31.01.21 Avyakt Bapdada Thai Murli
25.10.87 Om Shanti Madhuban
การละวางในสี่สิ่ง
วันนี้ บัพดาดากำลังมองดูลูกๆที่สูงส่งทั้งหมดของท่านที่นั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัว
ที่นั่งดอกบัวคือสัญลักษณ์ของสภาพที่สูงส่งของดวงวิญญาณ บราห์มิน
ที่นั่งคือวิธีการที่จะอยู่อย่างมั่นคง
ดวงวิญญาณบราห์มินคงอยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่เหมือนดอกบัว
และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเรียกว่าผู้ที่นั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัว
เช่นที่บราห์มินกลายเป็นเทพ
ผู้ที่นั่งอยู่บนที่นั่งนี้ก็สามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้
ไม่ว่าลูกจะนั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัวเป็นเวลานานหรือเป็นเวลาสั้น ๆ
ลูกก็จะกลายเป็นผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ของอาณาจักรเป็นเวลาที่นานหรือในช่วงเวลาสั้นๆตามนั้น
ที่นั่งดอกบัวคือสัญลักษณ์ของสภาพที่มีความรักและละวางที่สุดเช่นเดียวกับสภาพของพ่อบราห์มา
ลูกๆบราห์มินทำตามพ่อ และด้วยเหตุนี้ลูกจึงมีที่นั่งดอกบัวเช่นเดียวกับพ่อ
สิ่งชี้บอกของการเป็นผู้ที่ละวางอย่างยิ่งคือลูกจะเป็นที่รักของพ่อและทั้งครอบครัวอย่างยิ่ง
การละวางหมายถึงการละวางจากทุกสิ่ง
1. การละวางจากสำนึกของร่างกาย
ดวงวิญญาณทางโลกมีสำนึกของร่างกายโดยธรรมชาติและตลอดเวลาในขณะที่เดินและเคลื่อนไหวไปมาและกำลังทำทุกการกระทำ
พวกเขาไม่ต้องพยายามที่จะคิดว่าพวกเขาคือร่างกาย
พวกเขามีสำนึกรู้นั้นอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ได้แม้แต่จะคิดถึงสิ่งนี้เลย
ในทำนองเดียวกันดวงวิญญาณบราห์มินที่นั่งบนที่นั่งดอกบัวควรจะอยู่อย่างละวางจากสำนึกรู้ของร่างกายของพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
เช่นที่ดวงวิญญาณที่ไม่มีความรู้คงอยู่อย่างละวางจากสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
ลูกมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ; อย่าให้สำนึกรู้ของร่างกายดึงลูกเข้าหาตัวมันเอง
ลูกได้เห็นพ่อบราห์มาแล้ว: ในขณะที่กำลังเดินและเคลื่อนไหวไปมา
ท่านมีรูปที่เป็นเทวดาและเทพอย่างเป็นธรรมชาติในสำนึกรู้ของท่าน
การมีสภาพของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณอย่างเป็นธรรมชาติและสม่ำเสมอเช่นนั้นกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่ละวางจากสำนึกรู้ของร่างกาย
การอยู่อย่างละวางจากสำนึกรู้ของร่างกายเท่านั้นที่จะทำให้ลูกเป็นที่รักของพระเจ้า
2.
