25.01.21 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวานด้วยการทำตามศรีมัทของพ่อลูกจะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นเทพ
ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคัมภีร์ของศรีมัทของท่าน ศรีมัทภควัตคีตา
เพชรพลอยแห่งคัมภีร์ทั้งหมด
คำถาม:
ทำไมทุกสิ่งในยุคทองถึงดีที่สุดและสะโตประธาน?
คำตอบ:
เพราะมนุษย์มีความสะโตประธานในตัวเอง
เมื่อผู้คนดีทุกสิ่งรอบตัวก็ดีไปด้วยและเมื่อผู้คนไม่ดีทุกสิ่งรอบตัวก็จะเป็นอันตราย
ในโลกที่สะโตประธานไม่มีอะไรที่ไม่สามารถบรรลุได้และลูกไม่จำเป็นต้องร้องขออะไรจากใคร
โอมชานติ
บาบากำลังอธิบายผ่านร่างนี้ ผู้นี้เรียกว่าผู้มีชีวิตและมีดวงวิญญาณอยู่ภายในเขา
ลูกๆ รู้ว่าพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดก็อยู่ในผู้นี้ด้วยเช่นกัน
ก่อนอื่นใดสิ่งนี้ควรจะมั่นคงมาก ด้วยเหตุนี้เองผู้นี้จึงเรียกว่าดาด้าเช่นกัน ลูกๆ
มีศรัทธานี้และลูกก็เล่นไปด้วยศรัทธานี้
บาบาเองพูดถึงผู้ที่ท่านได้เข้ามาจุติอวตารว่า:
พ่อเข้ามาในผู้นี้ในตอนท้ายของชาติเกิดสุดท้ายในหลายๆชาติเกิดของเขา
มีการอธิบายแก่ลูกๆ
ว่านี่คือความรู้ของกีตะเป็นคัมภีร์ที่สูงส่งที่สุดซึ่งเป็นเพชรพลอยของคัมภีร์ศาสนาทั้งหมด
ศรีมัทหมายถึงคำแนะนำสั่งสอนหรือแนวทางที่สูงส่งที่สุด
คำแนะนำที่สูงส่งมาจากพระเจ้า ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
ด้วยการทำตามศรีมัทของท่านลูกจะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นเทพ
จากการเป็นมนุษย์ที่คดโกงตกต่ำลูกจะกลายเป็นเทพที่สูงส่ง เหตุนี้เองลูกจึงมาที่นี่
พ่อเองพูดว่า: พ่อมาเพื่อทำให้ลูกกลายเป็นเทพที่สูงส่งและปราศจากกิเลส ความหมายของ
“เปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาไปเป็นเทพ” ต้องเป็นที่เข้าใจ
ท่านมาเพื่อเปลี่ยนมนุษย์ที่มีกิเลสให้กลายเป็นเทพที่ปราศจากกิเลส
ผู้ที่อยู่ในยุคทองเป็นมนุษย์เช่นกันแต่พวกเขามีคุณธรรมที่สูงส่ง
เวลานี้ในยุคเหล็กมีผู้ที่มีลักษณะนิสัยที่เป็นเช่นปีศาจ
พวกเขาทั้งคู่อยู่ในโลกมนุษย์
แต่ผู้คนเหล่านั้นมีสติปัญญาที่สูงส่งในขณะที่ผู้คนเหล่านี้มีสติปัญญาที่เป็นเช่นปีศาจ
มีความรู้ที่นั่นและความเลื่อมใสศรัทธาที่นี่
ความรู้และความเลื่อมใสศรัทธานั้นแยกจากกัน
ดูสิว่ามีหนังสือเกี่ยวกับความเลื่อมใสศรัทธาและหนังสือเกี่ยวกับความรู้มากมายเพียงใด
พ่อคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ท่านมีหนังสือเพียงเล่มเดียวเท่านั้น
ใครก็ตามที่ก่อตั้งศาสนาควรมีหนังสือเพียงเล่มเดียวเท่านั้น
นั่นเรียกว่าหนังสือศาสนา หนังสือศาสนาเล่มแรกคือกีตะ: ศรีมัทภควัตคีตา ลูกๆ
รู้ด้วยเช่นกันว่าในตอนเริ่มต้นนั้นมีศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปและไม่ใช่ศาสนาฮินดู
ผู้คนเชื่อว่าศาสนาฮินดูได้รับการก่อตั้งขึ้นผ่านกีตะและกฤษณะเป็นผู้พูดกีตะ
