29.09.20 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน ทุกสิ่งในการศึกษาของลูกขึ้นอยู่กับโยคะ
ด้วยการมีโยคะนี้ที่ลูกดวงวิญญาณจะกลับมาบริสุทธิ์และบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้อง
คำถาม:
ลูกบางคนเป็นของพ่อและแล้วก็ปล่อยมือของท่านไป เหตุผลสำหรับสิ่งนี้คืออะไร?
คำตอบ:
ลูกบางคนหย่าขาดจากพ่อและปล่อยมือของท่าน แม้หลังจากที่เป็นของท่านมาเป็นเวลา 8 ถึง10
ปี
สิ่งนี้เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักรู้จักพ่ออย่างเต็มที่และไม่มีสติปัญญาที่มีศรัทธา
สถานภาพของพวกเขาจึงถูกทำลาย
เมื่อลูกมีสายตาที่เป็นอาชญากรก็มีลางล้ายที่ไม่ดีของมายาและสภาพของพวกเขาก็ขึ้นลง
แล้วพวกเขาก็หยุดศึกษาเล่าเรียน
โอมชานติ
พ่อทางจิตอธิบายแก่ลูกๆทางจิต
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกทั้งหมดเป็นลูกๆทางจิตของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกเรียกท่านว่าบัพดาดา เช่นที่ลูกเป็นลูกๆทางจิตและดังนั้นผู้นี้ (บราห์มา)
ก็เป็นลูกทางจิตของชีพบาบาด้วยเช่นกัน
ชีพบาบาต้องการพาหนะอย่างแน่นอนดังนั้นเช่นที่ลูกดวงวิญญาณได้รับอวัยวะเพื่อที่จะมีการกระทำ
ในทำนองเดียวกันชีพบาบาก็ได้รับพาหนะนี้
นี่คือสนามของการกระทำที่จะต้องมีการกระทำเกิดขึ้น
นั่นคือบ้านที่ดวงวิญญาณอาศัยอยู่
ลูกดวงวิญญาณรู้ว่าบ้านของลูกคือดินแดนแห่งความสงบ ที่ซึ่งไม่มีการแสดงละครใดๆ
ไม่มีแสงสว่างฯลฯ ที่นั่นดวงวิญญาณแค่อาศัยอยู่ที่นั่น
พวกเขามาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของพวกเขา
สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่านี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกๆรู้ถึงฉากตอนทั้งหมดที่นักแสดงได้แสดงตั้งแต่ตอนต้น
ตอนกลางถึงตอนจบตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
ไม่ใช่ผู้รู้หรือนักบวชที่นี่ที่อธิบายให้แก่ลูก
ลูกๆกำลังนั่งอยู่ที่นี่กับพ่อไม่มีขีดจำกัด เวลานี้เราต้องกลับบ้าน
แน่นอนดวงวิญญาณต้องกลับมาบริสุทธิ์
ไม่ใช่ว่าร่างกายจะกลับมาบริสุทธิ์ที่นี่ด้วยเช่นกัน ไม่เลย
เป็นดวงวิญญาณที่กลับมาบริสุทธิ์ ร่างกายจะกลับมาบริสุทธิ์เมื่อวัตถุธาตุทั้ง 5
กลับมาสะโตประธาน เวลานี้ลูกดวงวิญญาณกำลังทำความเพียรพยายามที่จะกลับมาบริสุทธิ์
ที่นั่นทั้งดวงวิญญาณและร่างกายบริสุทธิ์ ไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ที่นี่
เมื่อลูกดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ลูกจะจากร่างเก่าของลูก
แล้วร่างกายใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาจากวัตถุธาตุใหม่
ลูกรู้ว่าลูกดวงวิญญาณกำลังจดจำพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดหรือไม่
ลูกแต่ละคนต้องถามคำถามนี้กับตนเอง ทุกสิ่งในการศึกษานี้ขึ้นอยู่กับโยคะ
การศึกษานี้ง่ายดายอย่างมาก ลูกเข้าใจว่าวงจรหมุนไปอย่างไร
สิ่งหลักคือการจาริกแสวงบุญแห่งความทรงจำระลึกถึง
การจดจำระลึกถึงนี้อยู่ภายในและแฝงตัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็น