การอยู่อย่างละวางจากทุกความสัมพันธ์ทางร่างกายของลูกด้วยดริชตีทัศนคติและการกระทำของลูก
ในขณะที่มองเห็นความสัมพันธ์ทางร่างกาย
ให้ความสัมพันธ์ของสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่ในสำนึกรู้ของลูกอย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้เอง “ไบยา ดุช”(ในโอกาสที่บราเธอร์ถูกเชิญไปยังสถานที่ของซิสเตอร์)
จึงเกิดขึ้นมาหลังจากดีปาวาลี
เมื่อลูกกลายเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายหรือตะเกียงที่คงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์ที่เปล่งประกาย
ลูกมีความสัมพันธ์ของความเป็นพี่น้องกัน
ในฐานะที่เป็นดวงวิญญาณลูกมีความสัมพันธ์ของความเป็นพี่น้อง
และในฐานะที่เป็นบราห์มินที่มีตัวตนของสกุลของบราห์มา
ลูกมีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์และสูงส่งของพี่น้องหญิงชายในสำนึกรู้ของลูกอย่างเป็นธรรมชาติ
ดังนั้นการละวางหมายถึงการละวางจากร่างกายและความสัมพันธ์ทางร่าง
3. การละวางจากทรัพย์สมบัติในครอบครองที่สูญสลายของร่างกายของลูก
หากทรัพย์สมบัติในครอบครองทางวัตถุเป็นเหตุของความเสียหายต่อประสาทสัมผัสทางร่างกายใดๆ
นั่นคือหากมีแรงดึงดูดใดๆต่อสิ่งนั้นก็จะไม่ใช่การละวาง
เป็นเรื่องง่ายที่จะละวางจากความสัมพันธ์
แต่การดึงดูดเข้าไปหาสิ่งของต่างๆทางวัตถุที่ลูกควรละวางจากสิ่งเหล่านั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในลักษณะที่ดูดี
ลูกได้รับการบอกแล้วว่าการดึงดูดในรูปที่ชัดเจนคือความปรารถนา
แต่ความปรารถนาในรูปที่ละเอียดอ่อนและลึกล้ำนั้นคือการชอบบางสิ่ง ลูกพูดว่า “ฉันไม่มีความปรารถนา
แต่ฉันก็ชอบมัน”
การชอบในรูปที่ละเอียดอ่อนนี้สามารถอยู่ในรูปของความปรารถนาได้เช่นกัน
ดังนั้นตรวจสอบสิ่งนี้เป็นอย่างดี: สิ่งของที่เป็นวัตถุนี้
นั่นคือสิ่งที่หมายถึงความสุขชั่วคราวนี้ดึงฉันหรือไม่?
เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในเวลาที่ลูกต้องการแล้วความพยายามทางจิตของลูกง่ายดายหรือไม่?
นั่นคือสภาพของโยคะที่ง่ายดายของลูกไม่ได้ขึ้นลงใช่หรือไม่?
ลูกไม่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆหรือถูกบังคับด้วยนิสัยของลูกใช่หรือไม่?
สิ่งอำนวยความสะดวกทางกายภาพทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในทางวัตถุ
ลูกคือผู้เอาชนะวัตถุธาตุ นั่นคือลูกเป็นบราห์มินที่นั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัว
ที่อยู่เหนือการค้ำจุนของวัตถุธาตุ
พร้อมกับการเป็นผู้เอาชนะมายาลูกก็เป็นผู้เอาชนะวัตถุธาตุด้วยเช่นกัน
ทันทีที่ลูกกลายเป็นผู้เอาชนะมายา มายาก็ทดสอบลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวิธีต่างๆ
เธอเห็นว่าเพื่อนของเธอกลายเป็นผู้เอาชนะมายา ดังนั้นเธอจึงให้ข้อทดสอบมากมาย
ข้อสอบของวัตถุธาตุคือการนำลูกทั้งหมดเข้าไปสู่ความปั่นป่วนผ่านสิ่งอำนวยความสะดวก
เช่น การขาดแคลนน้ำ นั่นไม่ใช่ข้อสอบใหญ่
อย่างไรก็ตามเช่นที่สิ่งอำนวยความสะดวกทำขึ้นมาด้วยน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำขึ้นมาด้วยไฟ
ในทำนองเดียวกันสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างขึ้นจากวัตถุธาตุทุกอย่างเป็นพื้นฐานของความสุขชั่วคราวสำหรับดวงวิญญาณมนุษย์ในชีวิตของพวกเขา