หากถูกถามใครก็ตามเขาก็จะพูดว่ากฤษณะนั้นพูดกีตะตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของเวลา “พระเจ้าชีวาพูด”ไม่ได้ถูกกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ใดๆเลย
พวกเขาเขียนว่า “พระเจ้าศรีกฤษณะพูด”
ผู้ที่ได้ศึกษากีตะจะสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
เวลานี้ลูกเข้าใจว่ามนุษย์กลายเป็นเทพได้อย่างไรด้วยความรู้ของกีตะนี้ที่พ่อให้ลูกเวลานี้
ท่านกำลังสอนราชาโยคะแก่ลูก ท่านกำลังสอนความบริสุทธิ์ให้กับลูกด้วยเช่นกัน
ตัณหาราคะคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นี่คือสิ่งที่ทำให้ลูกพ่ายแพ้
ด้วยการเอาชนะตัณหาราคะเวลานี้ลูกจะกลายเป็นผู้เอาชนะโลก
นั่นคือลูกจะกลายเป็นนายของโลก นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดนั่งที่นี่และสอนลูกผ่านผู้เดียวนี้
ท่านคือพ่อของดวงวิญญาณทั้งหมด ผู้เดียวนี้คือพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดของมนุษย์ทั้งหมด
ชื่อของท่านคือประชาบิดาบราห์มา หากลูกขอให้บางคนบอกชื่อพ่อของบราห์มาเขาจะสับสน
บราห์มา วิษณุ และชังการ์คือสิ่งสร้าง จะต้องมีใครบางคนเป็นพ่อของทั้งสามนี้
ลูกแสดงให้เห็นว่าพ่อของทั้งสามนี้คือชีวาที่ไม่มีตัวตนได้อย่างไร บราห์มา วิษณุ
และชังการ์ถูกแสดงไว้ว่าเป็นเทพของอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน ชีวาอยู่เหนือกว่าพวกเขา
ลูกๆ รู้ว่าดวงวิญญาณทั้งหมดผู้เป็นลูกๆ ของชีพบาบามีร่างกายเป็นของตนเอง
ท่านคือพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดที่ไม่มีตัวตนเสมอ ลูกๆ
ลูกรู้ว่าลูกเป็นลูกของพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดที่ไม่มีตัวตน
ดวงวิญญาณพูดผ่านร่างกายว่า: พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด!
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ง่ายเช่นนั้น! นี่เรียกว่าอัลฟ่าและเบต้า ใครกำลังสอนลูก?
ใครเป็นผู้ที่พูดความรู้ของกีตะ? พ่อที่ไม่มีตัวตน ท่านไม่ได้สวมมงกุฎฯลฯ
ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้ เมล็ด และมีความรู้สึก
ลูกคือดวงวิญญาณที่มีชีวิตด้วยเช่นกัน ลูกรู้ถึงตอนเริ่ม ตอนกลาง
และตอนจบของทั้งต้นไม้ แม้ว่าลูกจะไม่ได้เป็นคนสวน
ลูกก็สามารถเข้าใจได้ว่าเมล็ดถูกหว่านอย่างไร และต้นไม้เติบโตจากสิ่งนั้นได้อย่างไร
เหล่านั้นคือต้นไม้ที่ไม่มีชีวิตในขณะที่นี่คือต้นไม้ที่มีชีวิต
ลูกดวงวิญญาณมีความรู้นี้ ไม่มีดวงวิญญาณอื่นที่มีความรู้นี้
พ่อคือเมล็ดที่มีชีวิตของต้นไม้โลกมนุษย์ที่มีชีวิต ดังนั้นต้นไม้เป็นของมนุษย์
นี่คือสิ่งสร้างที่มีชีวิต มีความแตกต่างระหว่างเมล็ดและสิ่งสร้าง
เมื่อลูกเพาะเมล็ดมะม่วงลูกจะได้รับผลมะม่วงหลังจากที่ต้นไม้นั้นโตมากขึ้น
ในทำนองเดียวกันมนุษย์มากมายก็เติบโตจากเมล็ดของมนุษย์
ต้นไม้ที่ไม่มีชีวิตไม่มีความรู้ ผู้เดียวนั้นคือเมล็ดที่มีชีวิต
ท่านมีความรู้ของต้นไม้ของทั้งโลก ท่านรู้ว่าต้นไม้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร
ได้รับการบำรุงรักษาอย่างไร และถูกทำลายไปอย่างไร ต้นไม้ใหญ่นี้ถูกทำลายอย่างไร
แล้วต้นไม้ใหม่เติบโตขึ้นมาอย่างไรทั้งหมดนั้นแฝงตัว ความรู้ที่ลูกได้รับนั้นแฝงตัว
พ่อมาอย่างแฝงตัวเช่นกัน ลูกรู้ว่าต้นอ่อนกำลังได้รับการเพาะหว่าน
เวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์ อัจชะ ใครคือใบไม้แรกที่ปรากฏออกมาจากเมล็ด? ศรีกฤษณะ
ไม่ใช่ลักษมีหรือนารายณ์ที่กล่าวว่าเป็นใบไม้แรกของยุคทอง
ใบไม้ใหม่นั้นมีขนาดเล็กในตอนแรกและจากนั้นก็ใหญ่ขึ้น
ดังนั้นจึงมีคำสรรเสริญเมล็ดนั้นอย่างมาก เมล็ดนั้นมีชีวิตและใบอื่นๆ ก็ปรากฏออกมา
พวกเขาก็ได้รับการยกย่องด้วยเช่นกัน เวลานี้ลูกกำลังกลายเป็นเทพ
ลูกกำลังซึมซับคุณธรรมที่สูงส่ง
สิ่งหลักคือลูกต้องซึมซับคุณธรรมที่สูงส่งและกลายเป็นเช่นพวกเขา
มีภาพลักษณ์ของพวกเขา ถ้าลูกไม่มีรูปภาพ ความรู้นี้ก็จะไม่นั่งอยู่ในสติปัญญาของลูก
รูปภาพเหล่านี้มีประโยชน์มาก
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธารูปภาพเหล่านี้ก็ได้รับการกราบไหว้บูชา
ในขณะที่ในหนทางของความรู้ลูกได้รับความรู้จากรูปภาพเพื่อที่ลูกจะกลายเป็นเช่นพวกเขา
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาลูกไม่คิดว่าลูกต้องกลายเป็นเช่นพวกเขา
วัดมากมายถูกสร้างขึ้นในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
วัดที่ดีที่สุดถูกสร้างให้กับใคร? แน่นอนสร้างเพื่อชีพบาบาผู้ที่เป็นเมล็ด
จากนั้นก็มีวัดที่สร้างขึ้นเพื่อสิ่งสร้างแรก ลักษมีและนารายณ์เป็นสิ่งสร้างแรก
หลังจากชีวาแล้วก็เป็นพวกเขาที่ได้รับการกราบไหว้บูชามากที่สุด
ผู้เป็นแม่ให้ความรู้ พวกเขาไม่ได้รับการกราบไหว้บูชา พวกเขาเพียงแค่สอน
พ่อกำลังสอนลูก ลูกไม่กราบไหว้บูชาใคร
ลูกต้องไม่กราบไหว้บูชาผู้ที่กำลังสอนลูกในเวลานี้ หลังจากการศึกษานี้สิ้นสุดลง
เมื่อการศึกษานี้ได้ถูกลืม การกราบไหว้บูชาก็เกิดขึ้น
ลูกกำลังกลายเป็นเทพองค์เดียวกันนั้น
มีเพียงลูกเท่านั้นที่เข้าใจว่าผู้ที่ทำให้ลูกกลายเป็นเช่นพวกเขาได้รับการกราบไหว้บูชาเป็นอันดับแรกและจากนั้นลูกก็ได้รับการกราบไหว้บูชาตามลำดับ
จากนั้นด้วยการตกต่ำลงมาลูกเริ่มกราบไหว้บูชาแม้กระทั่งวัตถุธาตุทั้งห้า
ร่างกายทำมาจากวัตถุธาตุทั้งห้า
ไม่ว่าลูกจะกราบไหว้บูชาวัตถุธาตุทั้งห้าหรือร่างกายก็เป็นสิ่งเดียวกัน
สติปัญญาของลูกมีความรู้ว่าลักษมีและนารายณ์เป็นนายของโลก
เคยเป็นอาณาจักรของเทพในโลกใหม่ แต่ผู้คนไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นเมื่อใด
พวกเขาพูดถึงหลายแสนปี สิ่งที่เป็นของหลายแสนปีไม่สามารถอยู่ในสติปัญญาของใครได้
เวลานี้ลูกตระหนักรู้ว่าเมื่อ 5,000
ปีก่อนวันนี้ลูกเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
ผู้ที่เป็นของศาสนาเทพแล้วก็เปลี่ยนไปสู่ศาสนาอื่นๆ
ลูกไม่ควรพูดว่ามันเป็นศาสนาฮินดู
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาไม่บริสุทธิ์จึงรู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่จะเรียกพวกเขาว่าเทพ
ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเทพ ผู้คนกราบไหว้บูชาเทวีที่บริสุทธิ์
ดังนั้นพวกเขาเองต้องไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
เหตุนี้เองพวกเขาจึงก้มลงให้กับผู้ที่บริสุทธิ์
ในบารัตพวกเขาก้มลงให้กับกุมารีเป็นพิเศษ พวกเขาไม่ก้มลงให้กับกุมาร
พวกเขาก้มลงให้กับผู้หญิง ทำไมพวกเขาไม่ก้มลงให้กับผู้ชาย?
เพราะผู้เป็นแม่คือผู้ที่ได้รับความรู้ก่อนในเวลานี้ พ่อเข้ามาในผู้นี้
ผู้นี้นั้นก็เข้าใจเช่นกันว่าเขาคือแม่น้ำแห่งความรู้ที่ใหญ่
ท่านคือแม่น้ำแห่งความรู้และก็เป็นผู้ชายด้วยเช่นกัน ท่านคือแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด
แม่น้ำพรหมบุตรพบกับมหาสมุทรใกล้กับกัลกาต้า นั่นคือแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด การชุมนุม
(เมล่า) เกิดขึ้นที่นั่น
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เข้าใจว่านี่คือการชุมนุมของดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด
นั่นเป็นเพียงแม่น้ำของสายน้ำที่พวกเขาตั้งชื่อว่าพรหมบุตร
พวกเขากล่าวว่าธาตุบราห์มคือพระเจ้าและนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาคิดว่าแม่น้ำพรหมบุตรนั้นมีความบริสุทธิ์มาก
เป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดและจะบริสุทธิ์ด้วยเช่นกันอย่างแน่นอน
อันที่จริงพรหมบุตรไม่ใช่คงคาที่ควรจะเรียกว่าผู้ชำระให้บริสุทธิ์
เป็นการชุมนุมของแม่น้ำนี้ที่เกิดขึ้น
นี่เป็นการพบกันของมหาสมุทรและแม่น้ำบราห์มาด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ลึกล้ำเกี่ยวกับการนำมาเลี้ยงดูที่เกิดขึ้นโดยผ่านบราห์มาเป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจ
แล้วความรู้นี้จะหายไป สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก พระเจ้าพูด:
พ่อสอนราชาโยคะให้แก่ลูกแล้วโลกนี้ก็จะถูกทำลาย ไม่มีคัมภีร์ใดฯลฯ
ที่จะหลงเหลืออยู่
คัมภีร์เหล่านี้ก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
คัมภีร์เหล่านี้ไม่ได้มีอยู่ในหนทางของความรู้
ผู้คนเชื่อว่าคัมภีร์นี้ดำเนินมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลก่อนการบันทึกเวลา
พวกเขาไม่มีความรู้ พวกเขาพูดว่าระยะเวลาของวงจรนั้นยาวนานหลายแสนปี
และเหตุนี้เองพวกเขาจึงพูดว่าเป็นสิ่งที่ได้ดำเนินมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนการบันทึกเวลา
นั่นเรียกว่าความมืดของความไม่รู้ เวลานี้ลูกๆ
กำลังศึกษาเล่าเรียนการศึกษาที่ไม่มีขีดจำกัดที่ลูกจะล่วงรู้ถึงความลับของตอนเริ่ม
ตอนกลาง และตอนจบ ลูกรู้ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของเทพเหล่านี้อย่างสมบูรณ์
พวกเขามีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาและผู้ที่เป็นของหนทางของการครองเรือนที่บริสุทธิ์
เวลานี้พวกเขากลายเป็นผู้ที่กราบไหว้บูชาที่ไม่บริสุทธิ์
ในยุคทองเป็นหนทางของครอบครัวที่บริสุทธิ์
