16.08.20 Avyakt Bapdada Thai Murli
07.03.86 Om Shanti Madhuban
มหาชิพราตรีเป็นอนุสรณ์ที่ถูกต้องของสี่วิชาของการศึกษาเล่าเรียน
วันนี้ ผู้ประทานความรู้ ผู้ประทานโชค ผู้ประทานพรและพลังทั้งหมด ผู้เป็นพ่อ
พระเจ้าผู้ไร้เดียงสา
ผู้ที่ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยคลังสมบัติที่มีค่าทั้งหมดได้มาพบกับลูกๆที่เป็นที่รักที่สุดที่ให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอและใกล้ชิดของท่าน
การพบปะเหล่านี้กลายเป็นอนุสรณ์ที่มีการเฉลิมฉลองเป็นครั้งคราวเป็นเทศกาล
เทศกาลทั้งหมดที่เฉลิมฉลองด้วยชื่อที่แตกต่างกันเป็นครั้งเป็นคราวเป็นอนุสรณ์ของการพบปะที่แสนหวานและกระตือรือร้นของพ่อกับลูกๆในเวลาปัจจุบัน;
ซึ่งนำไปใช้ในรูปแบบของเทศกาลในอนาคต
ในเวลานี้แต่ละช่วงเวลาของแต่ละวันของลูกๆที่สูงส่งที่สุดคือการอยู่อย่างมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ
ตั้งแต่ยุคทองแดงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้ทำให้ชีวิตทางจิตในยุคบรรจบพบกันที่สั้นนี้,ความสำเร็จทางจิตและประสบการณ์ทางจิตเป็นเทศกาลที่มีชื่อแตกต่างกัน
ชีวิตนี้ในชาติเกิดเดียวนี้ของลูกกลายเป็นวิธีการของการจดจำระลึกถึงในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเป็นเวลา
63 ชาติเกิด ลูกเป็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น !
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในเวลานี้คือลูกกำลังเฉลิมฉลองสิ่งนั้นในทางปฏิบัติและเวลานี้กำลังเฉลิมฉลองอนุสรณ์ความทรงจำของสิ่งนั้นซึ่งลูกสามารถเห็นได้
ตอนนี้ลูกอยู่ในรูปที่มีชีวิต และภาพลักษณ์ก็ปรากฏอยู่ในเวลาเดียวกัน
ลูกแต่ละคนได้รับอะไรเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว? ลูกได้กลายเป็นอะไร?
ลูกกลายเป็นสิ่งนั้นได้อย่างไร? เวลานี้ลูกรู้จักอนุสรณ์ที่ถูกต้องนี้อย่างชัดเจน
และดวงชะตาของลูกใน 5000 ปี
ลูกกำลังรับฟังสิ่งนี้และพอใจมากที่ได้เห็นว่าพวกเขาจดจำและกราบไหว้บูชาลูก
และเล่าเรื่องราวในชีวิตของลูก
พวกเขาไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์ดั้งเดิมของลูกให้เหมือนได้
แต่สิ่งเหล่านั้นสัมผัสได้ด้วยความรักและศรัทธา
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงสร้างภาพเหล่านั้นขึ้นมา
ดังนั้นลูกเฉลิมฉลองชิพแจนตีในทางปฏิบัติทุกวัน
เพราะยุคบรรจบพบกันเป็นยุคแห่งการจุติลงมา (ของพระเจ้า)
เป็นยุคของการทำงานที่สูงส่งและกิจกรรมที่สูงส่ง
อย่างไรก็ตามลูกก็ยังเฉลิมฉลองอนุสรณ์ความทรงของวันนี้ภายในยุคที่ไม่มีขีดจำกัดนี้ด้วยเช่นกัน
ลูกทั้งหมดเฉลิมฉลองโดยการพบปะกันในขณะที่การเฉลิมฉลองของพวกเขาเป็นแค่การภาวนาหรือปลุกเรียก
ของพวกเขาเป็นการร้องเรียกหา ในขณะที่ของลูกได้มาซึ่งการบรรลุผล พวกเขาพูดว่า “มา”และลูกๆ
พูดว่า “ท่านได้มาแล้ว เราได้พบท่านแล้ว”
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างอนุสรณ์ความทรงจำกับการปฏิบัติราวกับกลางวันและกลางคืน
อันที่จริงนี่คือกลางวันของพ่อ พระจ้าที่ไร้เดียงสา
พระเจ้าผู้ไร้เดียงสาหมายถึงผู้ประทานโดยไม่ต้องนับจำนวน
โดยไม่ต้องเก็บบัญชีของสิ่งนั้น
โดยทั่วไปแล้วจะมีบัญชีของการรับมากเท่ากับที่ลูกให้
ใครก็ตามที่ทำอะไรก็จะได้รับผลตอบแทนของสิ่งนั้นตามนั้น นี่คือบัญชี
อย่างไรก็ตามทำไมท่านจึงถูกเรียกว่าพระเจ้าผู้ไร้เดียงสา?
