15.06.20 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ
ที่แสนหวาน ลูกรู้ว่าลูกได้จบสิ้นวงจรของ 84 ชาติเกิดแล้วอย่างสมบูรณ์
และเวลานี้ลูกกำลังจะกลับบ้านไปสู่ดินแดนแห่งความสงบ
เหลือมีเวลาน้อยมากก่อนที่ลูกจะกลับบ้าน
คำถาม:
อะไรคือสิ่งชี้บอกของลูกที่ตระหนักถึงการกลับบ้าน?
คำตอบ:
ในขณะที่ดูโลกเก่านี้ พวกเขาไม่เห็นมัน
พวกเขามีการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัดและอยู่อย่างเบาสบายในขณะที่ดำเนินธุรกิจของเขา
พวกเขาไม่ได้สูญเสียเวลาในการซุบซิบนินทา พวกเขาคิดว่าตนเองนั้นเป็นแขกของโลกนี้
โอมชานติ
มีเพียงลูกบราห์มินของยุคบรรจบพบกันเท่านั้นที่รู้ว่าลูกคือแขกในโลกเก่านี้สำหรับเวลาอันสั้น
บ้านที่แท้จริงของลูกคือดินแดนแห่งความสงบ
มนุษย์คิดว่าพวกเขาจะได้รับความสงบของจิตใจที่นั่นจึงจดจำสถานที่นั้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าจิตใจคืออะไร ความสงบคืออะไร
หรือพวกเขาจะสามารถได้รับสิ่งนั้นได้ที่ไหน
ลูกรู้ว่าเวลาน้อยมากที่ยังคงเหลืออยู่ก่อนที่ลูกจะกลับบ้าน
มนุษย์ของทั้งโลกจะไปที่นั่นตามลำดับกันไป นั่นคือดินแดนแห่งความสงบ
และนี่คือดินแดนแห่งความทุกข์ เป็นสิ่งที่ง่ายดายมากที่จะจำสิ่งนี้ใช่ไหม?
ไม่ว่าใครบางคนจะหนุ่มสาวหรือแก่ชรา เขาก็สามารถจดจำได้มากขนาดนี้ใช่ไหม?
ความรู้ของทั้งโลกรวมอยู่ในสิ่งนี้
ทุกเรื่องในรายละเอียดทั้งหมดเข้าสู่สติปัญญาของลูก
เวลานี้ลูกกำลังนั่งในยุคบรรจบพบกัน
มันอยู่ในสติปัญญาของลูกว่าลูกจะไปยังดินแดนแห่งความสงบตามแผนของละคร
เมื่อมีสิ่งนี้ในสติปัญญาของลูก
ลูกก็จะมีประสบการณ์ของความสุขและได้รับการเตือนด้วยเช่นกัน ลูกได้จดจำ84
ชาติเกิดของลูก หนทางความเลื่อมใสศรัทธานั้นแยกออกไป
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือหนทางของความรู้ พ่อถามว่า: ลูกที่แสนหวาน
เวลานี้ลูกจดจำบ้านของลูกหรือไม่? ลูกรับฟังมากมาย ลูกรับฟังสิ่งต่างๆ มากมาย
หนึ่งในสิ่งนั้นคือเวลานี้พวกเราจะไปยังดินแดนแห่งความสงบแล้วก็ไปสู่ดินแดนแห่งความสุข
พ่อมาเพื่อพาพวกเราไปสู่โลกที่บริสุทธิ์
ในดินแดนแห่งความสุขเช่นกันดวงวิญญาณก็อยู่ในความสงบและความสุข
ในดินแดนแห่งความสงบมีเพียงความสงบ ที่นี่มีความปั่นป่วนมากมาย
เมื่อลูกกลับไปบ้านของลูกจากมธุบัน,
สติปัญญาของลูกจะหันไปสู่การซุบซิบนินทาและธุรกิจของลูกฯลฯ
ที่นี่ลูกไม่ได้มีความซับซ้อนแบบเดียวกันเหล่านั้น