ดังนั้นวัตถุธาตุทั้งหมดนี้จะทดสอบลูก ในขณะนั้นเป็นเพียงแค่การขาดแคลนน้ำ
แต่เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำจากน้ำนั้นไม่สามารถหามาได้ก็จะเป็นข้อสอบที่แท้จริง
ข้อสอบด้วยวัตถุธาตุเหล่านี้จะมาในเวลาของมันเองอย่างแน่นอน ด้วย
เหตุนี้ลูกต้องเป็นอิสระจากการถูกดึงดูดจากทรัพย์สมบัติในครอบครองของร่างกายและอยู่อย่างเป็นอิสระจากการค้ำจุนของร่างกายใดๆ
ในเวลาปัจจุบันสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดมีให้ใช้ได้อย่างง่ายดายสำหรับลูก
ไม่มีอะไรขาด
อย่างไรก็ตามในขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดมีให้ใช้และในขณะที่ลูกทดลองกับสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนั้น
สภาพของโยคะของลูกไม่ควรจะขึ้นลง การทดลองอย่างเป็นโยคีหมายถึงการละวาง
เมื่อลูกไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว นั่นไม่เรียกว่าการละวาง
อย่างไรก็ตามในขณะที่มีทุกสิ่งจงใช้สิ่งนั้นเพื่อประโยชน์ของมันและทดลองกับสิ่งนั้นโดยที่ไม่ถูกดึงดูด
อย่าใช้สิ่งนั้นเพราะลูกต้องการหรือชอบ แน่นอนตรวจสอบตนเองด้วยวิธีนี้
ที่ใดมีความปรารถนาไม่ว่าลูกจะพยายามแค่ไหน ความปรารถนา(อิจชะ)นั้นก็จะไม่ปล่อยให้ลูกกลับมาดี(อัจชะ)ได้
มิฉะนั้นในช่วงเวลาของการทำข้อสอบ ลูกก็จะใช้เวลาของลูกไปกับความพยายาม
ลูกจะพยายามมุ่งมั่นอยู่กับความเพียรพยายามทางจิต(สาธนา) แต่สิ่งอำนวยความสะดวก(สาธัน)จะดึงดูดลูกเข้าไปหาตัวมันเอง
ลูกจะยังคงรบราและเพียรพยายามต่อไปที่จะทดลองและจบสิ้นแรงดึงดูดของสิ่งอำนวยความสะดวกและเวลาของลูกสำหรับข้อทดสอบนั้นจะผ่านไปกับการชักคะเย่อนี้
แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ลูกทดลองทำในสภาพของการเป็นโยคีที่ง่ายดายของลูกจะแปรปรวนขึ้นๆลงๆ
เวลานี้ข้อสอบจากวัตถุธาตุจะมาด้วยความเร็วมากขึ้น
ดังนั้นตรวจสอบล่วงหน้าว่าไม่มีการค้ำจุนใดๆทางกายภาพ – ไม่ว่าจะเป็นอาหาร
เครื่องดื่ม เสื้อผ้า วิธีการปฏิสัมพันธ์ การดำรงชีวิต
และการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้อื่น -
ตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ในรูปของอุปสรรคแม้ในทางที่ละเอียดอ่อน
ทดลองสิ่งนี้ในตอนนี้เลย อย่าได้เริ่มทดลองเมื่อข้อสอบมา
และแล้วก็จะมีช่องว่างสำหรับความล้มเหลว
สภาพของโยคะหมายถึงการมีสภาพที่ละวางในขณะที่ทดลอง
ให้ความพยายามทางจิตของโยคีที่ง่ายดายได้รับชัยชนะเหนือสิ่งอำนวยความสะดวกนั่นคือเหนือวัตถุธาตุ
อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ลูกสามารถทำได้โดยไม่มีอย่างหนึ่ง
แต่ไม่สามารถทำได้โดยปราศจากอีกอย่างหนึ่ง และนั่นคือสาเหตุที่สภาพของลูกขึ้นลง
นั่นจะไม่เรียกว่าชีวิตที่ละวาง
จงประสบความสำเร็จเช่นนั้นด้วยความสำเร็จของลูกแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่บรรลุผลก็ยังทำให้ลูกรู้สึกถึงการบรรลุผลได้
ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้งเพื่อที่จะทดสอบดูว่าพวกเขาถูกดึงดูดไปสู่สิ่งต่างๆหรือไม่
โปรแกรมต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดสอบพวกเขาในสิ่งเหล่านี้