เพราะในเวลานี้ท่านไม่ได้เก็บบัญชีของการให้กับลูกเช่นเดียวกับที่ลูกให้
เป็นบัญชีของการได้รับหลายล้านเท่าสำหรับบัญชีเดียว ดังนั้นมันนับไม่ถ้วนใช่ไหม?
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างหนึ่งกับหลายล้านเท่า หลายล้าน(ปาดาม)ถูกกล่าวเนื่องจากเป็นคำสุดท้ายในการนับ
(หลายล้าน = ปัทม่า ปาดาม)
พวกเขาเฉลิมฉลองเป็นเทศกาลของผู้ดูแลคลังสมบัติที่มีค่าผู้ไร้เดียงสา
ผู้ที่ให้โดยไม่ต้องนับ ลูกได้รับมากมายจนลูกเต็มเปี่ยมอย่างสมบูรณ์ในเวลานี้
และลูกก็จะเต็มเปี่ยมอย่างสมบูรณ์เป็นเวลาถึง 21 ชาติเกิด และ 21 ชั่วอายุคน
ไม่มีใครสามารถให้การรับประกันสำหรับหลายๆชาติเกิดได้
ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ประทานที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ไม่มีใครสามารถ
รับประกันที่จะทำให้คลังสมบัติของลูกเต็มเปี่ยมอย่างสมบูรณ์เป็นเวลาหลายชาติเกิด
ดังนั้นท่านคือพระเจ้าผู้ไร้เดียงสาใช่ไหม? ในขณะที่มีความรู้อย่างเต็มเปี่ยม
ท่านก็ยังคงไร้เดียงสา ด้วยเหตุนี้ท่านจึงถูกเรียกว่าพระเจ้าผู้ไร้เดียงสา
ในความเป็นจริงถ้าท่านเก็บรักษาบัญชีไว้
ท่านสามารถรู้บัญชีของทุกความคิดและแต่ละความคิด
อย่างไรก็ตามในขณะที่รู้ทั้งหมดนั้นท่าน
กลายเป็นพระเจ้าที่ไร้เดียงสาเมื่อพูดถึงการให้ ดังนั้นลูกทั้งหมดเป็นลูกๆ
ที่ไร้เดียงสาของพ่อ พระเจ้าผู้ไร้เดียงสาใช่ไหม? ในด้านหนึ่ง
ลูกเรียกท่านว่าพระเจ้าผู้ไร้เดียงสา
และในอีกด้านหนึ่งลูกเรียกท่านว่าเจ้าผู้ดูแลคลังสมบัติที่มีที่เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ
ดูซิว่าลูกเฉลิมฉลองอนุสรณ์นั้นได้ดีแค่ไหน!
ผู้คนเหล่านั้นที่เฉลิมฉลองสิ่งนี้ก็ไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่ลูกรู้สิ่งนั้น
ทั้งสี่วิชาพิเศษของการศึกษาเล่าเรียนหลักในยุคบรรจบพบกันมีการเฉลิมฉลองในวันแห่งความทรงจำนี้อย่างไร?
ลูกได้รับการบอกมาก่อนหน้านี้ว่า
ในวันของเทศกาลนี้จะมีการให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อจุดและหยดน้ำ
จุดเป็นสัญลักษณ์ของวิชาแห่งการจดจำระลึกถึง นั่นคือโยคะ ในการจดจำระลึกถึง
ลูกทำให้ตนเองมั่นคงในสภาพของจุดใช่ไหม?
