจะเปลี่ยนรูปแบบ แต่จะไม่ละลาย
หินไม่สามารถดูดซับอะไรได้
ในทำนองเดียวกันเมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเป็นหินแล้วไม่ว่าลูกจะพยายามทำให้พวกเขาตระหนักถึงสิ่งที่ดีมากมายเพียงใดพวกเขาก็จะไม่สามารถตระหนักได้
ไม่ว่าลูกจะเทน้ำแห่งความรู้มากแค่ไหนพวกเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง
สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้มีสติปัญญาเป็นหิน ดังนั้นลองถามตนเองดูว่า
ฉันเป็นดาวประเภทใดในกาแล็กซีของพระเจ้านี้?
ดวงดาวที่สูงที่สุดคือดาวแห่งความสำเร็จ
ดวงดาวแห่งความสำเร็จหมายถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือผู้ที่ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายเสมอด้วยวิธีการของการใช้ความพยายามของเขา
ผู้ที่เป็นดวงดาวแห่งความสำเร็จจะไม่มีทางคิดเกี่ยวกับความพยายามของตนเองเช่น "ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่"
"ฉันจะทำได้หรือไม่?" พวกเขาจะไม่ประสบกับการขาดความสำเร็จแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับที่มีคติพจน์ "ความสำเร็จคือสิทธิโดยกำเนิดของลูก"
ดังนั้นพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จตามสิทธิของตนเองเสมอ
คำจำกัดความของการมีสิทธิคือลูกได้มาซึ่งสิ่งนั้นโดยไม่ต้องลำบากตรากตรำและไม่ต้องร้องขอ
เมื่อลูกได้รับบางสิ่งอย่างง่ายดายและโดยอัตโนมัติ
มันเป็นที่รู้จักกันดีว่าการมีสิทธิ์
ในทำนองเดียวกันสิ่งหนึ่งคือความสำเร็จสำหรับตนเองและอีกสิ่งหนึ่งคือความสำเร็จเมื่อมีความสัมพันธ์และการติดต่อกับผู้อื่น
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นดวงวิญญาณบราห์มินหรือจากครอบครัวทางโลกของลูกหรือจากความสัมพันธ์ของลูกผ่านงานทางโลก
ในทุกความสัมพันธ์และในการติดต่อทั้งหมดบนพื้นฐานของการมีสิทธิ์ที่จะประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากลำบากเพียงใด ลูกจะพบว่ามันเป็นเรื่องง่าย
นั่นคือลูกจะก้าวหน้าต่อไปและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ใช่อาจต้องใช้เวลา
แต่ลูกจะมีสิทธิ์ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ในทำนองเดียวกันไม่ว่าจะเป็นงานทางกายภาพหรืองานงานรับใช้ทางจิต
ทั้งสองบริบทพวกเขาจะมีความศรัทธาในสติปัญญาของตนว่าจะประสบความสำเร็จในการกระทำของพวกเขา
บางครั้งพวกเขาอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์
พวกเขาแม้กระทั่งอาจต้องอดทนต่อผู้คนด้วยซ้ำ
แต่ความอดทนนั้นจะกลายเป็นหนทางให้พวกเขาก้าวหน้า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์
สถานการณ์จะกลายเป็นหนทางให้สภาพของพวกเขาไปสู่สภาพที่โบยบิน
นั่นคือพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายและโดยอัตโนมัติในทุกสิ่ง
สัญลักษณ์พิเศษของดวงดาวแห่งความสำเร็จคือพวกเขาไม่เคยหยิ่งยโสในความสำเร็จของตนเอง
พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้ร้องเพลงสรรเสริญพวกเขาเอง