ลูกรู้ว่าลูกคือดวงวิญญาณและเป็นผู้อาศัยของดินแดนแห่งความสงบ
เรากลายเป็นนักแสดงที่นี่ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นนักแสดง พ่อมาและสอนเพียงลูกๆ
เท่านั้น มีเพียงกำมือเดียวจากหลายพันล้านที่ศึกษาสิ่งนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะศึกษา
เวลานี้ลูกได้กลายเป็นผู้ที่รู้คิดอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีความเข้าใจ
ดูสิว่าเวลานี้มีการต่อสู้รบราและทะเลาะเบาะแว้งกันมากมายแค่ไหน
ลูกจะเรียกทั้งหมดนี้ว่าอะไร? ได้หลงลืมกันไปแล้วว่าพวกเราทั้งหมดคือพี่น้อง
พี่น้องจะฆ่ากันและกันไหม? ใช่, พวกเขาฆ่ากันเพียงเพื่อทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่ง
เวลานี้ลูกรู้ว่าเราทั้งหมดคือพี่น้อง ลูกๆ ของพ่อเดียว
ลูกดวงวิญญาณเข้าใจในทางปฏิบัติว่าพ่อมาและสอนลูก ท่านสอนเราอย่างที่ท่านเคยสอนมื่อ
5000 ปีที่แล้ว เพราะท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ไม่มีใครอื่นรู้ถึงการศึกษานี้
มีเพียงลูกเท่านั้นที่รู้ว่าพ่อคือผู้สร้างสวรรค์
ลูกไม่สามารถพูดได้ว่าท่านคือผู้สร้างโลก โลกนั้นคงอยู่ตลอดไป
ลูกสามารถพูดได้ว่าท่านคือผู้สร้างสวรรค์ ไม่มีดินแดนอื่นใดที่นั่น
ที่นี่มีดินแดนมากมาย มีช่วงเวลาที่มีเพียงศาสนาเดียวและแผ่นดินเดียว
ศาสนาที่หลากหลายทั้งหมดมาในภายหลัง
เวลานี้ได้เข้าไปสู่สติปัญญาของลูกว่าศาสนาที่หลากหลายนั้นปรากฏขึ้นมาอย่างไร
ศาสนาแรกคือศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
มันคือที่นี่ที่ลูกเรียกว่าเป็นศาสนาดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป,
แต่ไม่มีใครเข้าใจความหมายของสิ่งนั้น
ลูกทั้งหมดเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปแต่เป็นเพียงการที่ลูกได้กลับมาไม่บริสุทธิ์.
จากการเป็นผู้ที่สะโตประธาน ลูกก็เฝ้าแต่กลับมาสะโต ราโจ และตาโม ลูกเข้าใจว่า
ลูกเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
ลูกบริสุทธิ์มากและแล้วเวลานี้ก็กลับมาไม่บริสุทธิ์
ลูกประกาศสิทธิ์ในมรดกของการกลายเป็นนายของโลกที่บริสุทธิ์ของลูกจากพ่อ
ลูกเข้าใจว่าลูกเป็นของศาสนาของการครองเรือนที่บริสุทธิ์ก่อน
และเวลานี้ตามแผนของละครลูกเป็นของหนทางครอบครัวที่ไม่บริสุทธิ์ในอาณาจักรของราวัน
ลูกร้องเรียกหา: โอ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ได้โปรดพาเราไปยังดินแดนแห่งความสุข
เป็นเรื่องของเมื่อวาน.