ตัวอย่างเช่นเป็นเวลาสิบห้าวันพวกเขาได้รับเพียงแค่มิลลิทจาปาตี(จาปาตีที่ทำมาจากข้าวฟ่าง)และนมเปรี้ยวเพื่อรับประทาน
พวกเขาต้องลองสิ่งนี้เมื่อมีข้าวสาลี
ไม่ว่าใครบางคนจะป่วยแค่ไหนพวกเขาก็ต้องกินแค่สิ่งนี้เป็นเวลาสิบห้าวัน
ไม่มีใครล้มป่วย(เพราะสิ่งนี้) ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดก็กลับมาหายดี
พวกเขามีความซาบซึ้งว่าบัพดาดาให้โปรแกรมนั้น บนหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
ว่ากันว่ายาพิษกลายเป็นน้ำหวาน แต่นี่คือนมเปรี้ยว
ความศรัทธาและความซาบซึ้งทำให้ลูกได้รับชัยชนะในทุกสถานการณ์
ข้อสอบเช่นนั้นจะมาด้วยเช่นกัน ลูกก็จะได้กินเพียงแค่จาปาตีแห้ง
ปัจจุบันลูกมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด ลูกอาจพูดว่า:
ฟันของลูกไม่แข็งแรงเพียงพอลูกไม่สามารถย่อยได้ ลูกจะทำอะไรได้ในตอนนั้น?
เมื่อลูกมีความศรัทธา ความซาบซึ้ง และพลังจากความสำเร็จของโยคะ
แม้แต่จาปาตีแห้งก็จะทำงานเหมือนจาปาตีนุ่มๆ และลูกจะไม่รู้สึกขุ่นมัวไม่พอใจ
หากลูกรักษาความภาคภูมิใจในการเป็นตัวแห่งความสำเร็จก็ไม่มีใครสามารถทำให้ลูกขุ่นมัวไม่พอใจได้
เมื่อสิงโตกลายเป็นเหมือนแมวเบื้องหน้าหฐโยคีและงูกลายเป็นเหมือนของเล่นแล้ว
สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่เบื้องหน้าลูกผู้เป็นดวงวิญญาณราชาโยคีที่ง่ายดายที่เป็นตัวแห่งความสำเร็จ
หากลูกมีสิ่งอำนวยความสะดวกก็ใช้ได้อย่างสบาย
แต่จงตรวจสอบดูว่าลูกไม่ได้ถูกหลอกลวงในเวลานั้น (เมื่อเวลานั้นมาถึง)
อย่าปล่อยให้สถานการณ์นำลูกลงมาจากสภาพของลูก
เป็นเรื่องง่ายที่จะละวางจากความสัมพันธ์ทางร่างของลูก
แต่ลูกต้องให้ความใส่ใจกับการละวางจากสิ่งต่างๆของร่างกายของลูก
4. การละวางจากธรรมชาติเก่าและซันสการ์ของลูก
ธรรมชาติและซันสการ์ของร่างเก่ามีความแข็งแกร่งมาก
สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงในการเป็นผู้เอาชนะมายาเช่นกัน
หลายครั้งที่บัพดาดาได้เห็นว่างูแห่งธรรมชาติเก่าและซันสการ์เก่านั้นจบสิ้นลง
แต่เส้นนั้นยังคงเหลืออยู่ มันหลอกลวงลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเวลานั้น(เมื่อถึงเวลานั้น)
ธรรมชาติและซันสการ์ที่แข็งแกร่งของลูกทำให้ลูกได้รับอิทธิพลจากมายาที่ลูกไม่แม้แต่จะคิดเลยว่าสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งผิด
พลังแห่งการตระหนักรู้จบสิ้น เพื่อที่จะละวางจากสิ่งนี้ลูกต้องมีการตรวจสอบที่ดีมาก
เมื่อพลังแห่งการตระหนักรู้จบสิ้น
ลูกต้องพูดโกหกเป็นพันครั้งเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าคำพูดที่โกหกของลูกนั้นถูกต้อง
ลูกได้รับอิทธิพลอย่างมาก
การพยายามพิสูจน์ตนเองว่าถูกต้องก็เป็นสัญญาณบ่งบอกของการได้รับอิทธิพลจากซันสการ์เก่าของลูก
หนึ่งคือการพิสูจน์บางสิ่งว่าถูกต้องและอีกประการหนึ่งคือการพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้องด้วยการดื้อรั้น
ผู้ที่พยายามพิสูจน์ตนเองว่าถูกต้องด้วยการดื้อรั้นไม่สามารถกลายเป็นตัวของความสำเร็จได้
นอกจากนี้ลูกต้องตรวจสอบด้วยว่าไม่มีร่องรอยของธรรมชาติเก่าหรือซันสการ์ของลูกแม้แต่น้อยที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ลูกเข้าใจไหม?
