04.06.20       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน เวลานี้ลูกต้องดูดซับความบริสุทธิ์ที่ไม่มีขีดจำกัด การดูดซับความบริสุทธิ์ที่ไม่มีขีดจำกัดหมายถึงการไม่จดจำใครนอกจากพ่อผู้เดียว

คำถาม:
อะไรคือความแตกต่างระหว่างสภาพของลูกในขณะที่ลูกกำลังทำความเพียรพยายามที่จะประกาศสิทธิ์ในมรดกของลูกจากพ่อ และสภาพของลูกหลังจากที่ลูกได้มาซึ่งสิ่งนั้นแล้ว?

คำตอบ:
เมื่อประกาศสิทธิ์ในมรดกของลูกจากพ่อลูกทำความเพียรพยายามที่จะละทิ้งความสัมพันธ์ทางร่างทั้งหม และจดจำระลึกถึงพ่อผู้เดียวเท่านั้น เมื่อลูกได้รับมรดกของลูกแล้วลูกก็ลืมพ่อ เวลานี้ลูกต้องประกาศสิทธิ์ในมรดกของลูก ดังนั้นอย่าสร้างความสัมพันธ์ใหม่ใดๆ มิฉะนั้นลูกจะพบว่าเป็นการยากที่จะลืมพวกเขา เวลานี้จดจำพ่อผู้เดียวและลืมทุกคนและสิ่งอื่นๆ และลูกจะได้รับมรดกของลูก

เพลง:
เวลานี้กำลังผ่านไป…

โอมชานติ
พ่ออธิบายแก่ลูกทางจิตที่สุดแสนหวาน มีเพียงลูกบราห์มินเท่านั้นที่รู้ว่าใครเรียกว่ามีความรู้ (ญาณี) และใครที่เรียกว่าไม่รู้ (อญาณี) ความรู้คือการศึกษานี้ที่ลูกมาเพื่อที่จะเข้าใจว่าเราแต่ละคนคือดวงวิญญาณ และท่านคือพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด เมื่อลูกมาที่มธุบันจากสถานที่ต่างๆของลูก ก่อนอื่นลูกต้องพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณอย่างแน่นอน “เรากำลังไปหาพ่อของเรา” ชีพบาบาถูกเรียกว่าบาบา ชีพบาบาอยู่ในร่างของประชาบิดาบราห์มา ท่านคือบาบาของลูกเช่นกัน เมื่อลูกออกจากบ้านของลูก (เพื่อมาที่นี่) ลูกเข้าใจว่าลูกกำลังจะไปหาบัพดาดา ตัวอักษรที่ลูกเขียนแม้กระทั่งพูดว่า“บัพดาดา” – ชีพบาบาและบราห์มาดาด้า เราจะไปหาบาบา บาบามาเพื่อที่จะพบเราทุกวงจร บาบากำลังให้มรดกที่ไม่มีขีดจำกัดแก่เราด้วยการทำให้เราบริสุทธิ์ในวิธีที่ไร้ขีดจำกัด ความบริสุทธิ์สามารถที่จะมีขีดจำกัดหรือไม่มีขีดจำกัดได้ ลูกทำความเพียรพยายามที่จะกลับมาบริสุทธิ์และสะโตประธานในทางที่ไม่มีขีดจำกัด ทุกคนตามลำดับกันไป การมีความบริสุทธิ์ที่ไม่มีขีดจำกัดหมายถึงลูกไม่จดจำใครนอกจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด บาบานั้นอ่อนหวานมาก พระเจ้าเป็นผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด ท่านเป็นพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด ท่านเป็นพ่อของทุกดวงวิญญาณ มีเพียงลูกๆเท่านั้นที่ได้ตระหนักรู้จักท่าน พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดมาในบารัตเสมอ ท่านมาและดลใจลูกให้มีการสละละทิ้งที่ไม่มีขีดจำกัด การสละละทิ้งเป็นสิ่งหลัก เรียกว่าการวางเฉยด้วยเช่นกัน พ่อดลใจลูกให้มีการวางเฉยกับทั้งโลกเก่าที่สกปรกนี้ ท่านพูดว่า: ลูกๆ จงขจัดโยคะสติปัญญาของลูกออกจากโลกนี้ โลกนี้เรียกว่านรก ดินแดนแห่งความทุกข์ ผู้คนเองก็ยังพูดสิ่งนี้เช่นกัน เมื่อมีใครบางคนตาย พวกเขาพูดว่า “ผู้นั้นผู้นี้ได้กลายเป็นชาวสวรรค์” ดังนั้นนั่นหมายความว่าบุคคลนั้นต้องเคยอยู่ในนรก เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นผิด พ่อบอกลูกในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อที่จะทำให้ลูกกลายเป็นชาวสวรรค์ เวลานี้เท่านั้นที่ลูกต้องทำความเพียรพยายามนี้ ไม่มีใครนอกจากพ่อสามารถดลใจให้ลูกเพียรพยายามที่จะกลายเป็นชาวสวรรค์ได้ เวลานี้ลูกกำลังทำความเพียรพยายามที่จะกลายเป็นชาวสวรรค์เป็นเวลา 21 ชาติเกิด พ่อคือผู้ที่กำลังทำให้ลูกกลายเป็นเช่นนี้ ท่านถูกเรียกว่าพระเจ้าแห่งสวรรค์ผู้เป็นพ่อ ท่านมาด้วยตนเองและพูดว่า: ลูกๆ ก่อนอื่นพ่อจะพาลูกกลับไปยังอาณาเขตแห่งความสงบ ท่านคือผู้เป็นนาย ลูกจะไปยังดินแดนแห่งความสงบและจากนั้นก็ไปยังดินแดนแห่งความสุขเพื่อเล่นบทบาทของลูก เมื่อเราไปยังดินแดนแห่งความสงบ ผู้ที่เป็นของศาสนาอื่นทั้งหมดก็ไปยังดินแดนแห่งความสงบด้วยเช่นกัน เก็บวงจรของละครทั้งหมดไว้ในสติปัญญาของลูก เราทุกคนจะไปยังดินแดนแห่งความสงบ แล้วเราก็จะลงมาที่นี่ก่อน และประกาศสิทธิ์ในมรดกของเราจากพ่อ แน่นอนลูกต้องจดจำผู้เดียวผู้ที่ลูกได้รับมรดกของลูก ลูกๆ รู้ว่าเมื่อลูกได้รับมรดกของลูก ลูกก็ลืมพ่อผู้นั้น ลูกได้รับมรดกของลูกง่ายดายมาก พ่อบอกลูกต่อหน้าว่า: ลูกๆที่แสนหวาน จงลืมความสัมพันธ์ทางร่างทั้งหมดของลูก อย่าได้สร้างความสัมพันธ์ใหม่ใดในเวลานี้ หากลูกสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ลูกจะต้องลืมบุคคลนั้น ตัวอย่างเช่นหากลูกชายหรือลูกสาวเกิดมา สิ่งนั้นจะเป็นความยากลำบากเช่นกัน นั่นจะเป็นการจดจำระลึกถึงเป็นพิเศษ (ของผู้มีชีวิตอื่นๆ) พ่อพูดว่า: ลืมทุกคนอื่นและจดจำผู้เดียวเท่านั้น ท่านผู้เดียวคือ แม่ พ่อ ครู และกูรูของเรา ฯลฯ ท่านคือทุกสิ่งของเรา เราทั้งหมดคือพี่น้องหญิงชาย ลูกๆของพ่อผู้เดียว เราไม่มีความสัมพันธ์ของลุงป้าน้าอา ฯลฯ นี่คือเวลาเดียวเท่านั้นที่เรามีความสัมพันธ์ของพี่น้องหญิงชายเท่านั้น ลูกคือลูกๆของบราห์มาและลูกๆของชีพบาบาด้วยเช่นกัน ดังนั้นลูกก็ยังเป็นหลานชายและหลานสาวด้วยเช่นกัน ลูกสามารถเก็บสิ่งนี้ไว้อย่างมั่นคงมากในสติปัญญาของลูกตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ ลูกๆกลายเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองขณะที่เดินเหินและเคลื่อนไหวไปมา เวลานี้ลูกคือประภาคารที่มีชีวิต ลูกมีดินแดนแห่งการหลุดพ้นในดวงตาข้างหนึ่ง