เมื่อวานลูกบริสุทธิ์และวันนี้ลูกกลับมาไม่บริสุทธิ์และร้องเรียกหา
ดวงวิญญาณกลับมาไม่บริสุทธิ์ ดวงวิญญาณร้องเรียกหา:
บาบาได้โปรดมาและชำระพวกเราให้บริสุทธิ์อีกครั้ง พ่อพูดว่า:
กลับมาบริสุทธิ์ในชาติเกิดสุดท้ายนี้ และลูกจะกลับมามีความสุขอย่างมากเป็นเวลา 21
ชาติเกิด พ่อบอกสิ่งที่ดีมากแก่ลูกและปลดปล่อยลูกจากสิ่งที่ไม่ดี ลูกเป็นเทพ
เวลานี้ลูกต้องกลับมาเป็นเช่นนั้นอีกครั้งหนึ่ง กลับมาบริสุทธิ์
เป็นสิ่งที่ง่ายดายมาก รายได้นั้นมากมาย อยู่ในสติปัญญาของลูกว่าชีพบาบามาแล้ว
ท่านมาทุก 5000 ปี โลกเก่านั้นต้องกลับมาใหม่อย่างแน่นอน
ไม่มีใครสามารถบอกสิ่งนี้แก่ลูกได้ ในคัมภีร์พวกเขายืดระยะเวลาของยุคเหล็กออกไป
ชะตากรรมนี้ถูกกำหนดไว้แล้วในละคร เวลานี้ลูกๆ
กำลังทำความเพียรพยายามที่จะได้รับการปลดปล่อยจากบาป
ดังนั้นให้ความใส่ใจว่าจะไม่มีการทำบาปอีกต่อไป
เมื่อลูกได้กลับมามีสำนึกที่เป็นร่างที่กิเลสอื่นๆก็เกิดขึ้นมาและทำให้ลูกทำบาป
เหตุนี้เองวิญญาณปีศาจร้ายต้องถูกขับไล่ออกไป
อย่าได้มีความผูกพันยึดมั่นต่อสิ่งใดของโลกนี้ ให้มีการวางเฉยในโลกเก่านี้
แม้ว่าลูกจะเห็นว่าลูกยังคงมีชีวิตอยู่ในบ้านเก่า
สติปัญญาของลูกก็ควรจะตรงไปสู่โลกใหม่ เมื่อลูกไปที่บ้านใหม่ของลูก
ลูกก็จะเห็นแต่บ้านใหม่เท่านั้น จนกระทั่งบ้านเก่านี้ถูกทำลาย ไม่เช่นนั้นแล้ว
ลูกก็จะเฝ้าแต่มองดูบ้านนั้นต่อไปด้วยดวงตาของลูกขณะที่กำลังจดจำบ้านใหม่
อย่าได้ทำการกระทำใดเช่นนั้นที่จะต้องมีการเสียใจในภายหลัง “วันนี้ฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้คนนั้นคนนี้มีความทุกข์
ฉันได้ทำบาปนี้” ลูกสามารถถามบาบา บาบาสิ่งนี้เป็นบาปหรือไม่?
เหตุใดลูกจึงทำให้ตนเองสำลัก? หากลูกไม่ถาม ลูกก็จะสำลักต่อไป หากลูกถามบาบา,
บาบาก็จะทำให้ลูกรู้สึกเบาสบายในทันที ลูกหนักหน่วงมาก ภาระของบาปนั้นหนักหน่วงมาก
และจากนั้นลูกจะกลับมาเบาสบายจากภาระของบาปใดก็ตามเป็นเวลา 21 ชาติเกิด
มีภาระของบาปของหลายต่อหลายชาติเกิดบนศีรษะของลูก
ยิ่งลูกอยู่ในการจดจำระลึกถึงมากเท่าไหร่ ลูกก็จะกลับมาเบาสบายมากเท่านั้น
อัลลอยด์จะถูกขจัดออกไปและความสุขของลูกก็จะเพิ่มขึ้น ในยุคทองลูกมีความสุขอย่างมาก
และแล้วความสุขนั้นก็ค่อยๆลดลงไปทีละน้อยและหายไป
การเดินทางจากยุคทองสู่ยุคเหล็กนั้นใช้เวลา 5000 ปี
เวลานี้ลูกรู้เกี่ยวกับการเดินทางจากยุคทองถึงยุคเหล็ก
และลูกมาจากยุคทองสู่ยุคเหล็กอย่างไร เวลานี้ลูกกำลังจะไปสวรรค์จากนรก “การหลุดพ้นในชีวิตใน
1 วินาที” ได้รับการจดจำกันมา ลูกได้ตระหนักรู้จักพ่อแล้ว พ่อได้มา
และดังนั้นท่านจะพาพวกเราไปสวรรค์อย่างแน่นอน ทันทีที่เด็กเกิดมา
เขาก็กลายเป็นนายของทรัพย์สมบัติ เวลานี้ลูกเป็นของพ่อแล้ว
ความซาบซึ้งของลูกควรจะสูงขึ้น เหตุใดความซาบซึ้งนั้นถึงลดลงไป? ลูกนั้นยิ่งใหญ่มาก
เวลานี้ลูกเป็นของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