แต่ยิ่งพวกเขาประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งมีความถ่อมตนสร้างสรรค์และมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนมากเท่านั้น
คนอื่น ๆ ร้องเพลงสรรเสริญพวกเขา แต่พวกเขาเองก็ร้องเพลงสรรเสริญพ่อเสมอ
ดวงดาวแห่งความสำเร็จไม่เคยมีคำถามใดๆ
พวกเขาอยู่อย่างมั่นคงในรูปแบบของจุดเสมอและในทุกๆงานพวกเขาจะเตือนคนอื่นๆถึงประเด็นของละคร
พวกเขาทำให้พวกเขาเป็นผู้ทำลายอุปสรรคและให้พลังแก่พวกเขาและนำพวกเขาไปใกล้จุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จต่อไป
เมื่อเห็นการได้มาซึ่งการบรรลุผลที่มีขีดจำกัด
ดวงดาวแห่งความสำเร็จจะไม่มีความสุขมากนักเมื่อมีการบรรลุผล
และความสุขของพวกเขาก็ไม่ลดลงหากมีสถานการณ์อื่นเกิดขึ้นหรือเมื่อไม่มีการบรรลุผล
พวกเขาไม่มีสภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ
พวกเขาเป็นภาพลักษณ์แห่งความสำเร็จที่ไม่มีขีดจำกัดเสมอ
พวกเขาอยู่อย่างสม่ำเสมอและมั่นคงในสภาพที่สูงส่งเดียว ในสถานการณ์หรืองานภายนอก,คนอื่นๆอาจประสบกับความล้มเหลวจากภายนอก
แต่ดวงดาวแห่งความสำเร็จไม่ได้รับอิทธิพลจากความล้มเหลวพวกเขาจะเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นความสำเร็จด้วยสภาพดั้งเดิมของการประสบความสำเร็จของพวกเขา
สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติพิเศษของดวงดาวแห่งความสำเร็จ ตอนนี้ถามตนเองว่า:
ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นเพียงดวงดาวแห่งความหวังหรือฉันเป็นตัวแห่งความสำเร็จ?
เป็นเรื่องดีที่จะมีความหวัง
แต่เพียงแค่ก้าวไปอย่างเป็นผู้ที่มีความหวังและไม่ประสบความสำเร็จในทางปฏิบัติบางครั้งทำให้ลูกมีพลังและบางครั้งก็ท้อแท้
ลูกประสบกับความแปรปรวนนี้อย่างมาก
ในสถานการณ์ใดก็ตามที่ใดมีความแปรปรวนมากก็จะมีความเหนื่อยล้า
ดังนั้นที่นี่เช่นกันในขณะที่ลูกกำลังเดินและเคลื่อนไหวไปมาประสบการณ์ของความเหนื่อยล้าก็ทำให้ลูกท้อถอย
ดังนั้นแทนที่จะไม่มีความหวัง,มันเป็นการดีที่จะมีความหวัง
แต่คนที่ประสบกับความสำเร็จจะมีความสูงส่งเสมอ อัจชะ
ลูกเคยได้ยินเรื่องราวของกาแลคซีหรือไม่? ไม่ใช่แค่ฮอล(ห้องโถง)ของมธุบันเท่านั้นที่เป็นกาแลคซี่
แต่โลกของบราห์มินที่ไม่มีขีดจำกัดคือกาแล็กซี่ อัจชะ
ทุกคนที่มาเป็นลูกใหม่
ลูกเป็นคนใหม่และคนเก่ามากเพราะลูกเป็นคนที่มาจากหลายวงจรและลูกก็เก่ามาก
ดังนั้นความจริงจังและความกระตือรือร้นของลูกใหม่ที่จะเฉลิมฉลองการพบปะที่ถูกกำหนดไว้แล้วในละครได้รับการเติมเต็มแล้วในเวลานี้
ลูกมีความกระตือรือร้นมาก ฉันต้องการไป ฉันต้องการไป ...
ลูกมีความกระตือรือร้นมากที่ลูกไม่ฟังคำแนะนำเลยด้วยซ้ำ
ลูกได้หลุดหายไปในความซาบซึ้งของการพบปะ
ลูกได้รับการบอกบ่อยครั้งว่ามีคนจำนวนเล็กน้อยที่ควรมา มีเพียงไม่กี่คนที่ควรมา
แต่มีใครฟังบ้างไหม? บัพดาดาพอใจที่ได้เห็นทุกฉากของละคร
ที่ลูกๆหลายคนต้องมาและนี่คือสาเหตุที่พวกเขามา
ลูกทุกคนได้รับทุกสิ่งอย่างง่ายดายใช่หรือไม่? มันไม่ยากใช่ไหม?