ผู้ที่ละวางจากสิ่งทั้งสี่นี้กล่าวได้ว่าเป็นที่รักของพ่อและเป็นที่รักของครอบครัวด้วย
ลูกกลายเป็นผู้ที่นั่งบนที่นั่งดอกบัวในลักษณะนี้หรือไม่? สิ่งนี้เรียกว่า "ทำตามพ่อ"
เมื่อพ่อบราห์มานั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัวท่านกลายเป็นผู้เป็นที่รักอันดับหนึ่งของพ่อและเป็นที่รักของบราห์มินด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะอยู่ในรูปที่มีตัวตนหรือตอนนี้ในรูปที่อแวค
แม้กระทั่งตอนนี้อะไรที่ปรากฏขึ้นในหัวใจของบราห์มินแต่ละคนและทุกคน? บราห์มา
บาบาของเรา ลูกไม่รู้สึกว่าลูกไม่ได้เห็นเขาในรูปที่มีตัวตน
ลูกไม่ได้เห็นท่านด้วยตาของลูก แต่ลูกเห็นท่านด้วยหัวใจของลูก
ลูกเห็นท่านด้วยสายตาที่สูงส่งของสติปัญญาของลูก ลูกได้สัมผัสกับท่าน
นี่คือเหตุผลที่บราห์มินทุกคนพูดจากหัวใจของเขาว่า: บราห์มา บาบาของฉัน
นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกของการเป็นที่รัก
การละวางจากทุกสิ่งทำให้ท่านเป็นที่รักของคนทั้งโลก
ดังนั้นในทำนองเดียวกันจงละวางจากทุกสิ่งและเป็นที่รักของทุกคน ลูกเข้าใจไหม?
ผู้ที่มาจากกุจะราตอาศัยอยู่ใกล้ ๆ และดังนั้นพวกเขาก็ใกล้ในการทำตาม
ความพิเศษของลูกคือการอยู่ใกล้ทั้งทางภูมิศาสตร์และในสภาพของลูก
บัพดาดายินดีที่ได้เห็นลูก ๆ เสมอ อัจชะ
ถึงลูกที่ละวางในทุกหนแห่งที่เป็นที่รักของพ่อและนั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัว
ถึงลูกพิเศษที่เอาชนะมายาและวัตถุธาตุอยู่เสมอ ถึงลูกที่มีศรัทธาที่ทำตามพ่อเสมอ
ด้วยความทรงจำระลึกถึงที่เต็มไปด้วยความรัก และนมัสเต จากบัพดาดา
บัพดาดาพบกลุ่ม:
1) ถึงพี่น้องชายหญิงซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่มาที่มธุบัน:
ในช่วงเวลาที่ลูกทำงานรับใช้ในมธุบัน
ลูกได้สัมผัสกับโยคะอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลานั้นหรือไม่? โยคะของลูกไม่หยุดลงใช่ไหม?
การเป็นผู้รับใช้ในมธุบันหมายถึงการเป็นโยคีที่สม่ำเสมอและง่ายดาย
ลูกจะจำประสบการณ์ของช่วงเวลาสั้นๆ นี้ได้ตลอดไปใช่หรือไม่?