และดังนั้นลูกจึงมีสิทธิ์ในอาณาจักรที่ไม่มีขีดจำกัด เหตุนี้เองจึงได้รับการจดจำ
หากลูกต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับความสุขเหนือประสาทสัมผัส ให้ถามโก๊ปและโก๊ปีก้า
ที่เป็นของโก๊ปี้วัลลาภ (พ่อของโก๊ปี้) วัลลาภคือพ่อดังนั้นจงถามท่าน
ปรอทของความสุขของลูกนั้นสูงขึ้นตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
บางคนก็จะทำให้ผู้อื่นทัดเทียมกับตัวเขาเองได้อย่างเร็วมาก งานของลูกๆ
คือการทำให้ผู้อื่นลืมทุกสิ่งและเตือนเขาถึงอาณาจักรของพวกเขา ลูกเป็นนายแห่งสวรรค์
เวลานี้คือยุคเหล็กโลกเก่าและต่อจากนั้นก็จะมีโลกใหม่
เป็นในเวลานี้ที่อยู่ในสติปัญญาของลูกๆ ว่าพ่อมาในบารัตทุก 5000 ปี
วันเกิดของท่านนั้นได้มีการเฉลิมฉลอง ลูกรู้ว่า
พ่อมาและกลับไปหลังจากที่ให้อาณาจักรแก่เรา และแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจดจำท่าน
จากนั้นเมื่อหนทางความเลื่อมใสศรัทธาเริ่มต้นขึ้น ลูกก็เริ่มที่จะจดจำท่าน
เนื่องจากดวงวิญญาณใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมด พวกเขาจึงจดจำพ่อและกล่าวว่า:
บาบาได้โปรดมาอีกครั้ง และพาพวกเราไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าท่านคือพ่อ ครูและกูรูของลูก ลูกมีตอนเริ่มต้น ตอนกลาง
และตอนจบของวงจรโลก และความรู้ของ 84 ชาติเกิดในสติปัญญาของลูก ลูกได้ใช้ 84
ชาติเกิดมานับครั้งไม่ถ้วนและจะใช้ชาติเกิดต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับสิ่งนี้
วงจรนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกเท่านั้น
ควรจะจดจำกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า นี่คือ “มานมานะบาฟ”
ยิ่งลูกจดจำพ่อมากเท่าไหร่ บาปของลูกจะถูกเผาไปมากเท่านั้น
เมื่อลูกเข้ามาใกล้กับสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรมของลูก
ลูกจะไม่ทำการกระทำที่เป็นบาปใดๆ เวลานี้ยังคงมีการกระทำบาปบางอย่างอยู่
ยังไม่มีลูกคนใดได้ไปถึงสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรมที่สมบูรณ์ของลูก
บาบานี้ก็เป็นนักเรียนพร้อมกันกับลูกด้วย เป็นชีพบาบาที่กำลังสอนลูก
แม้ว่าท่านจะเข้ามาในผู้นี้ ผู้นี้ก็เป็นนักเรียนด้วยเช่นกัน เหล่านี้คือสิ่งใหม่
เวลานี้เพียงแค่จดจำพ่อและวงจรโลก นั่นคือหนทางความเลื่อมใสศรัทธา
และนี่คือหนทางแห่งความรู้ มีความแตกต่างของกลางวันและกลางคืน
ที่นั่นผู้คนก็เล่นเครื่องดนตรีและสั่นกระดิ่งฯลฯ ที่นี่
ลูกเพียงแค่คงอยู่ในการจดจำระลึกถึง ดวงวิญญาณเป็นอมตะ มีบัลลังก์อมตะด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าพ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นภาพลักษณ์ของอมตะ
ลูกเองก็เป็นภาพลักษณ์ที่อมตะด้วย
หน้าผากคือบัลลังก์ของดวงวิญญาณซึ่งเป็นภาพลักษณ์อมตะ
เขานั่งอยู่บนหน้าผากอย่างแน่นอน ดวงวิญญาณจะไม่นั่งในท้อง
เวลานี้ลูกรู้ว่าบัลลังก์ของดวงวิญญาณซึ่งเป็นภาพลักษณ์อมตะนั้นอยู่ที่ไหน?