และดินแดนแห่งการหลุดพ้นในชีวิตในดวงตาอีกข้างหนึ่ง ประภาคารเหล่านั้นไม่มีชีวิตขณะที่ลูกมีชีวิต ลูกได้รับตาของความรู้ ลูกได้กลับมารู้แจ้งในความรู้และแสดงหนทางนี้แก่ทุกคน พ่อกำลังสอนลูก ลูกรู้ว่าโลกนี้คือดินแดนแห่งความทุกข์ เวลานี้เราอยู่ในยุคบรรจบพบกัน ที่เหลือของโลกอยู่ในยุคเหล็ก พ่อนั่งอยู่ที่นี่กับลูกๆ ของท่านในยุคบรรจบพบกัน และพูดคุยกับพวกเขา เพียงลูกของท่านเท่านั้นที่มาที่นี่ ลูกบางคนเขียนว่า: บาบา ฉันควรจะนำคนนั้นคนนี้มาหาท่านได้ไหม? เขาเป็นคนดีและจะเก็บเกี่ยวคุณธรรม บางทีลูกศรอาจจะยิงถูกเขา แล้วบาบาก็รู้สึกเมตตาและคิดว่าบางทีดวงวิญญาณนั้นอาจจะเป็นประโยชน์ ลูกๆรู้ว่านี่คือยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุด เวลานี้เท่านั้นที่ลูกกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด ในยุคเหล็กมนุษย์ทุกคนตกต่ำ พวกเขาทั้งหมดก้มกราบให้กับรูปปั้นบูชาของมนุษย์ที่สูงส่งลักษมีและนารายณ์ ในยุคทองไม่มีใครก้มหัวให้แก่ใคร ทุกสิ่งที่คงอยู่ที่นี่ไม่ได้คงอยู่ที่นั่น พ่อยังอธิบายด้วยว่า: หากลูกคงอยู่ในการจดจำระลึกถึงบาบาเป็นอย่างดีและทำงานรับใช้เช่นกัน ลูกจะมีนิมิตอยู่เรื่อยๆในขณะที่ลูกก้าวหน้าไป ลูกไม่ได้กราบไหว้บูชาใคร พ่อเพียงแค่สอนลูก เพียงแค่นั่งอยู่ที่บ้านลูกก็สามารถได้รับนิมิต หลายคนได้นิมิตของบราห์มา พวกเขาไม่ต้องใช้ความพยายามที่จะมีนิมิตของท่าน พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดให้นิมิตผ่านผู้นี้ ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาพวกเขามีนิมิตของใครก็ตามที่พวกเขามีความรู้สึกรักและเลื่อมใสศรัทธา เวลานี้ความรู้สึกรักและเลื่อมใสศรัทธาของลูกเป็นไปกับพ่อที่สูงสุดเหนือสิ่งใด พ่อยังคงให้นิมิตต่อไปโดยที่ลูกไม่ต้องทำความเพียรพยายาม ในวันแรกๆหลายคนจะเข้าฌานเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดจะนั่งด้วยกันและเข้าฌาน พวกเขาไม่ได้ทำความเลื่อมใสศรัทธาใดๆ ลูกๆกราบไหว้บูชาหรือไม่? พวกเขาได้คิดค้นเกม “ไปสวรรค์กันเถอะ!” พวกเขาจะมองกันและเข้าฌาน สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในอดีตจะซ้ำรอย ลูกรู้ว่าเราเคยเป็นของศาสนานี้ นี่คือศาสนาแรกและศาสนาเดียวเท่านั้นของยุคทอง มันให้ความสุขอย่างมาก จากนั้นองศาก็ค่อยๆลดลง ลูกจะไม่ได้รับความสุขแบบเดียวกันในบ้านเก่าเหมือนอย่างที่ลูกจะได้รับบ้านใหม่ หลังจากผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่งความงดงามตระการตานั้นก็จะลดน้อยลง มีความแตกต่างมากมายระหว่างสวรรค์และนรก ดูที่นรกและมองไปที่สวรรค์ ลูกคงอยู่ในความสุข ลูกรู้ด้วยเช่นกันว่าการจดจำระลึกถึงพ่อของลูกต้องมั่นคงมาก