เมื่อใดก็ตามที่สถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นเพียงมาที่มธุบันในจิตใจของลูก
และแล้วด้วยการเป็นผู้อาศัยในมธุบัน
ลูกจะกลายเป็นโยคีที่ง่ายดายและสถานการณ์หรือปัญหาจะจบสิ้นลง
เก็บประสบการณ์นี้ของลูกไว้กับลูกเสมอ ด้วยการจดจำประสบการณ์นี้ลูกจะได้รับพลัง
ผลของงานรับใช้เป็นสิ่งที่ไม่สูญสลาย อัจชะ
ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะได้รับโอกาสนี้ ลูกได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาก
ผู้รับใช้หมายถึงผู้ที่เป็นเครื่องมือเสมอเช่นเดียวกับพ่อผู้ที่อยู่อย่างถ่อมตน
ความถ่อมตนเป็นวิธีที่สูงส่งที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุด ในการทำงานรับใช้ใด ๆ
ความถ่อมตนและการเป็นเครื่องมือถือเป็นหนทางแห่งความสำเร็จ
ลูกรับใช้ด้วยคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้หรือไม่?
ในการทำงานรับใช้เช่นนั้นมักประสบความสำเร็จเสมอและมีความสุขด้วยเช่นกัน
ลูกมีความสุขในยุคบรรจบกันและด้วยเหตุนี้ลูกจึงไม่รู้สึกว่างานรับใช้เป็นงานรับใช้
ตัวอย่างเช่นเมื่อมีคนเล่นมวยปล้ำเขาทำสิ่งนั้นด้วยความสนุกสนานโดยคิดว่ามันเป็นกีฬา
ไม่มีความเหนื่อยล้าหรือความเจ็บปวดในสิ่งนั้น
เพราะเขาทำสิ่งนั้นโดยคิดว่ามันเป็นความบันเทิงและเพื่อความสุขของตนเอง
ในทำนองเดียวกันหากลูกทำงานรับใช้ด้วยคุณสมบัติพิเศษของการเป็นผู้รับใช้ที่แท้จริงแล้วก็จะไม่มีวันเหนื่อยล้า
ลูกเข้าใจไหม? ลูกจะรู้สึกตลอดเวลาว่าลูกไม่ได้ทำงานรับใช้ แต่ลูกแค่กำลังเล่นเกม
ดังนั้นไม่ว่าลูกจะถูกขอให้ทำงานรับงานรับใช้อะไรก็ตาม
จงประสบความสำเร็จอยู่เรื่อยๆด้วยคุณสมบัติพิเศษทั้งสองนี้
โดยการทำเช่นนั้นลูกจะกลายเป็นตัวของความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ อัจชะ
2) ทาปาเซียที่แท้จริงทำให้ลูกกลายเป็นทองคำแท้ที่ไม่มีอะไรเจือปนตลอดเวลา
ทาปาเซียทำให้ลูกแต่ละคนมีความสามารถเสมอที่ลูกจะประสบความสำเร็จในครอบครัวของลูกและในการได้รับรางวัลของลูกด้วย
ลูกกลายเป็นทาปาสวิเช่นนั้นแล้วหรือยัง? ผู้ที่ทำทาปาเซียเรียกว่าราชาโยคี
ดังนั้นลูกทุกคนคือราชาโยคี
ลูกไม่ใช่ผู้ที่จะมีอารมณ์ขุ่นมัวไม่พอใจจากสถานการณ์ใดๆใช่ไหม?
ดังนั้นตรวจสอบตนเองด้วยวิธีนี้เสมอ และหลังจากตรวจสอบแล้วจงเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพียงแค่ตรวจสอบตนเอง ลูกอาจรู้สึกท้อแท้ ลูกจะคิดว่า "ฉันมีความอ่อนแอนี้ในตัวฉัน
ฉันมีสิ่งนี้และฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะทำให้มันถูกต้องได้หรือไม่" ดังนั้นตรวจสอบตนเอง
และพร้อมกับการตรวจสอบตนเองจงเปลี่ยนแปลงตนเองด้วย
มิฉะนั้นลูกจะกลับมาอ่อนแอและเวลาก็ผ่านไป
ในขณะที่ผู้ที่ทำทุกสิ่งตามเวลาจะได้รับชัยชนะเสมอ
ดังนั้นลูกทุกคนเป็นดวงวิญญาณที่ได้รับชัยชนะและสูงส่งอยู่เสมอหรือไม่?
ลูกทุกคนสูงส่งหรือตามลำดับกันไป? หากลูกถูกถามว่าลูกอันดับที่เท่าใด
ลูกทุกคนจะตอบว่า “อันดับหนึ่ง” อย่างไรก็ตามจะมีกี่คนที่เป็นอันดับหนึ่งนั้น?
หนึ่งคนหรือหลายคน? ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง
แต่ลูกสามารถเข้ามาในกลุ่มแรกได้ จะมีเพียงคนเดียวที่เป็นอันดับหนึ่ง
แต่หลายคนจะเข้ามาในกลุ่มแรกและดังนั้นลูกจะได้เป็นอันดับแรก
จะมีเพียงคนเดียวที่นั่งบนบัลลังก์ของราชอาณาจักร
แต่เขาจะมีมิตรสหายมากมายใช่หรือไม่?
ดังนั้นการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์หมายถึงการประกาศสิทธิ์ในอาณาจักร
ดังนั้นกลุ่มแรกหมายถึงความพยายามที่จะประกาศสิทธิ์ในอันดับหนึ่ง
ยังไม่มีการกำหนดที่นั่งนอกจากสองหรือสามที่นั่งเท่านั้นที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
เวลานี้ลูกสามารถทำความพยายามอะไรก็ได้ตามที่ลูกต้องการ ไม่ว่าลูกจะพยายามมากแค่ไหน
บัพดาดาเคยบอกลูกแล้วว่ามันสายแล้ว แต่ก็ยังไม่สายเกินไป
และด้วยเหตุนี้เองทุกคนจึงมีโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไป
ทุกคนมีโอกาสที่จะชนะและประกาศสิทธิ์ในอันดับหนึ่ง
ดังนั้นขอให้มีความจริงจังและกระตือรือร้นอยู่เสมอ อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ "ใครๆก็สามารถกลายเป็นอันดับหนึ่งได้
อันดับสองก็ดีแล้วสำหรับฉัน" นี่จะเรียกว่าความพยายามที่อ่อนแอ
ลูกทุกคนเป็นผู้มีความพยายามอย่างเข้มข้นมากใช่หรือไม่? อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกรู้คิดและทำงานรับใช้ทั้งสามประเภทในเวลาเดียวกันและกลายเป็นตัวแห่งความสำเร็จ
ในปัจจุบันตามเวลา งานรับใช้สามประเภท – ด้วยความคิด คำพูด
และการกระทำต้องเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
พร้อมกับการรับใช้ด้วยคำพูดและการกระทำของลูกแล้ว
ก็ต้องรับใช้ด้วยจิตใจของลูกผ่านความคิดที่บริสุทธิ์และทัศนคติที่สูงส่งด้วยเช่นกัน
แล้วลูกจะได้รับผลของสิ่งนั้นเพราะคำพูดเต็มไปด้วยพลังเมื่อจิตใจของลูกมีพลัง
มิฉะนั้นลูกจะกลายเป็นเหมือนบัณฑิตที่เพียงแค่พูดถึงเรื่องนี้เท่านั้น
เพราะพวกเขาเพียงแค่อ่านทุกสิ่งและพูดซ้ำเหมือนนกแก้ว
ดวงวิญญาณญานีคือบุคคลที่รู้คิดจะทำงานรับใช้ทั้งสามประเภทในเวลาเดียวกัน
และด้วยเหตุนี้จึงได้รับพรของความสำเร็จ
คติพจน์:
การให้ประสบการณ์ของความสงบ พลัง และความสุข โดยผ่านคำพูด การกระทำ
และดริชตีของคนๆนั้นคือความยิ่งใหญ่ของดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่