บัลลังก์ของเรานั้นอยู่ตรงกลางหน้าผาก ในอมฤตสาพวกเขามีภาพลักษณ์ที่เป็นอมตะ
แม้ว่าพวกเขาจะร้องเพลงสรรเสริญภาพลักษณ์ที่เป็นอมตะ
พวกเขาก็ไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนั้น ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับบัลลังก์อมตะของพวกเขา
เวลาลูกนี้รู้ว่านี่คือบัลลังก์ที่ท่านนั่งและพูดกับลูก
ดวงวิญญาณนั้นไม่สูญสลายในขณะที่ร่างกายนั้นสูญสลาย
นี่คือบัลลังก์ที่เป็นอมตะของดวงวิญญาณ บัลลังก์อมตะนี้คงอยู่เป็นนิรันดร์เสมอ
ลูกเข้าใจสิ่งนี้
ผู้คนเหล่านั้นได้สร้างบัลลังก์ที่เป็นวัตถุและให้ชื่อนั้นแก่บัลลังก์นั้น
ในความเป็นจริงดวงวิญญาณอมตะนั่งอยู่ที่นี่ ลูกๆ มีความหมายของ “เอก โอมการ์” (ผู้เดียวที่ไม่มีตัวตน)
ในสติปัญญาของลูก ลูกเข้าใจความหมายของสิ่งนั้น
ผู้คนไปที่วัดและร้องเพลงสรรเสริญรามและนารายณ์ (อะชาตัม, เกรซาวัม ศรีราม, นารายณ์.....)
มันไม่มีความหมายใด พวกเขาเฝ้าแต่ร้องสรรเสริญในลักษณะนี้
เวลานี้มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างรามและนารายณ์
พ่อพูดว่าทั้งหมดนี้คือหนทางความเลื่อมใสศรัทธา ความรู้นั้นง่ายดายมาก
ก่อนที่ลูกจะถามเกี่ยวกับสิ่งอื่นใด จงจดจำพ่อและมรดกของลูก
ไม่มีใครสามารถทำความเพียรพยายามนี้ เพราะพวกเขาลืม
นอกจากนี้ยังมีการละเล่นด้วยเช่นกันที่มายาหันลูกไปทางหนึ่งและพระเจ้าหันลูกไปอีกทางหนึ่ง
เมื่อลูกจดจำพ่อ มายาก็นำพายุอื่นๆมากมายมา คำสั่งของมายาคือ
กลับมามีพลังและต่อสู้กับผู้ที่มีพลัง ลูกทั้งหมดอยู่ในสนามรบ
ลูกรู้ว่ามีนักรบประเภทใด บางคนก็อ่อนแออย่างมาก บางคนก็อ่อนแอเล็กน้อย
และบางคนก็มีพลังมาก ทุกคนกำลังรบรากับมายาในวิธีที่แฝงตัว,ใต้ดิน
ผู้คนเหล่านั้นทดสอบระเบิดใต้ดิน ลูกๆก็รู้สิ่งนี้เป็นอย่างดีเช่นกัน
พวกเขากำลังทำทุกสิ่งเพื่อนำความตายมาสู่ตัวเขาเอง
ลูกกำลังนั่งในความเงียบสงบอย่างสมบูรณ์ในขณะที่พวกเขามีพลังของวิทยาศาสตร์
มีภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย
ไม่มีใครสามารถทำสิ่งใดเกี่ยวกับภัยพิบัติเหล่านั้นได้
เวลานี้พวกเขาแม้กระทั่งพยายามที่จะสร้างฝนเทียม
หากพวกเขาสามารถที่จะสร้างฝนเทียมได้ พวกเขาจะสามารถปลูกพืชพันธุ์มากมาย ลูกๆ
รู้ว่า ไม่ว่าฝนจะตกมากมายแค่ไหนก็จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างแน่นอน
จะมีน้ำไหลเชี่ยวกราก แล้วลูกจะสามารถทำอะไรได้?