ที่นี่ในยุคเหล็กเป็นหนทางของครอบครัวที่ไม่บริสุทธิ์และจากนั้นต่อมาก็มีหนทางแห่งความสันโดษ
สิ่งนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้วในละครด้วยเช่นกัน นั่นเรียกว่าศาสนาของการสละละทิ้ง
พวกเขาละทิ้งบ้านและครอบครัวของพวกเขาและเข้าไปในป่า
นั่นคือการสละละทิ้งที่มีขีดจำกัด พวกเขายังคงอาศัยอยู่ในโลกเก่าโลกเดียวกัน
ลูกเข้าใจว่าเวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกันและจากนั้นลูกจะไปยังโลกใหม่ ลูกรู้เวลา
วันที่ และวินาทีของทุกสิ่งอย่างแม่นยำ
ผู้คนเหล่านั้นกล่าวว่าระยะเวลาของแต่ละวงจรนั้นหลายแสนปี
การคำนวณที่ถูกต้องแม่นยำไม่สามารถทำได้
ไม่มีใครสามารถจำสิ่งใดที่มีอายุเป็นหลายแสนปีได้ เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าพ่อคือใคร
ท่านมาอย่างไร และท่านทำงานอะไร ลูกรู้ถึงหน้าที่การงานและโชคชะตาของทุกคน
อย่างไรก็ตามมีใบไม้มากมายบนต้นไม้ที่พวกเขาไม่สามารถนับได้
ต้นไม้โลกที่ไม่มีขีดจำกัดนี้มีใบไม้กี่ใบ? ใน 5,000 ปีมีหกพันล้าน
ดังนั้นในหลายแสนปีจะมีมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน
ผู้ที่อยู่ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาแสดงให้เห็นว่าได้มีการเขียนไว้:
ยุคทองมีเวลาเท่านั้นปี ยุคเหล็กมีเวลาเท่านี้ปี ยุคทองแดงมีเวลาเท่านั้นปี
ดังนั้นพ่อนั่งที่นี่และอธิบายถึงความลับทั้งหมดนี้แก่ลูกๆ เมื่อลูกเห็นเม็ดมะม่วง
ต้นมะม่วงก็จะเข้ามาสู่จิตใจ เวลานี้เมล็ดของต้นไม้โลกมนุษย์อยู่เบื้องหน้าลูก
ท่านนั่งที่นี่และเพราะท่านมีชีวิต ท่านจึงอธิบายความลับของต้นไม้แก่ลูก
ท่านแสดงให้เห็นว่าต้นไม้กลับหัวอย่างไร ลูกสามารถอธิบายทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้
ทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตจะมีการซ้ำรอยเหมือนเดิมทุกประการ
เวลานี้จำนวนประชากรยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นอย่างมาก!
ที่ผู้คนมากมายนั้นไม่สามารถอยู่ในยุคทองได้
ลูกพูดสิ่งนี้มาจากออสเตรเลียหรือญี่ปุ่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในยุคทอง
ตามแผนของละครสิ่งต่างๆ ที่มาจากสถานที่เหล่านั้นมาที่นี่
เมล็ดธัญพืชได้นำเข้ามาจากอเมริกา จะไม่มีการนำเข้าจากที่อื่นในยุคทอง
ที่นั่นมีเพียงศาสนาเดียวและมีทุกสิ่งที่อุดมสมบูรณ์มากมาย
ที่นี่จำนวนศาสนายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและพร้อมกันนั้นก็มีหลายสิ่งที่ขาดแคลน
พวกเขาไม่ได้นำเข้าสิ่งใดในยุคทอง ดูสิว่าเวลานี้พวกเขานำเข้าสิ่งต่างๆ
จากที่ต่างๆได้อย่างไร จำนวนมนุษย์ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยจนถึงเวลาสิ้นสุด
ไม่มีสิ่งใดขาดหายไปในยุคทอง ที่นั่นทุกสิ่งสะโตประธานและดีมาก มนุษย์สะโตประธาน
เมื่อมนุษย์ดี ทุกสิ่งรอบตัวของพวกเขาก็ดีด้วย
เมื่อมนุษย์เลวทุกสิ่งรอบตัวพวกเขาก็เป็นอันตราย
สิ่งหลักของวิทยาศาสตร์คือระเบิดปรมาณูซึ่งทั้งโลกจะถูกทำลาย
พวกเขาสร้างระเบิดขึ้นมาได้อย่างไร?