บาบาไม่สามารถบอกได้ว่าใครมีการจดจำระลึกถึงมากหรือน้อย ใช่ สำหรับความรู้
ลูกสามารถบอกได้ว่าบางคนฉลาดมากในวิชานั้น
ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับการจดจำระลึกถึงที่มองเห็นได้ ความรู้นั้นพูดผ่านปาก
การจดจำระลึกถึงเป็นมนตราที่ไม่สามารถสวดมนต์ได้ คำว่า “สวดมนต์”
เป็นของหนทางความเลื่อมใสศรัทธา การสวดมนต์หมายถึงการสวดชื่อของใครบางคน
ที่นี่ลูกดวงวิญญาณต้องจดจำพ่อของลูก
ลูกรู้ว่าโดยการจดจำพ่อของลูกอย่างต่อเนื่องและโดยการกลับมาบริสุทธิ์
ลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้นและความสงบ ไม่ใช่ว่าลูกจะได้รับการหลุดพ้นจากละคร
การหลุดพ้นหมายถึงการได้รับการหลุดพ้นจากความทุกข์
ลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและจากนั้นก็ไปสู่ดินแดนแห่งความสุข
ผู้ที่กลับมาบริสุทธิ์จะได้สัมผัสกับความสุข มนุษย์ที่ไม่บริสุทธิ์รับใช้พวกเขา
มีคำยกย่องของผู้ที่บริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่ต้องใช้ความพยายาม
ดวงตาของลูกหลอกลวงลูกอย่างมากและลูกก็ตกต่ำลงมา ทุกคนต้องมีความแปรปรวนขึ้นๆลงๆ
ทุกคนมีประสบการณ์ของลางร้าย แม้ว่าบาบาจะพูดว่าลูกสามารถอธิบายได้ด้วยเช่นกัน
แต่ท่านก็พูดว่า: จำเป็นต้องมีกูรูผู้เป็นแม่
เพราะทุกวันนี้มีระบบของกูรูผู้เป็นแม่ ก่อนหน้านี้เคยเป็นพ่อ
เวลานี้เป็นแม่ผู้ที่ได้รับไหก่อน ส่วนใหญ่คือลูกผู้เป็นแม่
กุมารีผูกรักกี้สำหรับความบริสุทธิ์ พระเจ้าพูดว่า:
ตัณหาราคะคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จงเอาชนะมัน!
รักชาบันดานเป็นเทศกาลแห่งความบริสุทธิ์
ผู้คนเหล่านั้นผูกรักกี้แต่พวกเขาไม่ได้กลับมาบริสุทธิ์
รักกี้ทั้งหมดเหล่านั้นเป็นของเทียม ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ลูกบริสุทธิ์ได้
ลูกจำเป็นต้องมีความรู้สำหรับสิ่งนั้น เวลานี้ลูกผูกรักกี้
ลูกยังสามารถอธิบายความหมายของรักกี้และให้พวกเขาทำสัญญา
ชาวซิกส์สวมใส่กำไลเหล็กเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา
แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลับมาบริสุทธิ์เช่นกัน
ผู้ชำระล้างความไม่บริสุทธิ์และผู้ประทานการหลุดพ้นสำหรับทุกคนเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ท่านเป็นชีวิตที่ไม่มีร่างกาย น้ำในแม่น้ำคงคามองเห็นได้ด้วยดวงตาทั้งสองนี้
พ่อผู้ประทานการหลุดพ้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาทั้งสองนี้
ไม่มีใครสามารถเห็นได้ว่าดวงวิญญาณคืออะไร มีการกล่าวว่ามีดวงวิญญาณในแต่ละร่างกาย
แต่มีใครเคยเห็นบ้างไหม? พวกเขาพูดว่า “ไม่”
ทุกสิ่งที่มีชื่อปรากฏให้เห็นได้อย่างแน่นอน ดวงวิญญาณก็มีชื่อเช่นกัน
มีการกล่าวว่าดวงดาวที่น่าอัศจรรย์ส่องแสงอยู่ตรงกลางหน้าผาก
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่สามารถมองเห็นได้
พวกเขาจดจำดวงวิญญาณสูงสุดแต่ไม่สามารถมองเห็นท่านได้
ลักษมีและนารายณ์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเหล่านี้ แม้ว่าผู้คนจะกราบไหว้ลิงกั้ม