นี่ก็เป็นการซักซ้อมที่เกิดขึ้นตามละคร ลูกทุกคนมีความสุขใช่ไหม?
ลูกเป็นคนที่ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายใช่ไหม?
การให้ความร่วมมือในทุกงานและให้ความร่วมมือในทิศทางใดก็ตามที่ลูกได้รับหมายถึงการทำให้มันง่ายดาย
หากลูกให้ความร่วมมือแล้วแม้กระทั่ง 5,000 คนก็สามารถเข้าพักได้ในห้องโถงนี้
ในขณะที่ถ้าลูกไม่ได้ให้ความร่วมมือนั่นคือถ้าลูกไม่ทำตามระบบก็ยากที่จะรองรับได้ถึง
500 คน ดังนั้นให้แสดงบันทึกของลูกแก่ดาดี้ก่อนที่ลูกจะไป
ที่ออกมาจากหัวใจของทุกคนว่า 5,000 คนนั้นได้รับการเข้าพักราวกับว่ามีแค่ 500 คน
สิ่งนี้เรียกว่าการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
ลูกทุกคนได้สร้างบันทึกที่ดีของตนเองแล้วใช่ไหม? ลูกได้รับใบประกาศนียบัตรที่ดี
อยู่อย่างมีความสุขในลักษณะนี้อยู่เสมอและทำให้ผู้อื่นมีความสุขและลูกจะปรบมืออย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
บันทึกของลูกดี ดังนั้นดูสิตามละครลูกมีโอกาสได้พบปะถึงสองครั้ง
นี่คือการต้อนรับสำหรับคนใหม่ตามละคร อัจชะ
ถึงดวงดาวแห่งความสำเร็จที่สม่ำเสมอ,ทางจิตและสูงส่ง
ถึงผู้ที่ทำให้โลกเปล่งประกายด้วยสภาพที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอของพวกเขา
ถึงผู้ที่อยู่กับดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้ตลอดเวลา
ถึงผู้ที่มีความซาบซึ้งในศรัทธาอยู่เสมอและผู้ที่อยู่อย่างถ่อมตน
ถึงดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับของกาแลคซี่แห่งพระเจ้า
ด้วยความรักระลึกถึงทางจิตและนมัสเตจากบัพดาดา
ดวงอาทิตย์แห่งความรู้และดวงจันทร์แห่งความรู้
บัพดาดาพลกลุ่ม:
1)
ลูกคิดว่าตนเองปราศจากอุปสรรคและเป็นเพชรพลอยแห่งชัยชนะอยู่เสมอหรือไม่?
เป็นสิ่งที่ดีสำหรับอุปสรรคที่จะมา แต่อย่าปล่อยให้อุปสรรคมาเอาชนะลูก
อุปสรรคกลายเป็นวิธีการที่จะทำให้ลูกแข็งแกร่งตลอดกาล
พิจารณาอุปสรรคว่าเป็นเกมที่สนุกสนานและเอาชนะมัน
สิ่งนี้เรียกได้ว่าปราศจากอุปสรรคและได้รับชัยชนะ ดังนั้นลูกไม่กลัวอุปสรรคใช่ไหม?
เมื่อลูกเป็นมิตรร่วมทางของพ่อลูกก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องกลัวอะไร
เมื่อใครบางคนอยู่คนเดียวเขาก็จะกลัว อย่างไรก็ตามเมื่อลูกมีใครสักคนอยู่กับลูก,ลูกก็จะไม่กลัว
ลูกกลายเป็นคนกล้าหาญในเวลานั้น ดังนั้นเมื่อลูกเป็นมิตรร่วมทางของพ่อ,อุปสรรคจะกลัวหรือลูกจะกลัว?
อะไรคืออุปสรรคที่อยู่เบื้องหน้าของผู้ทรงพลังอำนาจ? ไม่มีอะไรเลย!