ตามแผนของละครดวงวิญญาณที่สร้างระเบิดนั้นต้องมีความรู้นั้นภายในตัวเขามาก่อนล่วงหน้า
ความรู้นั้นจะปรากฏออกมาจากเขาเมื่อเวลานั้นมาถึง
ผู้ที่มีความรู้สึกเช่นนั้นจะทำงานและสอนผู้อื่นด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าบทบาทอะไรก็ตามที่เล่นมาแล้วทุกวงจรก็จะเป็นบทบาทเดียวกันที่จะเล่นต่อไป
เวลานี้ลูกกำลังกลับมาเต็มไปด้วยความรู้ ไม่มีความรู้ใดที่ยิ่งใหญ่มากไปกว่านี้
ลูกกลายเป็นเทพด้วยความรู้นี้ ไม่มีความรู้ใดที่สูงส่งมากไปกว่านี้
นั่นคือความรู้ของมายาที่การทำลายล้างเกิดขึ้น
นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นไปยังดวงจันทร์เพื่อทำการวิจัย มีนไม่มีอะไรใหม่สำหรับลูก
ทั้งหมดนั้นเป็นความโอฬารตระการตาของมายา
พวกเขาเข้าไปสู่ส่วนลึกและมีการแสดงภายนอกอย่างมากมาย
หลายคนทำความพยายามอย่างหนักมากที่จะใช้สติปัญญาของพวกเขาเพื่อแสดงความมหัศจรรย์บางอย่าง
โดยการแสดงความมหัศจรรย์มากมายเช่นนั้นพวกเขาก็ทำให้เกิดความเสียหาย
ดูสิ่งที่พวกเขาประดิษฐ์คิดค้นอย่างต่อเนื่อง!
ผู้ที่ผลิตสิ่งเหล่านั้นก็เข้าใจว่าการทำลายล้างจะเกิดขึ้นโดยผ่านพวกเขา อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ไตร่ตรองความรู้ที่แฝงตัวและคงอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใส
ดูรูปภาพของเทพที่อยู่เบื้องหน้าลูก
แทนที่จะก้มลงให้พวกเขาหรือคารวะต่อพวกเขาจงซึมซับคุณธรรมที่สูงส่งเพื่อที่จะกลายเป็นเช่นพวกเขา
2.
เข้าใจพ่อผู้ซึ่งเป็นเมล็ดของโลกและสิ่งสร้างที่มีชีวิตของท่านและกลับมาเต็มไปด้วยความรู้
รักษาความซาบซึ้งว่าไม่มีความรู้อื่นใดยิ่งใหญ่ไปกว่าความรู้นี้
พร:
ขอให้ลูกฝึกสภาพที่ละเอียดอ่อนและไม่มีตัวตนในขณะที่เติมเต็มความรับผิดชอบและกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ให้นิมิต
ในรูปสะคาร์ ในขณะที่มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เช่นนั้น
บราห์มายังคงให้ประสบการณ์ของรูปที่ละเอียดอ่อนและไม่มีตัวตน
ทำตามพ่อในทำนองเดียวกัน ในรูปที่มีตัวตนของลูกให้ประสบการณ์ของการเป็นเทวดานางฟ้า
ไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าลูกจะไม่สงบและหวาดกลัวแค่ไหน จงให้พลังของสายตา ทัศนคติ
และสำนึกรู้ของลูกเพื่อทำให้คนนั้นมีความสงบอย่างสมบูรณ์ เขาอาจมาในจิตสำนึกที่หยาบ
แต่เมื่อเขาได้สัมผัสกับสภาพที่ละเอียดอ่อนของลูกแล้ว
ลูกจะถูกเรียกว่าภาพลักษณ์ที่ให้นิมิต
คติพจน์:
ผู้ที่มีความเมตตาที่แท้จริงไม่สามารถดึงดูดร่างกายหรือจิตสำนึกที่เป็นร่างได้