แต่นั่นก็ไม่ถูกต้อง แม้ว่าพวกเขาจะเห็นสิ่งนั้น
พวกเขาก็ไม่รู้ว่าดวงวิญญาณสูงสุดคือใคร ไม่มีใครสามารถรู้สิ่งนี้ได้
ดวงวิญญาณเป็นจุดที่เล็กมาก ดวงวิญญาณไม่สามารถเห็นได้
ทั้งดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุดไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สามารถเข้าใจได้
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าบาบาของลูกได้เข้ามาในผู้นี้
ดวงวิญญาณนี้มีร่างของตนเองและจากนั้นก็มีพ่อสูงสุดดวงวิญญาณสูงสุดพูดว่า:
พ่ออยู่ในพาหนะของผู้นี้ เหตุนี้เองที่ลูกเรียกเราว่าบัพดาดา
ลูกสามารถเห็นดาด้าด้วยดวงตานี้ของลูก แต่ลูกไม่สามารถเห็นพ่อได้
ลูกรู้ว่าบาบาเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้และท่านกำลังให้ความรู้แก่ลูกทางร่างกายนี้
ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้และผู้ชำระให้บริสุทธิ์
ผู้ที่ไม่มีตัวตนจะชี้หนทางให้ลูกเห็นด้วยวิธีอื่นได้อย่างไร?
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจ ไม่มีใครรู้ว่าพระเจ้ามา
ผู้คนเฉลิมฉลองวันเกิดของชีวาด้วยเช่นกัน ดังนั้นท่านต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน
ลูกรู้ว่าท่านกำลังสอนลูกอยู่ในเวลานี้ บาบาเข้ามาในผู้นี้และสอนลูก
ด้วยการที่ไม่ได้ตระหนักรู้จักพ่ออย่างเต็มที่และไม่มีศรัทธาในสติปัญญา
บ้างก็หย่าขาดจากพ่อแม้กระทั่งหลังจาก 8 ถึง 10 ปี
มายาทำให้พวกเขาตาบอดอย่างสิ้นเชิง เมื่อลูกจากพ่อหลังจากที่ได้เป็นของท่าน
สถานภาพของลูกก็ถูกทำลาย ลูกๆในเวลานี้ได้รับคำแนะนำของพ่อ
ดังนั้นลูกต้องให้สิ่งนั้นแก่ผู้อื่นด้วย ฤาษีและมุนีได้พูดว่า “เนติ เนติ” (ไม่ใช่สิ่งนั้น
ไม่ใช่สิ่งนี้) ก่อนหน้านี้ลูกก็ไม่ได้รู้ด้วยเช่นกัน
เวลานี้ลูกพูดว่าลูกรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับท่านและดังนั้นลูกจึงกลายเป็นผู้ที่มีความเชื่อในพระเจ้า
ลูกรู้ด้วยเช่นกันว่าวงจรของโลกหมุนไปอย่างไร พร้อมกันกับทั้งโลก ลูกเช่นกัน
ก่อนได้มาศึกษาสิ่งนี้ลูกเคยเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
เวลานี้ที่พ่อได้อธิบายแก่ลูก ลูกพูดว่าดวงวิญญาณสูงสุด พ่อสูงสุดได้อธิบายแก่ลูก
และทำให้ลูกกลายเป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า เราไม่ได้รู้ถึงผู้สร้างหรือตอนเริ่ม
ตอนกลางหรือตอนจบของผู้สร้างและสิ่งสร้าง พ่อคือผู้สร้าง
ท่านมาในยุคบรรจบพบกันเพื่อก่อตั้งโลกใหม่และทำลายโลกเก่า
นี่คือสงครามมหาภารตะเพื่อการทำลายล้างโลกเก่า พวกเขาเชื่อว่ากฤษณะอยู่ในเวลานั้น
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าเป็นพ่อที่ไม่มีตัวตนผู้ที่ได้มา เราไม่สามารถเห็นพ่อได้
มีรูปภาพของกฤษณะสามารถเห็นท่านได้ เราไม่สามารถเห็นชีวาได้
กฤษณะเป็นเจ้าชายของยุคทอง ท่านไม่สามารถเป็นผู้ที่มีรูปลักษณะเช่นเดิมอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดหรืออย่างไรที่กฤษณะได้มา
พวกเขาแสดงว่ากฤษณะอยู่ในกรงขังของคานส์ (ปีศาจร้าย) คานส์คงอยู่ในยุคทองหรือ?
