12.04.20    Avyakt Bapdada     Thai Murli     23.12.85     Om Shanti     Madhuban


ผู้ที่เอาชนะตัณหาราคะ คือผู้ที่อยู่เหนือความปรารถนาที่มีขีดจำกัดทั้งหมด


บัพดาดากำลังมองดูโลกเล็กๆที่มีความสุขและสูงส่งของท่าน ด้านหนึ่งมีโลกที่ไร้รสชาติที่ใหญ่มาก อีกด้านหนึ่งมีโลกเล็กและมีความสุข ในโลกแห่งความสุขนี้ เป็นดวงวิญญาณบราห์มินผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความสงบ เพราะชีวิตที่บริสุทธิ์และสะอาดนี้เป็นพื้นฐานของชีวิตที่มีความสุขและสงบสุข ที่ใดมีความบริสุทธิ์และความสะอาด ก็ไม่สามารถที่จะมีชื่อหรือร่องรอยของความทุกข์หรือความไม่สงบใดๆได้ โลกเล็กๆที่มีความสุขนี้อยู่ในป้อมปราการของความบริสุทธิ์ ถ้าลูกก้าวออกไปข้างนอกจากป้อมปราการของความบริสุทธิ์แม้กระทั่งในความคิดของลูก ลูกก็จะมีสัมผัสกับอิทธิพลของความทุกข์และความไม่สงบ ถ้าเท้าของสติปัญญาของลูกอยู่ในป้อมปราการนี้จะไม่สามารถมีคลื่นของความทุกข์หรือความไม่สงบใดๆแม้กระทั่งในความฝันของลูก อย่าว่าแต่ในความคิดของลูกเลย หากมีประสบการณ์ของความทุกข์หรือความไม่สงบแม้แต่น้อย แน่นอนว่าจะต้องมีอิทธิพลของความไม่บริสุทธิ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ความบริสุทธิ์ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การเป็นผู้ที่เอาชนะตัณหาราคะและเป็นผู้เอาชนะโลก เพราะความปรารถนาที่มีขีดจำกัดทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งสร้างของกิเลสของตัณหาราคะ การเป็นผู้ที่เอาชนะตัณหาราคะ หมายถึงการได้รับชัยชนะเหนือความปรารถนาทั้งหมด เพราะความปรารถนาแต่ละอย่างนั้นมีลูกหลานอย่างมาก หนึ่งคือความปรารถนาในการเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติ ความปรารถนาที่สองคือการได้รับบางสิ่งที่มีขีดจำกัดจากผู้คน ประการที่สามความปรารถนาที่มีขีดจำกัดหลายประเภทที่เกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มความสัมพันธ์ต่างๆ ประการที่สี่ที่มีขีดจำกัดเกิดขึ้นภายในความตั้งใจที่จะทำงานรับใช้ การจบสิ้นความปรารถนาทั้งสี่ประเภทนี้ หมายถึงการมีชัยชนะเหนือความทุกข์และความไม่สงบตลอดไป ในขณะนี้จงถามตัวเองว่า: ฉันได้จบสิ้นความปรารถนาทั้งสี่ประเภทนี้แล้วหรือยัง? หากมีสิ่งที่สูญสลายใดดึงดูดลูกเข้าไปหาแล้วนั่นคือความผูกพันยึดมั่นในรูปของความปรารถนาอย่างแน่นอน ลูกเปลี่ยนคำพูดและพูดในลักษณะที่ดูดีว่า: “ฉันไม่ต้องการสิ่งนั้น แต่ฉันชอบสิ่งนั้น” เมื่อวัตถุหรือบุคคลมีแรงดึงดูดพิเศษสำหรับลูก เมื่อลูกชอบวัตถุหรือบุคคลนั้น นั่นก็หมายถึงมีความปรารถนา นั่นคือความปรารถนา เป็นสิ่งที่ถูกต้องเมื่อลูกพูดว่าลูกชอบทุกสิ่งและทุกคน แต่เป็นสิ่งที่ผิดที่จะพูดว่าลูกชอบแค่บางสิ่งหรือบางคนเป็นพิเศษ นั่นคือความปรารถนาในรูปที่สูงส่ง