ดังนั้นจุดจึงเป็นสัญลักษณ์ของการจดจำระลึกถึง
ส่วนหยดน้ำเป็นสัญลักษณ์ของหยดน้ำแห่งความรู้ต่างๆ
สัญลักษณ์ที่ให้กับวิชาของความรู้คือหยดน้ำ สัญลักษณ์ของดาร์น่า(การสร้างสมคุณธรรมและความรู้)ในวันนี้คือการถือศีลอดเป็นพิเศษ
ดังนั้นลูกถือศีลอด ในดาร์น่าลูกมีความคิดมุ่งมั่น
ดังนั้นลูกได้ให้คำปฏิญาณว่าลูกจะมีความอดทนและสำรวจตนภายในอย่างแน่นอน
ลูกให้คำปฏิญาณนี้ใช่ไหม? นี่เป็นสัญลักษณ์ของดาร์น่าและสัญลักษณ์ของงานรับใช้คือ “จากรัน”(การตื่นตลอดทั้งคืน)
ในความเป็นจริง ลูกทำงานรับใช้เพื่อปลุกผู้อื่นให้ตื่น
การปลุกพวกเขาจากการนอนหลับใหลของความไม่รู้ เพื่อให้พวกเขาตื่นขึ้นมา
และการปลุกพวกเขาเป็นงานรับใช้ของลูก ดังนั้นจากรันนี้เป็นสัญลักษณ์ของงานรับใช้
ดังนั้นทั้งสี่วิชาได้ครอบคลุมแล้วใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามพวกเขาเพียงแค่นำรูปแบบของสิ่งนี้ไปใช้ในทางกายภาพ
ถึงอย่างไรก็ตามผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาก็มีความรักและศรัทธานั้น
และสิ่งชี้บอกของผู้เลื่อมใสศรัทธาที่แท้จริงคือไม่ว่าพวกเขาจะคิดอะไรพวกเขาจะยังคงมั่นในความคิดนั้น
ด้วยเหตุนี้พ่อจึงมีความรักต่อผู้เลื่อมใสศรัทธราเช่นกัน
อย่างน้อยพวกเขาก็ทำอนุสรณ์ของลูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคทองแดงเป็นต้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในวันนี้เช่นเดียวกับที่ลูกมีพิธีอุทิศตนซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่นี่ในยุคบรรจบพบกัน
และลูกยังคงเฉลิมฉลองสิ่งนี้เป็นรายบุคคลด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกันอนุสรณ์ของการทำพิธีนี้ของลูกนี้ พวกเขาไม่ได้สังเวยตนเอง
แต่พวกเขาสังเวยแพะ พวกเขามีเครื่องสังเวย ในความเป็นจริง
บัพดาดาก็พูดอย่างขบขันว่า เมื่อลูกอุทิศจิตสำนึกของ “ฉัน”(แม แม)
แล้วเท่านั้นที่ลูกสามารถอุทิศตนเองได้
นั่นคือลูกสามารถกลับมาสมบูรณ์พร้อมและทัดเทียมกับพ่อ
ขั้นตอนแรกที่พ่อบราห์มาทำคืออะไร? ท่านเฉลิมฉลองพิธีอุทิศตนของ “ฉัน”และ”ของฉัน”
นั่นคือในสถานการณ์ใดๆ แทนที่จะเป็น “ฉัน”ลูกจะได้ยินคำว่า “พ่อ”เสมอ
ในภาษาธรรมชาติของท่าน ในภาษาปกติธรรมดาของท่าน ท่านไม่เคยพูดว่า “ฉัน” “บาบากำลังทำให้ฉันทำสิ่งนี้
ไม่ใช่ว่าฉันกำลังทำ ไม่เลย บาบากำลังทำให้ฉันเคลื่อนไป
ไม่ใช่ฉันที่กำลังพูดสิ่งนี้ ไม่เลย บาบากำลังพูด”
การมีความผูกพันยึดมั่นกับผู้ที่มีขีดจำกัดหรือสิ่งที่มีขีดจำกัดคือการมีจิตสำนึกของ
“ของฉัน” การอุทิศจิตสำนึกของ “ฉัน”และ”ของฉัน” เรียกว่าการสังเวย
การสังเวยนี้หมายถึงการสังเวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ดังนั้นนี่คือสิ่งชี้บอกของการอุทิศตน
บาบาขอบคุณผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาสำหรับสิ่งหนึ่ง: ไม่ว่าจะในบารัตหรือในประเทศอื่นๆ
เพื่อที่จะกระจายคลื่นของความกระตือรือร้นในรูปแบบใด พวกเขาได้สร้างเทศกาลที่ดีมาก
ไม่ว่าจะเป็นสองวันหรือเพียงแค่หนึ่งวัน อย่างน้อยคลื่นของความกระตือรือร้น (utsaah)
ได้กระจายไป ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเรียกว่าเป็นเทศกาล (utsav)
อย่างน้อยความสนใจของพวกเขาส่วนมากจะถูกดึงดูดไปหาพ่อเป็นการชั่วคราว
เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ ดังนั้นลูกจะทำสิ่งพิเศษอะไรในวันพิเศษนี้?
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา เมื่อบางคนถือศีลอด พวกเขาทำสิ่งนั้นเพื่อความดี
ในขณะที่ผู้ที่ไม่มีความกล้าหาญนั้นจะถือศีลอดเพียงแค่หนึ่งเดือนหรือหนึ่งวันหรือเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ
จากนั้นพวกเขาก็หยุดถือศีลอดนั้น ลูกไม่ได้ทำสิ่งนี้ใช่ไหม?
ในมธุบันเท้าของลูกไม่ได้อยู่บนพื้น ดังนั้นเมื่อลูกกลับไปยังดินแดนในต่างประเทศ
ลูกจะลงมาสู่พื้นดิน หรือลูกจะยังคงอยู่เบื้องบนเสมอ?
ลูกจะอยู่เบื้องบนเสมอและเพียงแค่ลงมาเพื่อมีการกระทำ
หรือลูกจะกระทำในขณะที่อยู่ข้างล่างเสมอ?
การอยู่เบื้องบนหมายถึงการอยู่ในสภาพที่อยู่เบื้องบน (สภาพที่สูงส่ง)
ไม่ใช่ว่าลูกจะต้องขึ้นไปข้างบนแล้วห้อยลงมาจากเพดาน
มันหมายความว่าการอยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่สูงและมีการกระทำที่ธรรมดา นั่นคือลงมา (เพื่อกระทำ)
ในขณะที่มีการกระทำที่ธรรมดาสภาพของลูกควรอยู่เบื้องบน นั่นคือควรจะสูงส่ง
พ่อมาใช้ร่างกายที่ธรรมดา และท่านก็มีการกระทำที่ธรรมดาเท่านั้น
ท่านพูดในลักษณะเดียวกับที่ลูกพูด ท่านเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับที่ลูกเคลื่อนไหว
ดังนั้นการกระทำนั้นจึงธรรมดา ร่างกายก็ธรรมดา แต่ในขณะที่ทำการกระทำที่ธรรมดา
สภาพของท่านก็ยังคงสูง ในทำนองเดียวกันให้สภาพของลูกทุกคนสูงเสมอ
เช่นเดียวกับที่ลูกเรียกวันนี้ว่าวันแห่งการจุติลงมา
ในทำนองเดียวกันทุกวันในอมฤตเวลา อย่าได้คิดว่าลูกมาจากการนอนหลับ
แต่ลูกได้จุติลงมาจากดินแดนแห่งความสงบเพื่อที่จะมีการกระทำ
ในตอนกลางคืนหลังจากที่มีการกระทำ จากนั้นลูกก็กลับไปยังดินแดนแห่งความสงบ
ผู้ที่จุติลงมาเพื่อแสดงการกระทำที่สูงส่ง พวกเขาไม่ได้ถูกกล่าวว่าลงมาเกิด
แต่พวกเขาถูกกล่าวว่าได้จุติลงมา การจุติลงมาคือเมื่อพวกเขาลงมาข้างล่างจากเบื้องบน
ดังนั้นเมื่อมีการกระทำในสภาพนั้น
แม้กระทั่งการกระทำที่ธรรมดาก็จะเปลี่ยนเป็นการกระทำทางจิต ผู้อื่นรับประทานอาหาร(โบจุ้น)ของพวกเขา
ในขณะที่ลูกรับประทานบราห์มาโบจุ้น ดังนั้นมีความแตกต่างใช่ไหม?