สิ่งนั้นเป็นไปได้อย่างไร? คานส์เป็นปีศาจร้าย
ในเวลานั้นทั้งโลกเป็นชุมนุมของปีศาจร้าย พวกเขายังคงฆ่ากันและกันต่อไป
พวกเขาได้ลืมไปว่าเคยมีโลกที่สูงส่ง พระเจ้าได้ก่อตั้งโลกของความสูงส่งของพระเจ้า
สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
ในปัจจุบันลูกเป็นครอบครัวของพระเจ้า และแล้วที่นั่นลูกจะกลายเป็นครอบครัวของเทพ
ในเวลานี้พระเจ้ากำลังทำให้ลูกมีค่าของการกลับมาเป็นเทพของสวรรค์ พ่อกำลังสอนลูก
ไม่มีใครรู้ถึงยุคบรรจบพบกันนี้
ไม่มีคัมภีร์ใดเอ่ยถึงยุคบรรจบพบกันที่สูงส่งที่สุดนี้
ยุคบรรจบพบกันที่สูงส่งที่สุดนี้หมายถึงที่นี่เมื่อผู้คนกลายเป็นผู้มีชีวิตที่สูงส่ง
ยุคทองเรียกว่าเป็นยุคที่สูงส่งที่สุด มนุษย์ไม่ได้สูงส่งในเวลานี้
โลกนี้เรียกว่าโลกที่ตาโมประธานที่ตกต่ำที่สุด
ไม่มีใครนอกจากลูกบราห์มินสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้
พ่อพูดว่านี่คือโลกแห่งปีศาจร้ายที่ตกต่ำ จะไม่มีรูปแบบของบรรยากาศนี้ในยุคทอง
นั่นเคยเป็นโลกที่สูงส่ง รูปภาพของพวกเขาคงอยู่
แท้จริงแล้วพวกเขาเคยเป็นนายของโลกที่สูงส่ง
ราชาของบารัตเหล่านั้นผู้ที่เคยคงอยู่และรับการกราบไหว้บูชา
พวกเขาเคยบริสุทธิ์และมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
แต่เวลานี้พวกเขากลายเป็นผู้ที่กราบไหว้บูชา
ผู้กราบไหว้บูชาอยู่บนหนทางความเลื่อมใสศรัทธาแต่ผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาอยู่บนหนทางของความรู้
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชากลายเป็นผู้กราบไหว้บูชาได้อย่างไรและผู้ที่กราบไหว้บูชากลายเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาอย่างไร
ไม่สามารถมีผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาแม้เพียงคนเดียวในโลกนี้
เพียงพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดและเทพเท่านั้นที่สามารถมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาโดยทุกคน
ผู้ที่เป็นของทุกศาสนากราบไหว้บูชาท่าน การเกิดของพ่อเช่นนี้เป็นที่จดจำที่นี่
มีวันเกิดของชีวา แต่ผู้คนไม่รู้ว่าท่านเกิดในบารัต
ทุกวันนี้พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งวันหยุดสำหรับวันเกิดของชีวา
ไม่ว่าลูกจะเฉลิมฉลองวันเกิดนั้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับลูก
แต่วันเกิดนั้นไม่ใช่วันหยุดที่เป็นทางการ ผู้ที่ไม่เชื่อในชีพแจนตีก็จะไปทำงาน
มีศาสนามากมาย สิ่งต่างๆเช่นนี้ไม่ได้คงอยู่ในยุคทอง
ไม่มีรูปแบบของบรรยากาศนี้ที่นั่น ยุคทองเป็นโลกใหม่ที่มีเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้ตระหนัก ที่นั่นว่าอาณาจักรจันทราวงศ์จะติดตามมา
ที่นี่ลูกรู้ว่าสิ่งนี้ได้ผ่านไปแล้ว และลูกจะไปอยู่ในยุคทอง
ลูกจะจดจำอดีตอะไรที่นั่น? สำหรับยุคทองอดีตคือยุคเหล็ก
อะไรเป็นคุณประโยชน์ของการฟังประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของสิ่งนั้น?