เหล่านั้นเรียกว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้คงอยู่ในยุคทอง
สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นที่นี่และจะช่วยในการทำลายล้าง
มันอยู่ในสติปัญญาของลูกว่าเมื่อลูกอยู่ในยุคทอง
ลูกจะมีประสาทพระราชวังทองคำอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมนา จะมีผู้อยู่อาศัยน้อยมากที่นั่น
จะเฝ้าแต่เป็นเช่นนั้นทุกๆวงจร ตอนแรกจะมีเพียงเล็กน้อย
และต่อจากนั้นต้นไม้ก็จะเติบโต ที่นั่นจะไม่มีสิ่งใดที่สร้างความสกปรก
ที่นี่แม้กระทั่งนกก็สร้างความสกปรกทุกหนแห่ง ที่นั่นไม่มีความสกปรกชนิดใด
นั่นเรียกว่าสวรรค์ เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกกำลังจะกลายเป็นเทพ
และดังนั้นควรจะมีความสุขอย่างมากภายในตัวลูก เพื่อที่จะปลอดภัยจากมายา,จินนี่
พ่อพูดว่า: ลูกๆ กลับมาข้องแวะในธุรกิจทางจิตนี้ มานมานะบาฟ!
กลายเป็นจินนี่ในสิ่งนี้, เท่านั้นเอง
พวกเขาให้ตัวอย่างของจินนี่ที่ร้องขอให้ได้ทำงานบางอย่าง
ดังนั้นบาบาก็ให้งานบางอย่างแก่ลูกเช่นกัน มิฉะนั้นมายาจะกินลูก
กลายเป็นผู้ช่วยอย่างเต็มที่ของพ่อ พ่อจะไม่ทำสิ่งใดตามลำพัง พ่อไม่ได้ปกครอง
ลูกกำลังทำงานรับใช้และดังนั้นอาณาจักรนั้นก็เป็นไปสำหรับลูกด้วยเช่นกัน พ่อพูดว่า:
พ่อเข้ามาสู่ดินแดนที่ไม่บริสุทธิ์ที่สุด มายาเป็นจระเข้ เธอนั้นกลืนมหารตีมากมาย
พวกเขาทั้งหมดคือศัตรู ศัตรูของกบคืองู ลูกรู้ว่าศัตรูของลูกคือมายา อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
ทำความเพียรพยายามที่จะปลดปล่อยตนเองจากบาป อย่าได้มีสำนึกที่เป็นร่าง
อย่าได้มีความผูกพันยึดมั่นกับสิ่งใดในโลกนี้
2.
เพื่อที่จะอยู่อย่างปลอดภัยจากมายา,จินนี่
ทำให้สติปัญญาของลูกไม่ว่างเว้นในธุรกิจทางจิตนี้
กลายเป็นผู้ช่วยของพ่ออย่างเต็มที่
พร:
ขอให้ลูกสละละทิ้งอย่างแท้จริงและสัมผัสกับความทัดเทียมและความสมบูรณ์พร้อมด้วยการทำให้จิตสำนึกของ
“ฉัน” และ“ของฉัน” จบสิ้น
ในทุกวินาทีและในทุก
ๆ ความคิดจดจำ “บาบา บาบา!” จบสิ้นจิตสำนึกของ"ฉัน" เมื่อไม่มี“ฉัน” ก็จะไม่มี“ของฉัน”
“ธรรมชาติของฉัน, ซันสการ์ของฉัน, ธรรมชาติของฉัน, งานหรือหน้าที่ของฉัน,
ชื่อของฉัน, เกียรติของฉัน”: เมื่อจิตสำนึกทั้งหมดของ “ฉัน” และ “ของฉัน”
จบสิ้นแล้วก็จะมีความทัดเทียมและความสมบูรณ์พร้อม การสละละทิ้งคำว่า "ฉัน" และ "ของฉัน"
เป็นการสละละทิ้งที่ยิ่งใหญ่และละเอียดอ่อนที่สุด
เพียงเมื่อลูกสังเวยม้าแห่งจิตสำนึกของ “ฉัน” นี้ไปสู่ไฟบูชายัญ Ashwa Megh
ก็จะมีการสังเวยครั้งสุดท้ายและจะมีการตีกลองแห่งชัยชนะ
คติพจน์:
การพูดว่า “ฮาจี”
(ได้แน่นอน ) และยื่นมือของความร่วมมือออกไปนั่นหมายถึงการสวมพวงมาลัยแห่งพร