ลูกกำลังเคลื่อนไปแต่ลูกกำลังเคลื่อนไปอย่างเป็นเทวดานางฟ้า
ลูกเคลื่อนไปในสภาพที่เป็นแสงที่เบาสบาย
ดังนั้นจึงเป็นกิจกรรมทางจิตทั้งหมดและการกระทำทางจิต
ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่วันนี้ที่เป็นวันแห่งการจุติลงมา
แต่ยุคบรรจบพบกันนั้นเป็นวันของการจุติลงมา
ในวันนี้ลูกแสดงความยินดีกับบัพดาดา แต่บัพดาดาพูดว่า: ลูกก่อน ถ้าไม่ใช่สำหรับลูกๆ
แล้ว ใครจะพูดว่า “พ่อ”? เป็นลูกที่เรียกพ่อว่า “พ่อ”
ดังนั้นก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับลูกๆ ลูกทั้งหมดร้องเพลงวันเกิด:
สุขสันต์วันเกิดให้กับท่าน บัพดาดาก็พูดเช่นกันว่า สุขสันต์วันเกิดกับลูก
ลูกๆได้แสดงความยินดีกับพ่อในวันเกิด และพ่อก็แสดงความยินดีกับลูกๆด้วย
ลูกได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยความยินดี(ให้กำลังใจ)
การหล่อเลี้ยงของลูกทั้งหมดคืออะไร?
ลูกได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยความยินดีจากพ่อและครอบครัว ลูกกำลังร้องเพลง ร่ายรำ
และได้รับการหล่อเลี้ยงและโบยบินด้วยความยินดี การหล่อเลี้ยงนี้มหัศจรรย์เช่นกัน
ลูกให้อะไรแก่กันและกันในทุกขณะ? การแสดงความยินดี และนี่คือวิธีของการหล่อเลี้ยง
ไม่ว่าใครจะเป็นเช่นไร บัพดาดารู้ และลูกก็รู้ด้วยว่าทุกสิ่งตามลำดับกันไป
ถ้าไม่ตามลำดับกันไปแล้วในยุคทองลูกจะต้องสร้างบัลลังก์อย่างน้อย 150,000 บัลลังก์
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องตามลำดับกันไป มันต้องตามลำดับกันไป
แต่ถ้าบางครั้งลูกคิดว่าบางคนผิด ที่เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ดี
วิธีที่จะทำให้สิ่งที่ผิดนั้นถูกต้อง
วิธีที่จะสอนวิธีการที่ถูกต้องแก่ผู้อื่นที่กำลังทำบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
คือการไม่บอกเขาตรงๆว่าเขาผิด ถ้าพูดเช่นนี้ คนนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง
เพื่อที่จะดับไฟ ลูกต้องไม่จุดไฟอีก ลูกเทน้ำเย็นลงบนไฟนั้น
ดังนั้นถ้าลูกเริ่มบอกใครบางคนว่าเขาผิด บุคคลนั้นจะยิ่งท้อแท้ใจมากขึ้น
ก่อนอื่นให้ความมั่นใจกับบุคคลนั้นด้วยการพูดว่าเขาดี ที่ทุกสิ่งดี
อย่างน้อยให้พรมน้ำก่อนแล้วค่อยอธิบายให้เขาฟังว่าทำไมไฟจึงเริ่มขึ้น
อย่าได้บอกเขาตรงๆทันทีว่าเธอเป็นเช่นนี้ เธอทำสิ่งนี้ เธอทำสิ่งนั้น
ก่อนอื่นให้พรมน้ำเย็นก่อน จากนั้นเขาจะตระหนักถึงเหตุผลที่ว่าทำไมไฟจึงเริ่มขึ้น
และวิธีอะไรที่จะดับไฟนั้น ถ้าใครบางคนไม่ดี และลูกบอกเขาว่าเขาไม่ดี
นั่นก็เหมือนกับการเทน้ำมันลงบนกองไฟ ดังนั้นก่อนอื่นต้องพูดว่า “มันดีมาก มันดีมาก”แล้วค่อยบอกเขาอะไรก็ตามที่ลูกจะต้องบอก
แล้วเขาจะมีความกล้าหาญที่จะฟังและซึมซับสิ่งนั้น ด้วยเหตุนี้เอง
บาบากำลังบอกลูกว่า การพูดว่า “ดีมาก ดีมาก” คือการแสดงความยินดี ตัวอย่างเช่น
บัพดาดาไม่เคยพูดกับใครตรงๆ ว่า เขานั้นผิด ท่านจะพูดในเมอร์ลีว่า อะไรถูก อะไรผิด
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครมาและถามบาบาตรงๆ ถ้าเขาผิด บาบาก็จะบอกว่า “ไม่
ลูกถูกต้องอย่างแน่นอน” เพราะบุคคลนั้นไม่มีความกล้าหาญในเวลานั้น
เหมือนกับที่ผู้ป่วยกำลังจะไปและในลมหายใจสุดท้ายของเขา ถ้าเขาถามหมอว่า
ขณะนี้เขาใกล้จะไปแล้วยัง หมอจะไม่พูดว่า”ใช่ คุณกำลังจะไปแล้ว”เพราะผู้ป่วยไม่มีความกล้าหาญในเวลานั้น
ถ้าใครมีหัวใจที่อ่อนแอ และลูกบอกสิ่งเหล่านี้แก่เขา
เขาจะมีภาวะหัวใจวายอย่างแน่นอน
นั่นคือเขาจะไม่มีพลังที่จะเพียรพยายามนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น
ยุคบรรจบพบกันคือการนำมาซึ่งการเติบโตผ่านการแสดงความยินดี
การแสดงความยินดีเหล่านี้เป็นการหล่อเลี้ยงที่สูงส่ง
เหตุนี้เองเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเฉลิมฉลองอนุสรณ์ของการหล่อเลี้ยงของการแสดงความยินดีในวันของเทพใดก็ตาม
พวกเขาเรียกสิ่งนั้นว่าวันที่ยิ่งใหญ่ เมื่อใดก็ตามที่เป็นดีปมาลาหรือชิพราตรี
พวกเขาเรียกมันว่าเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ พวกเขามีเทศกาลใด
พวกเขาจะเรียกมันว่าวันที่ยิ่งใหญ่ เพราะลูกมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาจึงเรียกวันนั้นว่าวันที่ยิ่งใหญ่
การแสดงความยินดีต่อกันและกันคือการมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ลูกเข้าใจไหม?
ไม่ใช่ว่าลูกจะไม่บอกใครบางคนที่ผิดว่าเขาผิด แต่ลูกต้องมีความอดกลั้นเล็กน้อย
ลูกจะต้องให้สัญญาณ แต่อย่างน้อยที่สุดเลือกเวลาที่ถูกต้อง บุคคลนั้นกำลังจะตาย
แล้วลูกบอกเขาว่า: ตาย ตาย! ดังนั้น ให้พิจารณาเวลา พิจารณาความกล้าหาญของเขา
ด้วยการพูดว่า “ดีมาก ดีมาก” บุคคลนั้นได้รับความกล้าหาญ
อย่างไรก็ตามจงพูดจากหัวใจของลูก อย่าเพียงแค่พูดอย่างผิวเผิน ให้คนๆนั้นรู้สึกว่า
ลูกเพียงแต่พูดเพราะเห็นแก่เขา นี่เป็นเรื่องของความรู้สึก
ขอให้ความรู้สึกในหัวใจของลูกมีความเมตตา
และหัวใจของเขาก็จะรู้สึกถึงความเมตตานั้นเช่นกัน
ดังนั้นจงเฝ้าแต่ให้การแสดงความยินดีและเฝ้าแต่รับการแสดงความยินดี
การแสดงความยินดีเหล่านี้เป็นพรด้วยเช่นกัน ความทรงจำในวันนี้คือ: บันดารา (คลังสมบัติ)
ของชีว่านั้นเปี่ยมล้น
ดังนั้นนี่คือการสรรเสริญของลูกเช่นกันไม่ใช่เพียงแค่ของพ่อชีว่า
ให้บันดาราเปี่ยมล้นอยู่เสมอ ลูก ๆ ของผู้ประทานกลายเป็นผู้ประทาน!