ลูกรู้ว่าลูกกำลังนั่งที่นี่กับบาบา บาบาเป็นครูและเป็นสัตกูรูด้วยเช่นกัน
พ่อมาเพื่อให้การหลุดพ้นแก่ทุกคน ท่านจะพาทุกดวงวิญญาณกลับไปกับท่านอย่างแน่นอน
มนุษย์พูดด้วยสำนึกที่เป็นร่างว่าทุกสิ่งจะกลายเป็นฝุ่น
พวกเขาไม่เข้าใจว่าดวงวิญญาณจะจากไปและร่างกายเก่าที่ทำด้วยดินเหนียวก็จะถูกทำลาย
ฉันดวงวิญญาณจากร่างกายและรับอีกร่างกายหนึ่ง นี่คือชาติเกิดสุดท้ายของฉันในโลกนี้
ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ไม่มีใครสามารถอยู่อย่างบริสุทธิ์ตลอดไปได้ มีสภาพของสะโตประธาน
สะโต ราโจ และตาโม ผู้คนเหล่านั้นพูดว่าทั้งหมดคือรูปแบบของพระเจ้า
และพระเจ้าได้สร้างรูปแบบมากมายของท่านเพื่อความบันเทิง
พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องราวของสิ่งใดและพวกเขาไม่รู้จักผู้เดียวที่ให้ความบันเทิง
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของโลก
บทบาทของแต่ละคนในละครนั้นแยกกัน ตำแหน่งของแต่ละคนนั้นแยกกัน
ไม่ว่าใครจะมีตำแหน่งอะไรก็เป็นที่ยกย่อง
พ่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในยุคบรรจบพบกัน
ในยุคทองก็จะเป็นบทบาทของยุคทองที่ได้แสดงออกมา สิ่งเหล่านี้จะไม่คงอยู่ที่นั่น
ความรู้เกี่ยวกับวงจรโลกหมุนวนไปในสติปัญญาของลูกที่นี่
ชื่อของลูกคือผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง
ลักษมีและนารายณ์ไม่ได้รับกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง กงจักรเป็นของเวลานี้
มีเพียงดวงวิญญาณเท่านั้นอาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีตัวตน
ไม่มีสิ่งใดเลยอยู่ในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน สัตว์,นกฯลฯและมนุษย์ทั้งหมดล้วนคงอยู่ที่นี่
พวกเขาแสดงให้เห็นนกยูงฯลฯ ในยุคทอง ที่นั่นพวกเขาไม่ดึงขนนกยูงออกและนำมาสวมใส่
พวกเขาไม่ทำความเจ็บปวดใดๆให้กับนกยูงที่นั่น
พวกเขาไม่แม้แต่จะหยิบขนนกยูงที่หลุดออกมาแล้วใส่ไว้ในมงกุฎของพวกเขา ไม่เลย
ขนนกยูงที่แสดงไว้ในมงกุฎนั้นไม่ถูกต้อง ที่นั่นทุกสิ่งสวยงาม
ไม่มีชื่อหรือร่องรอยของสิ่งใดที่สกปรก
ไม่มีสิ่งใดที่นั่นที่อยู่ในสายตาที่ลูกจะรู้สึกไม่ชอบ ที่นี่ลูกรู้สึกไม่ชอบใช่ไหม?