หากลูกชอบงานรับใช้ของใครบางคน การการหล่อเลี้ยงของใครบางคน คุณธรรม ความเพียรพยายาม การสละละทิ้ง หรือธรรมชาติของใครบางคน การรับกลิ่นหอมของความดีงาม หรือการดูดซับความดีงามนั้นเข้าไปในตนเองนั่นเป็นเรื่องที่แตกต่าง จากการคิดว่าลูกชอบคนนั้นโดยเฉพาะเป็นพิเศษเพราะความดีงามของผู้นั้น นี่เป็นเพราะความดีนั้นเปลี่ยนเป็นความปรารถนา นั่นเป็นความปรารถนา จากนั้นลูกก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับความทุกข์หรือความไม่สงบได้ สิ่งหนึ่งคือการตัดสิทธิ์ตนเองจากการเป็นคนดีเพราะความดีของคนนั้น อีกหนึ่งคือความรู้สึกของความเป็นศัตรูที่ดึงลูกให้ตกลงมา หนึ่งคือความปรารถนาที่จะเป็นที่ประทับใจ อีกหนึ่งนั้นคือความปรารถนาที่เกิดจากความอิจฉา หรือความขุ่นแค้นต่อใครบางคน สิ่งเหล่านี้จบสิ้นความสงบและความสุขของลูกเช่นกัน และแล้วจิตใจของลูกก็ปั่นป่วนอยู่เรื่อยๆ สิ่งชี้บอกของการมีความประทับใจคือความผูกพันยึดมั่นและการยอมจำนน ในทำนองเดียวกันสิ่งชี้บอกของการมีความรู้สึกอิจฉาหรือความเป็นศัตรูคือ การพยายามพิสูจน์ว่าตนเองถูกหรือมีความดื้อดึง แล้วลูกก็จะไม่ได้ตระหนักว่าเวลาและพลังงานได้สูญเสียไปมากแค่ไหนจากการมีความรู้สึกสองประเภทนี้ ทั้งสองสร้างความสูญเสียอย่างมาก ทั้งสองทำให้ลูกทุกข์ระทมและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ระทม ในเวลาเช่นนั้นเสียงพูดที่ออกมาจากดวงวิญญาณเช่นนั้นคือ: ฉันต้องรับและทำให้เกิดความทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันต้องทำสิ่งนี้ มันเป็นความปรารถนาของพวกเขาที่กำลังพูดอยู่ในเวลานั้น ไม่ใช่ดวงวิญญาณบราห์มินที่พูดในเวลานั้น ด้วยเหตุนี้เท้าของสติปัญญาของเขาจึงก้าวออกไปจากโลกแห่งความสุขและความสงบ ดังนั้นจงกลับมามีชัยชนะเหนือความปรารถนาที่ดูดีเหล่านี้ ไปอยู่เหนือความปรารถนาเหล่านี้และมีสภาพของการไม่รู้แม้แต่ความรู้เกี่ยวกับความปรารถนา