ลูกได้รับการบอกว่าผู้เลื่อมใสศรัทธาคือผู้ที่รับ (levta) ในขณะที่ลูกเป็นผู้ประทาน
(devta) ดังนั้นผู้ประทานจึงหมายถึงผู้ที่ให้
เมื่อลูกให้บางสิ่งบางอย่างกับใครบางคนแล้วรับบางสิ่งจากเขา เขาจะไม่รู้สึก
ลูกสามารถทำให้เขายอมรับอะไรก็ได้ แต่ก่อนอื่นลูกต้องให้บางสิ่งกับเขาก่อน
ให้ความกล้าหาญ ให้ความหวัง ให้ความสุข แล้วถ้าลูกต้องการให้เขายอมรับสิ่งใด
เขาจะทำอย่างนั้น ดังนั้นจงเฉลิมฉลองเทศกาลต่อไปทุกวัน
การเฉลิมฉลองการพบปะกับพ่อทุกวันคือการเฉลิมฉลองเทศกาล ดังนั้นทุกวันจึงเป็นเทศกาล
ถึงลูกๆทั้งหมดในทุกหนแห่ง ขอแสดงความยินดีที่ไม่สูญสลายสำหรับวันแห่งการจุติลงมา
สำหรับทุกวันในยุคบรรจบพบกัน ถึงผู้ที่เป็นผู้ประทานอยู่เสมอ ผู้ประทานพร
เช่นเดียวกับพ่อ และผู้ที่ทำให้ทุกดวงวิญญาณเต็มเปี่ยม
ถึงลูกที่เป็นนายที่ไร้เดียงสา
ถึงผู้ที่อยู่ในการจดจำระลึกถึงและทำให้ทุกการกระทำของพวกเขาเป็นอนุสรณ์
ถึงลูกที่สูงส่งที่เฝ้าแต่เคลื่อนไปข้างหน้าในงานรับใช้และในความก้าวหน้าของตนเองด้วยความจริงจังและกระตือรือร้นในวันพิเศษนี้ซึ่งเป็นอนุสรณ์ของชิพแจนตีและบราห์มินแจนตี
แจนตีมีค่าเท่ากับเพชร
ขอแสดงความยินดีสำหรับแจนตีของการทำให้ทุกคนมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยความรัก
ระลึกถึง และนมัสเต
พร:
ขอให้ลูกเป็นนายผู้สร้างและใช้พลังแต่ละพลังตามคำสั่งของลูก
ก่อนที่จะกระทำสิ่งใด ให้เรียกใช้พลังตามการกระทำ สั่งพลังอย่างเป็นนาย
เพราะพลังทั้งหมดนี้เป็นเหมือนแขนของลูก
แขนของลูกไม่สามารถทำอะไรได้โดยไม่ได้รับคำสั่งของลูก
สั่งพลังของความอดทนในการทำงานให้สำเร็จ
และดูว่าความสำเร็จได้รับประกันไว้แล้วอย่างไร
อย่างไรก็ตามแทนที่จะออกคำสั่งลูกกลับมาหวาดกลัวและคิดว่าลูกจะทำบางสิ่งได้หรือไม่
ถ้าลูกมีความกลัวประเภทนี้ คำสั่งจะไม่ได้ผล
ดังนั้นจงเป็นนายผู้สร้างที่ปราศจากความกลัว และใช้ทุกพลังตามคำสั่งของลูก
คติพจน์:
พาทุกคนไปที่ชายฝั่งด้วยการเปิดเผยพ่อ ผู้ประทานการค้ำจุน
หมายเหตุ:
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่สามของเดือนที่พี่น้องหญิงชายตาปาสวี ราชโยคี
ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่งฝึกสมาธิตั้งแต่เวลา 18.30 น. - 19.30 น.
จงอยู่อย่างมั่นคงในความเคารพตนเองของการเป็นบรรพบุรุษ
นั่งที่รากของต้นกัลปะและให้ทานของโยคะที่ทรงพลังแก่ต้นไม้ทั้งต้น
ให้การหล่อเลี้ยงที่สูงส่งแก่ราชวงศ์ของลูก