เมื่อใดก็ตามที่ลูกลืมว่าลูกคือดวงวิญญาณ ลูกก็กลับมามีสำนึกที่เป็นร่าง แม้กระทั่งในขณะที่ลูกนั่งอยู่ที่นี่ พยายามมีศรัทธาว่าลูกคือดวงวิญญาณ แล้วลูกจะสามารถจดจำพ่อได้ เป็นกฎที่ว่าเมื่อลูกมีสำนึกที่เป็นร่าง ลูกก็จะจดจำความสัมพันธ์ทางร่างทั้งหมดของลูก ลูกเคยพูดว่า: ของฉันคือผู้เดียวเท่านั้นและไม่มีใครอื่น บาบาฉันจะอุทิศตนเองต่อท่าน นี่คือเวลานั้น ดังนั้นจงจดจำผู้เดียวเท่านั้น ลูกสามารถใช้สายตามองดูใครก็ตาม ลูกสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปรอบๆได้ แต่ลูกดวงวิญญาณต้องจดจำพ่อเท่านั้น ลูกต้องทำมาหาเลี้ยงชีพของลูกด้วยเช่นกัน แต่ให้มือของลูกทำงานไปและให้หัวใจของลูกคงอยู่ในการจดจำระลึกถึงบาบา ลูกดวงวิญญาณต้องจดจำผู้เป็นที่รัก เมื่อลูกเริ่มจะรักเพื่อนลูกก็จดจำเธอตลอดเวลา จากนั้นลูกจะเห็นว่ามันยากมากที่จะทำลายเชือกนั้น (ของความผูกพันยึดมั่น) จากนั้นลูกก็ถาม: บาบานี่คืออะไร? โอ้! แต่ทำไมลูกถึงทำให้ตนเองติดกับอยู่ในรูปและนามของใครบางคน? ก่อนอื่นลูกต้องกลับมามีสำนึกที่เป็นร่าง จากนั้นบัญชีกรรมที่ผ่านมาในอดีตของลูกจะหลอกลวงลูก พ่อพูดว่า: อย่าปล่อยให้สติปัญญาของลูกถูกดึงเข้าไปหาสิ่งใดก็ตามที่ลูกมองเห็นด้วยตา เก็บไว้ในสติปัญญาของลูกว่าชีพบาบากำลังสอนลูก แม้ในขณะที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่มีลูกมากมายที่ไม่สามารถคงอยู่ในการจดจำระลึกถึงได้ ดังนั้นตรวจสอบตนเองเพื่อที่จะดูว่าลูกจดจำชีพบาบามากแค่ไหน มิฉะนั้นชาร์ทของลูกจะเสีย พระเจ้าพูดว่า: ลูกๆ ที่แสนหวาน จดจำพ่อ! จดบันทึกสิ่งนั้น นั่งอยู่ในการจดจำระลึกถึงเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการ กินอาหารของลูก ออกไปเดินเล่น แล้วมานั่งอยู่ในการจดจำระลึกถึงเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที ที่นี่ลูกไม่มีธุรกิจทางโลกใดๆที่ต้องทำ ทั้งที่เป็นเช่นนั้นลูกบางคนยังคงทำให้สติปัญญาของตนจดจำงานหรือธุรกิจที่ลูกทิ้งไว้ข้างหลัง จุดหมายปลายทางนั้นสูงมาก เหตุนี้เองบาบาพูดว่า: จงตรวจสอบตนเอง! ตอนนี้เป็นเวลาที่มีคุณค่าที่สุดของลูก ลูกได้สูญเสียเวลาไปอย่างมากในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา วันแล้ววันเล่าลูกยังคงตกต่ำลงมาเรื่อยๆ เมื่อใครบางคนมีนิมิตของกฤษณะ เขาจะมีความสุขมาก แต่เขาก็ไม่ได้มาซึ่งสิ่งใด เพียงครั้งเดียวนี้เท่านั้นที่ลูกสามารถได้รับมรดกของลูกจากพ่อ พ่อพูดว่า: เวลานี้คงอยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่อแล้วบาปของหลายชาติเกิดของลูกก็จะได้รับการปลดเปลื้อง มีเพียงลูกที่อยู่ในการจดจำระลึกถึงเท่านั้นที่บาปของพวกเขาสามารถได้รับการปลดเปลื้องและกลับมาอยู่เหนือบ่วงกรรมและได้รับหนังสือเดินทางไปสวรรค์ มิฉะนั้นจะต้องมีประสบการณ์ของการถูกลงโทษอย่างมาก บาบาแนะนำลูกเพิ่มเติมว่า: จงเก็บรูปภาพของลูกเอง(ไว้ในกระเป๋า)ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สวมมงกุฎ และลูกจะสามารถจดจำได้ว่าลูกจะเปลี่ยนจากสิ่งที่ลูกเป็นอยู่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ยิ่งลูกมองดูรูปภาพนั้นมากเท่าไหร่ ลูกก็จะยิ่งมีการจดจำระลึกถึงได้มากเท่านั้น แล้วลูกจะกลับมาผูกพันกับสิ่งนั้น: เวลานี้ฉันกำลังกลายเป็นนารายณ์จากมนุษย์ธรรมดา เมื่อลูกมองดูรูปภาพ ลูกจะสัมผัสกับความสุขอย่างมาก และจดจำชีพบาบาด้วยเช่นกัน ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นวิธีที่จะทำความเพียรพยายาม ถามใครบางคนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาด้วยการฟังเรื่องราวของนารายณ์ที่แท้จริง บาบาของเรากำลังเล่าเรื่องราวของนารายณ์ที่แท้จริงแก่เรา ต้องมีการคำนวณของ 84 ชาติเกิดที่ลูกใช้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนจะใช้ 84 ชาติเกิด โลกภายนอกไม่มีใครอื่นใดรู้สิ่งนี้เลย พวกเขาเพียงแค่พูดถึงสิ่งเหล่านี้ นั่นเรียกว่าทฤษฎี ที่นี่ของลูกคือเป็นจริงในทางปฏิบัติ หนังสือทางศาสนาฯลฯ จะถูกสร้างขึ้นในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาในสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติในเวลานี้ ลูกกลายเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง และจากนั้นก็ไปสู่ดินแดนของวิษณุ นี่คือสิ่งใหม่ นี่คืออาณาจักรของราวันดินแดนของความไม่จริง จากนั้นจะมีอาณาจักรของรามดินแดนแห่งความจริง สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากในภาพของลูก เวลานี้เป็นจุดจบของโลกเก่านี้ การทำลายล้างเกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทำสิ่งเช่นนั้นต้องคิดว่ามีใครบางคนกำลังดลใจให้พวกเขาทำสิ่งทั้งหมดนั้น พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะทำลายทุกสิ่งโดยการสร้างสิ่งเหล่านั้น อย่างไรก็ตามทุกสิ่งอยู่เหนือการควบคุมของพวกเขาเพราะว่าพวกเขามีความกลัว พวกเขารู้ว่าสามารถส่งระเบิดไปที่ไหนสักแห่งและทำลายทุกสิ่งในขณะที่พวกเขานั่งอยู่ที่บ้าน จะไม่มีความจำเป็นสำหรับเครื่องบินหรือน้ำมันฯลฯ การทำลายล้างต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โลกใหม่คือยุคทอง สวรรค์คงอยู่เมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล เวลานี้สวรรค์กำลังมีการก่อตั้งขึ้นอีกครั้ง เมื่อลูกก้าวหน้าต่อไป ทุกคนจะเข้าใจสิ่งนี้ ลูกรู้ว่าการก่อตั้งต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งนี้แม้แต่น้อย ละครนี้ดำเนินต่อไปเหมือนที่เคยเป็นในวงจรก่อนหน้านี้ ละครดลใจลูกให้ทำความเพียรพยายามอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในละครก็จะเกิดขึ้น บางคนถามว่า: ความเพียรพยายามยิ่งใหญ่กว่าหรือรางวัลยิ่งใหญ่กว่า? ความเพียรพยายามยิ่งใหญ่กว่าเพราะรางวัลของลูกเป็นผลของความเพียรพยายามที่ลูกทำ ไม่มีใครสามารถคงอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ทำความเพียรพยายาม ลูกกำลังทำความเพียรพยายามใช่ไหม? ลูกๆ มาที่นี่จากทุกหนแห่งและยังคงทำความเพียรพยายามต่อไป พวกเขาพูดว่า: บาบาฉันลืมท่าน โอ้! แต่ชีพบาบาบอกให้ลูกจดจำท่าน! ท่านพูดสิ่งนี้กับใคร? ท่านพูดสิ่งนี้กับลูกดวงวิญญาณ พ่อพูดกับดวงวิญญาณเท่านั้น ชีพบาบาเท่านั้นคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ลูกดวงวิญญาณรับฟังท่าน ลูกๆต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้าว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดกำลังทำให้ลูกกลายเป็นนายของโลก ท่านคือพ่อที่สูงสุดเหนือสิ่งใด พ่อที่น่ารักที่สุด ลูกเคยจดจำท่านในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา มีการจดจำว่า: “วิธีการและหนทางของท่านนั้นพิเศษสุด” ดังนั้นท่านต้องให้คำแนะนำแก่ลูกอย่างแน่นอน เวลานี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่ามนุษย์มากมายเหล่านี้ทั้งหมดต้องกลับบ้าน คิดดูซิว่ามีดวงวิญญาณมากมายเพียงใด มีต้นไม้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาทั้งหมด ดวงวิญญาณทั้งหมดจะไปนั่งอยู่ที่นั่นตามลำดับกันไป เมื่อมีการโยกย้ายชั้นเรียนในปีถัดไป นักเรียนทุกคนก็จะนั่งตามลำดับกัน ลูกก็กลับไปตามลำดับเช่นกัน จุดที่สุดแสนเล็ก(ดวงวิญญาณ)ทั้งหมดจะกลับไปตามลำดับกัน และจากนั้นก็จะมาและเล่นบทบาทของพวกเขาตามลำดับกัน นี่คือลูกประคำของรูดร้า พ่อพูดว่า: ลูกประคำของดวงวิญญาณหลายพันล้านคือลูกประคำของพ่อ พ่อผู้เป็นดอกไม้อยู่ข้างบน และคนอื่นๆ ลงมาที่นี่เพื่อที่จะเล่นบทบาทของพวกเขา ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว มีการกล่าวว่า: ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้วล่วงหน้า ลูกเข้าใจว่าละครนี้ดำเนินต่อไปอย่างไร บอกทุกคนว่า: จงพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อเพื่อที่บาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้องและลูกจะสามารถกลับบ้านได้ สิ่งนี้ใช้ความเพียรพยายาม! เป็นหน้าที่ของลูกที่จะแสดงหนทางนี้แก่ทุกคน ลูกไม่ได้ติดกับอยู่ในผู้ที่มีร่างกาย พ่อพูดว่า: จดจำพ่อแล้วบาปของลูกจะถูกเผาไหม้ ทำตามคำแนะนำที่พ่อให้ไว้ ไม่มีอะไรที่จะถามเกี่ยวกับสิ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรลูกจะต้องจดจำระลึกถึงพ่ออย่างแน่นอน บาบามีความเมตตาอะไรในสิ่งนี้? ลูกต้องจดจำบาบาเพราะว่าลูกต้องประกาศสิทธิ์ในมรดกของลูก พ่อคือผู้สร้างสวรรค์ ดังนั้นลูกจะได้รับมรดกแห่งสวรรค์ของลูกอย่างแน่นอน เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าต้นไม้นี้เก่าแล้ว ดังนั้นลูกจึงมีการวางเฉยกับโลกเก่านี้ สิ่งนี้เรียกว่าการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัด หฐโยคีมีการวางเฉยที่มีขีดจำกัด พวกเขาไม่สามารถสอนการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ลูกได้ ผู้ที่มีการวางเฉยที่มีขีดจำกัดจะสามารถสอนการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ผู้อื่นได้อย่างไร? เวลานี้พ่อพูดว่า: โอ้ ลูกๆ ที่จากหายไปนานและเวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง ลูกๆ ตอบว่า: ท่านก็เป็นพ่อของเราที่จากหายไปนานและเวลานี้ได้พบพานอีกครั้งเช่นกัน เป็นเวลา 63 ชาติเกิดที่ลูกได้จดจำพ่อ: เราเป็นของพ่อผู้เดียวและไม่เป็นของใครอื่น! อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. เพื่อประกาศสิทธิ์ในหนังสือเดินทางไปสวรรค์ของลูก ปลดเปลื้องบาปของลูกด้วยการจดจำระลึกถึงพ่อ และทำให้สภาพของลูกอยู่เหนือบ่วงกรรม ทำความเพียรพยายามที่จะทำให้ตนเองรอดพ้นจากการถูกลงโทษ

2. กลับมามีความรู้ และแสดงให้ทุกคนเห็นหนทางกลับบ้าน กลายเป็นประภาคารที่มีชีวิต ให้มีดินแดนแห่งการหลุดพ้นในดวงตาข้างหนึ่ง และดินแดนแห่งการหลุดพ้นในชีวิตในดวงตาอีกข้างหนึ่ง ลืมดินแดนแห่งความทุกข์นี้

พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้เพียรพยายามอย่างจริงจังและผ่านอุปสรรคทั้งหมดที่จะมาพร้อมกับรูปที่เป็นแสงและเบาสบายเป็นสองเท่าของลูก

แทนที่จะเหนื่อยล้าหรือท้อแท้จากอุปสรรคที่กำลังจะมา ให้กระโดดสูงขึ้นในหนึ่งวินาทีด้วยรูปที่เป็นแสงและเบาสบายเป็นสองเท่า รูปที่มีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณแห่งแสง และรูปที่เป็นเครื่องมือ อย่าได้เสียเวลาในการทุบทำลายก้อนหินแห่งอุปสรรค กระโดดข้ามมันไปในหนึ่งวินาที อย่าทำให้หนทางที่ง่ายกลายเป็นยากด้วยการลืมแม้แต่นิดเดียว ลูกสามารถเห็นอนาคตของลูกและจุดหมายปลายทางที่สูงส่งของชีวิตลูกได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจงกลายเป็นเป็นผู้เพียรพยายามอย่างจริงจัง อยู่อย่างมั่นคงอย่างสม่ำเสมอในรูปที่สูงส่งซึ่งบัพดาดาและโลกเห็นลูก

คติพจน์:
จงมีความสุขอยู่เสมอและแบ่งปันความสุขนั้น นี่คือเกียรติสูงสุด