เมื่อลูกมีความคิดเนื่องจากความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลูกจะแสดงสิ่งนี้อย่างแน่นอนด้วยการทำบางสิ่ง แล้วลูกจะแสดงสิ่งนั้นให้ใครเห็น? พ่อหรือกับครอบครัวบราห์มิน? ลูกจะแสดงให้ใครเห็น? ในกรณีนั้นแค่พิจารณาว่าสิ่งนั้นไม่ใช่แค่การแสดง แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำ นั่นเป็นความมหัศจรรย์ที่ลูกต้องการแสดงให้เห็นหรือไม่? ลูกจะภาคภูมิใจในการแสดงให้ผู้อื่นเห็นสิ่งที่กำลังจะตกต่ำหรือไม่? ความซาบซึ้งของการได้มาซึ่งการบรรลุผลที่มีขีดจำกัด: ฉันจะแสดงให้เห็นด้วยการทำงานรับใช้นี้ ฉันจะแสดงให้เห็นสิ่งนี้ด้วยการประกาศชื่อเสียงเกียรติคุณ: ตรวจสอบดูว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่ดูดีหรือไม่ ลูกพูดภาษาของสิงโต, แต่ลูกกลายเป็นเหมือนแกะ ทุกวันนี้ผู้คนใส่หน้ากากเสือ ช้าง ราวัณ หรือราม ดังนั้นนี่ก็คือมายาเช่นกันที่สวมใส่หน้ากากเสือ “ฉันจะแสดงให้เห็นสิ่งนี้อย่างแน่นอน ฉันจะทำสิ่งนี้” อย่างไรก็ตาม มายามีอิทธิพลต่อลูกและทำให้ลูกกลายเป็นแกะ การมีจิตสำนึกของคำว่า “ของฉัน” หมายถึงการได้รับอิทธิพลจากความปรารถนาที่มีขีดจำกัดอย่างใดอย่างหนึ่ง การพูดภาษาที่ยุคตียุคต์และมีความรู้สึกที่ยุคตียุคต์ด้วยเช่นกัน นี่ไม่ใช่ความฉลาด แต่จะเป็นประสบการณ์ของความพ่ายแพ้ในทุกวงจรและกลายเป็นส่วนหนึ่งของจันทรวงศ์แทนที่จะเป็นสุริยวงศ์ และแล้วลูกก็จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของจันทรวงศ์ทุกวงจร ดังนั้นนั่นเป็นความพ่ายแพ้หรือความฉลาด? อย่าได้แสดงความฉลาดเช่นนั้น อย่ามีความหยิ่งยโส อย่าได้ดูถูกใคร ความรู้สึกทั้งสองนี้ทำให้ลูกห่างไกลจากความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ดังนั้นจงตรวจสอบดูว่า: ไม่มีความความหยิ่งยโสหรือความรู้สึกของการดูถูกแม้แต่น้อยใช่ไหม? ที่ใดที่มีความหยิ่งยโสหรือความรู้สึกของการดูถูก บุคคลนั้นจะไม่สามารถมั่นคงในสภาพของความเคารพตนเอง ความเคารพตนเองจะทำให้ลูกก้าวออกไปจากความปรารถนาทั้งหมด แล้วลูกก็จะเฝ้าแต่แกว่งไกวอยู่ในชิงช้าแห่งความสุขและความสงบในโลกแห่งความสุข สิ่งนี้เรียกว่าการเป็นผู้มีชัยชนะเหนือความปรารถนาทั้งหมดและเป็นผู้ชนะโลก ดังนั้นบัพดาดากำลังมองเห็นโลกเล็กๆที่มีความสุข ทำไมลูกต้องไปจากโลกแห่งความสุขซึ่งเป็นโลกของลูกเองไปสู่ดินแดนต่างประเทศด้วยเท้าของสติปัญญาของลูก? ศาสนาที่ไม่ใช่ของลูก, ดินแดนที่ไม่ใช่ของลูกจะทำให้ลูกมีความทุกข์เสมอ ศาสนาดั้งเดิมของของลูกและดินแดนดั้งเดิมของลูกทำให้ลูกมีความสุข ดังนั้นลูกคือลูกๆของพ่อผู้เป็นมหาสมุทรแห่งความสุข ลูกเป็นดวงวิญญาณผู้ที่ได้สัมผัสกับโลกแห่งความสุข ลูกคือดวงวิญญาณผู้ที่มีสิทธิ์และดังนั้นต้องมีความสุขและมีความสงบเสมอ ลูกเข้าใจไหม?

ลูกๆที่น่ารักทั้งหมดจากแผ่นดินนี้และในต่างแดนได้มาถึงบ้านของพวกเขา บ้านของพ่อของพวกเขา เพื่อประกาศสิทธิ์ของพวกเขา เมื่อเห็นลูกๆที่มีสิทธิ์ บัพดาดาก็พอใจเช่นกัน เช่นที่ลูกมาที่นี่ด้วยความสุข ในทำนองเดียวกัน วิธีที่จะคงอยู่อย่างมีความสุขอย่างสม่ำเสมอคือการสละละทิ้งทั้งสองสิ่งนี้แม้กระทั่งในความคิดของลูก และกลายเป็นผู้ที่มีโชคตลอดเวลา ลูกมาเพื่อประกาศสิทธิ์ในโชคของลูก แต่พร้อมกับการประกาศสิทธิ์ในโชคของลูก ลูกจะต้องทิ้งความอ่อนแอของจิตใจที่ขัดขวางสภาพที่โบยบินของลูกไว้ข้างหลัง การละทิ้งสิ่งนี้หมายถึงการได้รับบางสิ่ง อัจชะ

ถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งความสุขเสมอและผู้ที่เอาชนะความปรารถนาทั้งหมด ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งที่มีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ต่อดวงวิญญาณทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ ถึงดวงวิญญาณพิเศษที่อยู่อย่างมั่นคงอยู่บนที่นั่งของความเคารพตนเองอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง และนมัสเตจากบัพดาดา