ที่นั่นแม้แต่สัตว์ก็ไม่มีประสบการณ์ของความเจ็บปวด ยุคทองนั้นเป็นชั้นหนึ่ง
ชื่อที่แท้จริงคือสวรรค์โลกใหม่
ที่นี่ในโลกเก่าแม้แต่อาคารต่างๆก็ถล่มลงมาท่ามกลางสายฝนและผู้คนก็เสียชีวิต
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวทุกคนจะถูกฝังอยู่ใต้ดินและเสียชีวิต
ในยุคทองจะมีผู้คนจำนวนน้อยมากและจากนั้นจำนวนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนเริ่มแรกจะมีสุริยวงศ์ เมื่อโลกกลับมาเก่า 25
เปอร์เซ็นต์จะถูกเรียกว่าจันทราวงศ์ ยุคทองคงอยู่เป็นเวลา 1250 ปี เป็นโลกใหม่ 100
เปอร์เซ็นต์ เหล่าเทพปกครองที่นั่น ลูกหลายคนลืมสิ่งเหล่านี้
อาณาจักรต้องได้รับการก่อตั้งอย่างแน่นอน ลูกต้องไม่หัวใจวาย
สิ่งนี้เป็นเรื่องของการเพียรพยายาม
บาบาดลใจลูกทั้งหมดให้เพียรพยายามอย่างเท่าเทียมกัน
ลูกกำลังก่อตั้งอาณาจักรของสวรรค์บนโลกสำหรับตัวลูกเอง
เฝ้าแต่ตรวจสอบตนเองเพื่อดูว่าลูกจะกลายเป็นอะไร อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ในยุคที่สูงส่งที่สุดนี้
จงศึกษาเล่าเรียนการศึกษาที่จะกลายเป็นเทพแห่งสวรรค์และทำตนเองให้มีค่า
อย่าได้มีหัวใจล้มเหลว (ท้อแท้หมดกำลังใจ) กับความเพียรพยายามของลูก
2. ผู้แสดงแต่ละคนในละครที่ไม่มีขีดจำกัดนี้มีบทบาทและตำแหน่งของตนเอง
แต่ละคนได้รับความเคารพตามตำแหน่งของเขา เข้าใจในความลับทั้งหมดเหล่านี้
ไตร่ตรองประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของโลกและควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ที่แท้จริงของตัวเองโดยการทำตามศรีมัทและหยุดทำตามการกำหนดของตัวเองและการกำหนดของผู้อื่น
พ่อให้สมบัติที่มีค่าทั้งหมดแก่ลูก ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวลูกเองและโลกใบนี้
การใช้สมบัติเหล่านั้นอย่างสิ้นเปลืองหรือในงานที่ไม่มีประโยชน์หรือปะปนศรีมัทเข้ากับการกำหนดของลูกเองหรือตามการกำหนดของผู้อื่นถือเป็นการไม่ซื่อสัตย์ในการดูแลสิ่งที่ลูกได้รับด้วยความไว้วางใจ
เวลานี้ขอให้จบสิ้นความไม่ซื่อสัตย์และการปะปนนี้และซึมซับความผ่องแผ้วทางจิตวิญญาณและความเมตตา
มีความเมตตาและให้ประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่น ๆ มองดูตัวเองและมองไปที่พ่อ
อย่ามองไปที่คนอื่น ๆ
คติพจน์:
เพียงผู้ที่ไม่ถูกดึงดูดไปที่อื่นใดเท่านั้นที่สามารถร่าเริงแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