ด้วยเหตุนี้เองที่อุปสรรคดูเหมือนเป็นเกม ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
อุปสรรคทำให้ลูกมีประสบการณ์และมีพลัง
ผู้ที่อยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่ออย่างสม่ำเสมอและข้องแวะอยู่ในงานรับใช้และไม่ว่างเว้นจากงานรับใช้จะอยู่อย่างเป็นอิสระจากอุปสรรค
หากสติปัญญาของลูกว่างแล้วอุปสรรคและมายาก็จะมา ถ้าลูกยุ่งอยู่เสมอ
มายาก็หลบเลี่ยงไป เธอจะไม่มา เธอจะจากไป
มายาก็รู้เช่นกันว่าลูกไม่ใช่มิตรของเธอและตอนนี้ลูกเป็นมิตรของพระเจ้า
ดังนั้นเธอจึงหลบออกไป ลูกได้รับชัยชนะมานับครั้งไม่ถ้วน
และดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ลูกจะได้รับชัยชนะ
ลูกพบว่างานอะไรก็ตามที่ลูกได้ทำมาหลายครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ดังนั้นลูกจึงได้รับชัยชนะหลายต่อหลายครั้ง
ลูกเป็นผู้ที่อยู่อย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลาใช่หรือไม่? ผู้เป็นแม่,ลูกยังคงมีความสุขอยู่เสมอหรือไม่?
ลูกเคยร้องไห้ไหม? หากลูกต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ลูกจะร้องไห้ไหม?
ลูกเป็นคนกล้าหาญ พันดาวาสลูกไม่ร้องไห้ในจิตใจเลยใช่ไหม? "ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น"
เกิดอะไรขึ้น? "ลูกไม่ร้องไห้ในลักษณะนี้ใช่ไหม?
ถ้าหลังจากมาเป็นของพ่อแล้วลูกไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา แล้วลูกจะมีความสุขเมื่อใด?
การเป็นของพ่อหมายถึงการมีความสุขตลอดเวลา ลูกไม่เสียใจหรือร้องไห้ด้วยความทุกข์
ความทุกข์ทั้งหมดของลูกถูกขจัดออกไปแล้ว ดังนั้นจงจำพรนี้ของลูกไว้เสมอ อัจชะ
2)
ลูกคิดว่าตนเองเป็นดอกกุหลาบทางจิตในสวนทางจิตนี้หรือไม่? จากดอกไม้ทั้งหมด
ดอกกุหลาบเป็นที่รักมากที่สุดเพราะมีกลิ่นหอม
ดังนั้นนั่นคือดอกกุหลาบและลูกทุกคนคือดอกกุหลาบทางจิต
ดอกกุหลาบทางจิตหมายถึงผู้ที่มีกลิ่นหอมทางจิตอยู่เสมอ
ไม่ว่าลูกผู้เป็นดอกกุหลาบทางจิตจะมองไปที่ใด ใครก็ตามที่ลูกมองเห็น
ลูกจะเห็นเพียงจิตวิญญาณ ลูกไม่ได้มองไปที่ร่างกาย
ตัวลูกเองจะคงอยู่ในสภาพทางจิตวิญญาณและลูกจะมองไปที่จิตวิญญาณ (ดวงวิญญาณ)
ของผู้อื่นอยู่เสมอ สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นดอกกุหลาบทางจิต นี่คือสวนของพ่อ
เช่นเดียวกับที่พ่อเป็นผู้สูงสุดเหนือสิ่งใด สวนนี้ก็สูงที่สุดเช่นกัน
และเครื่องประดับตกแต่งพิเศษของสวนนี้คือลูกผู้เป็นดอกกุหลาบทางจิตทั้งหมด
กลิ่นหอมทางจิตวิญญาณนี้จะเป็นประโยชน์ต่อดวงวิญญาณมากมาย
เหตุผลของความยากลำบากทั้งหมดในโลกทุกวันนี้คือพวกเขาไม่มองเห็นกันและกันอย่างเป็นจิตวิญญาณ(ดวงวิญญาณ)
ปัญหาทั้งหมดเป็นเพราะสำนึกที่เป็นร่าง
หากพวกเขามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณปัญหาทั้งหมดก็จะจบลง
ลูกผู้เป็นดอกกุหลาบทางจิตเป็นเครื่องมือในการกระจายกลิ่นหอมทางจิตไปทั่วโลก
ลูกมีความซาบซึ้งอยู่เสมอหรือไม่?
ไม่ใช่ว่าเป็นอย่างหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งและเป็นอย่างอื่นในช่วงเวลาถัดไป
มีพลังในการมีสภาพที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อสภาพของลูกเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆพลังของลูกจะลดลง
อยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่ออย่างสม่ำเสมอและเมื่อใดก็ตามที่มีวิธีในการทำงานรับใช้จงรับโอกาสนั้นและก้าวต่อไป
จงคิดว่าตนเองเป็นดอกกุหลาบทางจิตของสวนของพระเจ้าและเฝ้าแต่ส่งกลิ่นหอมทางจิตต่อไป
มันช่างเป็นกลิ่นหอมทางจิตที่แสนหวานซึ่งทุกคนต้องการ
กลิ่นหอมทางจิตวิญญาณนี้ให้ประโยชน์ต่อดวงวิญญาณมากมายและตัวลูกเอง
บัพดาดายังคงดูอยู่เรื่อยๆว่าลูกจะกระจายกลิ่นหอมทางจิตนี้ไปได้ไกลแค่ไหนและกระจายได้มากแค่ไหน
หากมีการปะปนสำนึกที่เป็นร่างแม้แต่น้อยกับสิ่งนี้
ก็จะไม่มีกลิ่นหอมทางจิตดั้งเดิมนั้น
ด้วยกลิ่นหอมทางจิตนี้จะทำให้ผู้อื่นมีกลิ่นหอมอยู่เสมอ
ลูกไม่สั่นคลอนอยู่เสมอหรือไม่? ไม่มีความปั่นป่วนมาทำให้ลูกขึ้นๆลงๆใช่หรือไม่?
เมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้นหรือลูกได้ยินหรือได้เห็นบางสิ่งลูกจะไม่เกิดความปั่นป่วนใช่ไหม?
เมื่อไม่มีอะไรใหม่ทำไมลูกถึงแปรปรวนขึ้นๆลงๆ? จะมีความแปรปรวนหากเป็นสิ่งใหม่
ทั้งหมดนี้"ทำไม?อะไร?"เกิดขึ้นมาแล้วหลายวงจร
และนี่เรียกว่าการมีสติปัญญาด้วยศรัทธาที่ว่ามันถูกกำหนดไว้แล้วในละคร
ลูกเป็นมิตรของผู้ทรงพลังอำนาจและดังนั้นลูกจึงเป็นจักรพรรดิที่ไร้กังวล
ลูกได้มอบความกังวลทั้งหมดของลูกให้กับพ่อและดังนั้นตัวลูกเองก็กลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้กังวลตลอดกาล
จงกระจายกลิ่นหอมทางจิตต่อไปอยู่เสมอและอุปสรรคทั้งหมดจะจบสิ้นลง อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีสำหรับทุกคนและมีความคิดในเชิงบวกสำหรับตัวลูกเองด้วยเช่นกัน
และดังนั้นจึงทำให้เวลาแห่งการเปิดเผยใกล้เข้ามา
พื้นฐานของความสำเร็จในงานรับใช้คือการมีทัศนคติของความปรารถนาดี
เพราะทัศนคติของลูกนี้จะเพิ่มพลังให้ผู้อื่นที่จะซึมซับและค้นพบได้มากขึ้น
ด้วยสิ่งนี้งานรับใช้ด้วยคำพูดจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ดวงวิญญาณที่มีความคิดในเชิงบวกต่อตนเองจะเป็นสิ่งที่ป้องกันมายาได้เสมอและจะมีภูมิคุ้มกันต่อการดูดซับความอ่อนแอของใครก็ตามและมีภูมิคุ้มกันต่อการดึงดูดไปสู่บุคคลหรือทรัพย์สมบัติใดๆ
เมื่อลูกนำพรทั้งสองนี้ไปใช้ในชีวิตจริงในทางปฏิบัติของลูกแล้วเวลาแห่งการเปิดเผยจะมาถึง
คติพจน์:
อุทิศแม้กระทั่งความคิดของลูก และความอ่อนแอทั้งหมดจะหายไปโดยอัตโนมัติ