ทำให้ดินแดนที่แสนขมเป็นดินแดนที่หวานชื่นด้วยความอ่อนหวาน

วันนี้พ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้เป็นปู่ได้มาพบกับลูกหลานที่น่ารักของท่าน บราห์มาได้รับการจดจำว่าเป็นปู่ทวด พ่อที่ไม่มีตัวตนทำให้บราห์มาเป็นเครื่องมือสำหรับโลกที่มีตัวตน เนื่องจากการเป็นผู้สร้างโลกมนุษย์ อนุสรณ์ของโลกมนุษย์จึงถูกแสดงไว้ในรูปของต้นไม้ เมล็ดนั้นแฝงตัว อันดับแรกคือใบสองใบปรากฏออกมาก่อนซึ่งลำต้นก็ปรากฏออกมา บราห์มากลายเป็นเครื่องมือสำหรับการวางรากฐานของต้นไม้ในรูปของพ่ออดิเทพ และอดิเทวีแม่ของต้นไม้ ลำต้นบราห์มินปรากฎออกมาจากสิ่งนั้นและกิ่งก้านที่ปรากฏออกมาจากลำต้นบราห์มิน เหตุนี้เองที่บราห์มาจึงได้รับการจดจำว่าเป็นปู่ทวด การจุติของบราห์มาเกิดขึ้น นั่นหมายถึงวันที่เลวร้ายสิ้นสุดลง และวันที่ดีเริ่มต้นขึ้น กลางคืนมาถึงจุดจบและรุ่งอรุณของบราห์มา (มูหูรัต muhurat) เกิดขึ้น ในความเป็นจริงคือ บราห์มา มูหูรัต แต่พวกเขาพูดว่า "บราห์ม มูหูรัต" ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงบราห์มาในรูปผู้สูงอายุ ปู่,พ่อที่ไม่มีตัวตนมอบของขวัญมากมายให้แก่ลูกหลานซึ่งลูกจะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับของขวัญเหล่านั้นเป็นเวลา 21 ชาติเกิด ท่านเป็นผู้ประทาน และเป็นผู้ประทานโชคเช่นกัน ท่านให้เพชรพลอยแห่งความรู้แก่ลูกมากมายเต็มถาด ท่านให้ของขวัญทองแห่งพลังในรูปที่หลากหลาย ท่านให้กล่องที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับแห่งคุณธรรม ลูกมีกล่องเครื่องประดับกี่กล่อง? แม้ว่าลูกจะใส่เครื่องประดับใหม่ทุกวันก็ยังมีอีกนับไม่ถ้วน ของขวัญเหล่านี้จะไปกับลูกตลอดเวลา ของขวัญทางวัตถุเหล่านั้นจะยังคงอยู่ที่นี่ แต่ของขวัญเหล่านี้จะไปกับลูก ลูกเต็มไปด้วยของขวัญจากพระเจ้าที่ลูกไม่จำเป็นต้องหารายได้อะไรเลยที่นั่น ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปกับของขวัญของลูก ลูกจะเป็นอิสระจากความลำบากตรากตรำ

ลูกทุกคนมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสโดยเฉพาะ บัพดาดาเรียกสิ่งนี้ว่าวันคิสมิส kismis (ลูกเกด) วันคิสมิสหมายถึงวันแห่งความอ่อนหวาน เป็นวันที่จะกลับมาอ่อนหวานอย่างสม่ำเสมอ ในวันนี้พวกเขากินขนมหวานจำนวนมากและให้ขนมหวานนี้แก่ผู้อื่นเช่นกัน ปากของพวกเขาจะหวานเพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะถ้าพวกเขาเองกลับมาอ่อนหวาน คำพูดที่อ่อนหวานเท่านั้นที่จะปรากฏออกมาจากปากของพวกเขาตลอดเวลา ลูกมีความสุขเมื่อลูกรับประทานสิ่งที่หวานหรือให้ผู้อื่นเช่นกัน ในทำนองเดียวกันคำพูดที่อ่อนหวานทำให้ลูกมีความสุขและทำให้ผู้อื่นมีความสุขเช่นกัน ดังนั้นให้ทำเช่นนี้และทำให้ปากของทุกคนหวานอยู่เสมอ ให้มีดริชตีที่แสนหวาน คำพูดที่อ่อนหวาน และการกระทำที่อ่อนหวานอยู่เสมอ นี่คือความหมายของการเฉลิมฉลองวัน คิสมิส การเฉลิมฉลองหมายถึงการทำให้ผู้อื่นอ่อนหวาน ให้ดริชตีที่แสนหวานกับใครก็ตามชั่วขณะหนึ่ง พูดคำพูดที่อ่อนหวานสักสองสามคำ แล้วลูกจะทำให้ดวงวิญญาณนั้นรู้สึกเต็มเปี่ยมตลอดเวลา สองวินาทีของดริชตีที่แสนหวานและคำพูดที่อ่อนหวานจะเปลี่ยนโลกของดวงวิญญาณนั้น คำพูดที่อ่อนหวานเพียงไม่กี่คำเหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงพวกเขาตลอดเวลา ความอ่อนหวานเป็นคุณธรรมที่ทำให้ดินแดนอันแสนขมนั้นกลับมาหวานชื่น พื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงของลูกทั้งหมดคือคำพูดที่อ่อนหวานเพียงไม่กี่คำจากบาบาใช่ไหม? ลูกๆที่แสนหวาน ลูกเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์และอ่อนหวาน

คำพูดที่อ่อนหวานไม่กี่คำเหล่านี้เปลี่ยนแปลงลูก ดริชตีที่แสนหวานของบาบาเปลี่ยนแปลงลูก ในทำนองเดียวกันด้วยความอ่อนหวานก็ทำให้คนอื่นอ่อนหวานเช่นกัน ทำให้ปากของพวกเขาหวานด้วยวิธีนี้ ลูกเข้าใจไหม? ลูกเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสใช่ไหม? ลูกเติมอาภรณ์ของลูกด้วยของขวัญเหล่านี้ตลอดเวลาหรือไม่? เก็บของขวัญแห่งความหวานชื่นไว้กับลูกเสมอ อยู่อย่างอ่อนหวานกับสิ่งนี้เสมอและทำให้ผู้อื่นอ่อนหวาน อัจชะ

ถึงผู้ที่เติมเต็มอาภรณ์ของสติปัญญาของพวกเขาด้วยเพชรพลอยแห่งความรู้ ถึงผู้ที่กลายเป็นดวงวิญญาณที่ทรงพลังด้วยพลังและเต็มไปด้วยพลังทั้งหมด ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งที่ได้รับการประดับประดาด้วยเครื่องประดับของทุกคุณธรรมอยู่เสมอ ถึงลูก ๆ ที่แสนหวาน ที่ทำให้ปากของพวกเขาหวานด้วยความอ่อนหวาน ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา

อะแวคบัพดาดาพบกุมาร:

1) กุมารหมายถึงผู้ที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่รวดเร็ว อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ลูกก้าวเดินไปแล้วหยุดและก้าวเดินไปอีกครั้ง ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร จงพิจารณาตนเองว่าเป็นดวงวิญญาณที่ทรงพลังและก้าวต่อไป อย่าเป็นผู้ที่ได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์หรือบรรยากาศ แต่เป็นผู้ที่มีอิทธิพลที่สูงส่งต่อผู้อื่น อิทธิพลที่สูงส่งหมายถึงอิทธิพลทางจิตวิญญาณไม่ใช่อิทธิพลอื่นใด ลูกเป็นกุมารเช่นนี้หรือไม่? ลูกไม่ใช่ผู้ที่สั่นคลอนเมื่อลูกต้องสอบใช่ไหม? ลูกจะสอบผ่านการสอบของลูกใช่ไหม? ลูกมีความกล้าหาญอยู่เสมอใช่ไหม? ที่ใดมีความกล้าหาญ ที่นั่นมีความช่วยเหลือจากพ่ออย่างแน่นอน เมื่อลูกมีความกล้าหาญพ่อก็ช่วยเหลือ ทำให้ตัวเองอยู่ข้างหน้าในทุกงานและเฝ้าแต่ทำให้ผู้อื่นมีพลังเช่นกัน

2) กุมารคือผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยโบยบิน มีเพียงผู้ที่เป็นอิสระจากบ่วงพันธะเท่านั้นที่อยู่ในสภาพโบยบิน ดังนั้นลูกคือกุมารที่ปราศจากบ่วงพันธะ ลูกไม่มีบ่วงพันธะใดๆในจิตใจของลูกเช่นกัน ดังนั้นลูกกุมารได้จบสิ้นบ่วงพันธะทั้งหมดเสมอและอยู่อย่างเป็นอิสระจากบ่วงและอยู่ในสภาพที่โบยบินหรือไม่? กุมารใช้ทั้งพลังกายและพลังสติปัญญาของลูกในทางที่มีค่าไหม? ในชีวิตทางโลก,กุมารยังคงใช้พลังกายและพลังสติปัญญาของพวกเขาสำหรับงานในการทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเวลานี้ลูกได้กลายเป็นผู้ที่ใช้พลังเหล่านี้สำหรับงานที่สูงส่ง ลูกไม่ใช่ผู้ที่สร้างความปั่นป่วน แต่เป็นผู้ที่สร้างความสงบ ลูกเป็นกุมารที่สูงส่งเช่นนี้หรือไม่? ซันสการ์ในชีวิตทางโลกของลูกเกิดขึ้นในบางครั้งหรือไหม? ลูกคือผู้ที่มีชีวิตทางจิตนั่นคือลูกคือผู้ที่มีชีวิตใหม่ ดังนั้นสิ่งเก่าจะไม่เหลืออยู่ในชีวิตใหม่ของลูกอีกต่อไป ลูกทุกคนเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งที่มีการเกิดใหม่ อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนธรรมดา แต่คิดว่าตนเองมีพลัง อย่าเข้ามาสู่ความปั่นป่วนแม้กระทั่งในความคิดของลูก ลูกไม่มีคำถามว่า: “ฉันควรทำอย่างไรเพราะฉันยังคงมีความคิดที่ไร้ประโยชน์อยู่” ใช่ไหม? ลูกคือกุมารที่มีโชค ลูกจะรับประทานจากโชคของลูกเป็นเวลา 21 ชาติเกิด ลูกจะเป็นอิสระจากการทำงานหนักสำหรับรายได้ทางกายและรายได้ที่ละเอียดอ่อนเพื่อตัวลูกเอง

ความรักและความทรงจำในช่วงเวลาแห่งการอำลา:

บัพดาดาได้รับการ์ด,จดหมายและความทรงจำระลึกถึงจากลูกทุกคนของดินแดนนี้และในต่างแดนในวันพิเศษนี้ ในวันที่ยิ่งใหญ่นี้บัพดาดาขอมอบพรให้ลูกๆ ที่สุดแสนหวานและน่ารักทุกคน: "มีความสูงส่งด้วยความอ่อนหวานและทำให้ผู้อื่นสูงส่ง" ขอให้ลูกก้าวหน้าต่อไปด้วยพรนี้และทำให้งานรับใช้ก้าวหน้าด้วยเช่นกัน สำหรับลูกทุกคน การจดจำระลึกถึงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และขอแสดงความยินดีด้วยความรักจากพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สวัสดีตอนเช้า ขอแสดงความยินดีสำหรับการมีความความอ่อนหวานอย่างสม่ำเสมอ

พร:
ขอให้ลูกสร้างสมพลังแห่งความอดทนและมีความรักต่อทุกคนและได้รับผลที่หวานชื่นและไม่สูญสลาย

การอดทนต่อบางสิ่งไม่ได้หมายถึงการตาย แต่อยู่ในหัวใจของทุกคนด้วยความรัก ไม่ว่าใครบางคนอาจทำให้เกิดการต่อต้านมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะดุร้ายกว่าราวัน แม้ว่าลูกจะต้องอดทนต่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่สิบครั้ง แม้กระนั้นผลของพลังแห่งความอดทนก็แสนหวานและไม่สูญสลาย อย่าได้มีความรู้สึกใด ๆ ว่าลูกต้องอดทนอย่างมากและอีกคนหนึ่งก็ควรอดทนเล็กน้อย อย่าได้มีความรู้สึกใดๆที่ต้องการจะรับผลชั่วคราว มีความรู้สึกของความเมตตาซึ่งเป็นความรู้สึกของการรับใช้ ผู้ที่มีความปรารถนาที่จะรับใช้จะยอมรับปรับตัวเข้ากับความอ่อนแอของทุกคน พวกเขาจะไม่ต่อต้านคนเหล่านั้น

คติพจน์:
ลืมทุกสิ่งที่ผ่านไป เรียนรู้บทเรียนจากสิ่งที่ผ่านมาและในอนาคตจะต้องมีความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอ