01.03.20 Avyakt Bapdada Thai Murli
02.12.85 Om Shanti Madhuban
พลังทางจิตวิญญาณคือวิธีที่จะเป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
วันนี้บัพดาดากำลังมองดูพลังทางจิตวิญญาณของลูกๆทางจิตของท่าน
เพราะทุกคนเป็นลูกของท่าน
ลูกทางจิตทุกคนจึงประกาศสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะมีพลังทางจิตจากพ่อ
อย่างไรก็ตามบาบาได้เห็นว่าลูกได้กลายเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลมากแค่ไหน
ทุกวันลูกทั้งหมดเรียกตนเองว่าลูกทางจิตและให้การตอบแทนของความรักและความทรงจำระลึกถึงต่อพ่อทางจิตไม่ว่าจะผ่านทางริมฝีปากของพวกเขาหรือในจิตใจของพวกเขาในรูปของความรัก,การจดจำระลึกถึงและนมัสเต
ลูกให้สิ่งนี้เป็นการตอบแทนใช่ไหม?
ความหมายของสิ่งนี้คือพ่อทางจิตเรียกลูกๆทางจิตทุกวันและเตือนลูกถึงความหมายที่แท้จริงของพลังทางจิตเพราะคุณสมบัติพิเศษของชีวิตบราห์มินนี้คือความผ่องแผ้วทางจิตวิญญาณ
ลูกเปลี่ยนแปลงตนเองและผู้อื่นด้วยพลังทางจิตวิญญาณนี้ รากฐานหลักคือพลังทางจิตนี้
ด้วยพลังนี้ลูกจะได้รับการปลดปล่อยจากบ่วงพันธะหลายรูปแบบ
บัพดาดาได้เห็นว่าแม้กระทั่งตอนนี้ยังคงมีบ่วงพันธะที่ละเอียดอ่อนบางอย่างซึ่งลูกควรได้รับการปลดปล่อยแต่ลูกยังคงประสบอยู่
ลูกไม่สามารถที่จะนำวิธีที่จะได้รับการหลุดพ้นมาใช้ในรูปปฏิบัติ
อะไรคือสาเหตุของสิ่งนี้? เป็นเพราะลูกไม่รู้วิธีที่จะใช้พลังทางจิตในทุกการกระทำ
ลูกต้องทำให้ทั้งสามสิ่งนี้ ความคิด คำพูด
และการกระทำที่มีพลังเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ลูกหละหลวมคืออะไร?
ในด้านหนึ่งลูกทำให้ความคิดของลูกมีพลัง แต่ลูกก็จะหละหลวมกับคำพูดของลูกเล็กน้อย
บางครั้งลูกทำให้คำพูดของลูกมีพลังแล้วลูกก็หละหลวมเล็กน้อยกับการกระทำของลูก
อย่างไรก็ตามการทำให้ทั้งสามมีพลังทางจิตในเวลาเดียวกันเป็นวิธีที่จะได้รับการหลุดพ้น
เช่นเดียวกับที่ การที่จะสร้างโลก งานทั้งสาม – การสร้าง การบำรุงรักษา
และการทำลายล้าง – จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ในทำนองเดียวกันการเป็นอิสระจากบ่วงพันธะทุกประเภทจึงจำเป็นต้องมีพลังทางจิตในทั้งสามสิ่ง
– ความคิด คำพูด และการกระทำในเวลาเดียวกัน
บางครั้งลูกดูแลจิตใจของลูกและบางสิ่งบางอย่างก็ขาดหายไปในคำพูดของลูก
แล้วลูกก็พูดว่า: ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น
ลูกต้องให้ความใส่ใจอย่างเต็มที่กับทั้งสามสิ่งนี้ เพราะเหตุใด?
ทั้งสามวิธีนี้จะเปิดเผยสภาพของความสมบูรณ์พร้อมของลูกและพ่อ
เพื่อที่จะได้มาซึ่งการหลุดพ้น
จะต้องมีประสบการณ์ของพลังทางจิตวิญญาณในทั้งสามสิ่งนี้
ผู้ที่มีความชาญฉลาดอย่างเต็มที่ในทั้งสามสิ่งนี้จะได้รับการหลุดพ้นในชีวิต
ดังนั้นบัพดาดาจึงมองไปที่บ่วงพันธะที่ละเอียดอ่อน
ทั้งสามนี้ยังมีการเชื่อมโยงเป็นพิเศษในแง่ของบ่วงพันธะที่ละเอียดอ่อน
สิ่งชี้บอกของผู้ที่อยู่ในบ่วงพันธะคือ คนๆนั้นจะได้รับอิทธิพลจากคนอื่นเสมอ
คนที่อยู่ในบ่วงพันธะจะไม่มีประสบการณ์ของความสุขภายในเสมอ
หรือจะไม่มีประสบการณ์ของความสุขอย่างสม่ำเสมอ
ในโลกวัตถุสิ่งอำนวยความสะดวกชั่วคราวจะให้ประสบการณ์ความสุขและความเบิกบานใจเพียงชั่วคราวแก่ลูก
แต่จะไม่มีประสบการณ์ของความสุขภายในหรือความสุขที่ไม่สูญสลาย
ในทำนองเดียวกันดวงวิญญาณที่ถูกผูกมัดด้วยพันธะที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้จะยังคงเดินหน้าต่อไปในชีวิตบราห์มินในช่วงเวลาสั้นๆบนพื้นฐานของงานรับใช้บางอย่าง,พลังของชุมนุม,การได้มาซึ่งการบรรลุผลอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมิตรที่สูงส่ง
และตราบเท่าที่พวกเขามีวิธีการเหล่านี้
พวกเขาสามารถสัมผัสกับความสุขและความเบิกบานใจได้ อย่างไรก็ตามเมื่อวิธีการจบสิ้นลง
(หรือถูกนำออกไป) ความสุขของพวกเขาก็จบลงเช่นกัน ความสุขนั้นไม่คงอยู่อย่างสม่ำเสมอ
บางครั้งพวกเขาก็ร่ายรำด้วยความสุขเช่นนั้นซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครเหมือนพวกเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามาหยุดนิ่ง
แม้แต่ก้อนหินเล็กๆก็จะรู้สึกราวกับว่าเป็นเหมือนเป็นภูเขา
เนื่องจากการไม่มีพลังดั้งเดิมของตนเอง
พวกเขาจึงร่ายรำอย่างมีความสุขบนพื้นฐานของวิธีการเหล่านั้น
เมื่อวิธีการถูกขจัดออกไป พวกเขาจะร่ายรำที่ไหน? เหตุนี้เองพลังทางจิตวิญญาณภายใน
ในทั้งสามรูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่เสมอ
บ่วงพันธะหลักคือพวกเขาไม่มีพลังในการควบคุมความคิดในจิตใจของพวกเขา
เนื่องจากการได้รับอิทธิพลจากความคิดของตัวลูกเอง
ลูกจึงสัมผัสว่าตัวลูกเองได้รับอิทธิพลจากผู้อื่น
ผู้ที่อยู่ในบ่วงพันธะของความคิดของตนเองจะยังคงยุ่งอยู่กับสิ่งนี้เป็นเวลานาน
ลูกยังพูดถึงการสร้างปราสาทในอากาศเช่นกัน ลูกสร้างปราสาทแล้วก็ทำลายปราสาทนั้น
ลูกตั้งกำแพงที่ใหญ่ เหตุนี้เองที่สิ่งนี้ถูกเรียกว่าปราสาทในอากาศ
เช่นที่ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
พวกเขากราบไหว้บูชารูปเคารพและตกแต่งรูปเคารพนั้นแล้วก็นำไปจมน้ำ
ในทำนองเดียวกันดวงวิญญาณที่ถูกผูกมัดอยู่ในบ่วงพันธะกับความคิดของพวกเขาจะสร้างสิ่งต่างๆ
มากมาย และจากนั้นพวกเขาก็ทำลายทุกสิ่งเหล่านั้น
พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้ากับงานที่ไร้ประโยชน์และท้อแท้เช่นกัน
บางครั้งเนื่องจากความหยิ่งยโสพวกเขาก็ตำหนิผู้อื่นสำหรับความผิดพลาดของตนเอง
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป
พวกเขาก็จะเข้าใจและตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำไปนั้นไม่ถูกต้อง
แต่เนื่องจากการได้รับอิทธิพลจากความหยิ่งยโสและเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้องพวกเขาจึงกล่าวโทษและตำนิผู้อื่น
บ่วงพันธะที่ใหญ่ที่สุดคือบ่วงของจิตใจนี้ซึ่งล็อคสติปัญญา
ดังนั้นไม่ว่าลูกจะพยายามอธิบายให้กับพวกเขามากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้
สิ่งชี้บอกพิเศษของการมีบ่วงพันธะคือพลังของการสำนึกรู้จบสิ้น
ด้วยเหตุนี้เองหากยังไม่จบสิ้นบ่วงพันธะที่ละเอียดอ่อนนี้
ลูกก็จะไม่สามารถสัมผัสกับความสุขภายในหรือความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสตลอดเวลาได้
คุณสมบัติพิเศษของยุคบรรจบพบกันคือการแกว่งอยู่ในชิงช้าของความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสและการร่ายอย่างสม่ำเสมอในความสุข
ดังนั้นจะพูดว่าอย่างไร
ถ้าหลังจากที่อยู่ในยุคบรรจบพบกันแล้วลูกไม่ได้สัมผัสกับคุณสมบัติพิเศษนี้?
ดังนั้นจงตรวจสอบตนเองเพื่อดูว่าลูกไม่ได้อยู่ในบ่วงของความคิดประเภทใด
ไม่ว่าจะเป็นบ่วงของความคิดที่ไร้ประโยชน์
บ่วงของความคิดที่มีความอิจฉาหรือความขัดแย้ง
ความคิดของความไม่ระมัดระวังหรือความเกียจคร้าน
ความคิดประเภทต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งชี้บอกของบ่วงพันธะในจิตใจ
ดังนั้นวันนี้บัพดาดาได้เห็นบ่วงทั้งหลาย:
มีลูกมากเท่าไหร่ที่เป็นดวงวิญญาณที่หลุดพ้น?
เวลานี้เชือกเส้นใหญ่ได้จบสิ้นลงแล้ว ขณะนี้มีเส้นด้ายที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้อยู่
เป็นเส้นด้ายที่บางแต่มันฉลาดในการผูกมัดลูกไว้ในบ่วงพันธะ
แม้กระทั่งลูกก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกกำลังถูกผูกมัดอยู่ในบ่วง
เพราะบ่วงเหล่านี้ทำให้ลูกซาบซึ้งเป็นระยะเวลาชั่วคราว
ผู้ที่มีความซาบซึ้งที่สูญสลายนี้ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองตกต่ำ:
พวกเขาจะอยู่ในท่อน้ำทิ้งและคิดว่าพวกเขาอยู่ในวัง
พวกเขาจะเป็นคนมือเปล่าและคิดว่าตนเองเป็นราชา
ในทำนองเดียวกันผู้ที่มีความซาบซึ้งเช่นนี้ไม่เคยคิดว่าตนเองผิด
พวกเขาจะพยายามพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้องเสมอหรือมักจะแสดงความไม่ระมัดระวังอยู่เสมอ “สิ่งนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา
มันเป็นอย่างนี้เสมอ”
เหตุนี้เองลูกจึงได้รับการบอกในวันนี้เกี่ยวกับบ่วงพันธะของจิตใจ
บาบาจะบอกลูกเกี่ยวกับคำพูดและการกระทำในเวลาอื่น ๆ ลูกเข้าใจไหม?
จงเฝ้าแต่ได้มาซึ่งการหลุดพ้นด้วยพลังทางจิตวิญญาณต่อไป
การมีประสบการณ์กับการหลุดพ้นในชีวิตในยุคบรรจบพบกันคือการได้รับรางวัลในอนาคตของการหลุดพ้นในชีวิต
ลูกจะต้องได้รับการหลุดพ้นในชีวิตในปีของการเฉลิมฉลองครอบรอบ 50 ปี (โกลเด้น
จูบีลี่) ใช่ไหม? หรือลูกเพียงแค่ต้องการเฉลิมฉลองโกลเด้น จูบีลี่เท่านั้น?
การกลายเป็นคือการเฉลิมฉลอง ผู้คนในโลกเพียงแค่เฉลิมฉลองในขณะที่ลูกอยู่ที่นี่
เวลานี้จงเตรียมตัวให้พร้อมอย่างรวดเร็วและแล้วเมื่อนั้นทุกคนจะได้รับการหลุดพ้นผ่านการหลุดพ้นของลูก
แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังอยู่ในบ่วงพันธะของสิ่งอำนวยความสะดวกที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง
แม้แต่ผู้นำทางการเมืองก็ต้องการที่จะปกป้องตนเองให้ปลอดภัย
แต่พวกเขาก็ถูกผูกมัดเป็นอย่างมากจนไม่สามารถทำสิ่งที่พวกเขาคิดได้เลยและนั่นก็คือบ่วงพันธะใช่ไหม?
ลูกผู้ปลดปล่อยทุกคนจากบ่วงต่างๆกำลังจะปลดปล่อยตนเองและเวลานี้ต้องปลดปล่อยทุกคน
ทุกคนกำลังร้องไห้และร้องเรียกหาสำหรับการหลุดพ้น
บางคนต้องการการหลุดพ้นจากความยากจน บางคนต้องการการหลุดพ้นจากครัวเรือนของพวกเขา
แต่เสียงเรียกสำหรับการหลุดพ้นจากทุกคนก็เป็นสิ่งเดียวกัน
ดังนั้นเวลานี้จงกลายเป็นผู้ประทานการหลุดพ้นและแสดงหนทางไปสู่การหลุดพ้นให้กับพวกเขาและให้มรดกแห่งการหลุดพ้นกับพวกเขา
เสียงเรียกของพวกเขามาถึงลูกแล้วใช่ไหม? หรือลูกคิดว่า: "นั่นคืองานของพ่อ
มันเกี่ยวอะไรกับฉัน" บาบาพูดว่า: ลูกต้องได้รับผลรางวัล
พ่อไม่ต้องการที่จะได้สิ่งนั้น ลูกคือผู้ที่ต้องการปวงประชาและผู้เลื่อมใสศรัทธา
พ่อไม่ต้องการพวกเขา
ผู้ที่เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาของลูกจะกลายเป็นของพ่อโดยอัตโนมัติเพราะลูกคือผู้ที่กลายเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาคนแรกในยุคทองแดง
ลูกจะเริ่มการกราบไหว้บูชาพ่อก่อน ดังนั้นทุกคนจะทำตามลูกทั้งหมดในเวลานี้
ดังนั้นเวลานี้ลูกต้องทำอะไร? รับฟังเสียงเรียกของพวกเขา
จงกลายเป็นผู้ประทานการหลุดพ้น อัจชะ
ถึงผู้ที่ได้รับการหลุดพ้นอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีของการรับพลังทางจิตวิญญาณ
ถึงผู้ที่กลายเป็นผู้ประทานการหลุดพ้นและปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากบ่วงพันธะที่ละเอียดอ่อนอย่างสม่ำเสมอ
ถึงผู้ที่ทำให้ตนเองก้าวไปข้างหน้ามากที่สุดอย่างสม่ำเสมอด้วยความสุขภายในและความสุขที่เหนือประสาทสัมผัส
ถึงผู้ที่มีความปรารถนาดีที่จะทำให้ทุกคนได้รับการหลุดพ้น
ถึงลูกที่มีพลังทางจิตเช่นนั้น ด้วยความรัก ระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา
บัพดาดาพบกลุ่ม:
1) พร้อมกับการฟัง
ลูกก็เป็นดวงวิญญาณที่ทรงพลังที่กลายเป็นตัวของพลังด้วยเช่นกันใช่ไหม?
ทุกวันในความคิดของลูก
ให้มีความคิดที่เต็มไปด้วยความจริงจังและกระตือรือร้นสำหรับตัวลูกเองและผู้อื่น
ทุกวันนี้พวกเขาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หรือโพสต์ในที่ต่างๆว่า “Thought for Today
ข้อคิดสำหรับวันนี้”
ในทำนองเดียวกันให้ความคิดใดความคิดหนึ่งเต็มไปด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้นเกิดขึ้นในจิตใจของลูก
พร้อมกันนั้นจงนำความคิดนั้นไปใช้ในรูปปฏิบัติและใช้ความคิดนั้นเพื่อรับใช้ผู้อื่นด้วยเช่นกัน
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? จะมีความจริงจังและความกระตือรือร้นใหม่ๆอยู่เสมอ
วันนี้ฉันจะทำสิ่งนั้น วันนี้ฉันจะทำสิ่งนี้
ทำไมถึงมีความจริงจังและกระตือรือร้นเมื่อมีโปรแกรมพิเศษ? ลูกทำแผนใช่มั้ย?
ฉันจะทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น มีความจริงจังและความกระตือรือร้นพิเศษในการทำเช่นนั้น
ด้วยวิธีนี้ทุกวันในเวลาอมฤตมีความคิดพิเศษของความจริงจังและความกระตือรือร้นแล้วตรวจสอบตนเองตามนั้น
แล้วชีวิตของลูกจะเต็มไปด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้น
และลูกจะกลายเป็นผู้ที่ทำให้คนอื่นกระตือรือร้นเช่นกัน ลูกเข้าใจไหม?
เช่นเดียวกับที่ลูกมีโปรแกรมสำหรับความบันเทิง
ในทำนองเดียวกันจงมีโปรแกรมนี้เพื่อความบันเทิงในจิตใจของลูก อัจชะ
2) ลูกเป็นดวงวิญญาณที่ก้าวหน้าต่อไปเสมอโดยมีการจดจำระลึกถึงที่ทรงพลังใช่ไหม?
ไม่สามารถมีประสบการณ์ใดๆ หากปราศจากการจดจำระลึกถึงอันทรงพลัง
ดังนั้นจงมีพลังอยู่เสมอและเดินหน้าต่อไป
อยู่อย่างไม่ว่างเว้นในงานรับใช้ของพระเจ้าตามพลังของลูกและได้รับผลของงานรับใช้
จงใช้พลังเท่าที่ลูกมีอย่างต่อเนื่องสำหรับงานรับใช้ ไม่ว่าจะด้วยร่างกาย ด้วยจิตใจ
หรือด้วยทรัพย์สมบัติของลูก ลูกจะได้รับหลายล้านเท่าสำหรับหนึ่งอย่างแน่นอน
ลูกกำลังสะสมเพื่อตนเองและลูกต้องสะสมเพื่อหลายๆชาติเกิดด้วย
โดยการสะสมในหนึ่งชาติเกิดลูกจะได้รับการหลุดพ้นจากความเพียรพยายามเป็นเวลา 21
ชาติเกิด ลูกรู้ความลับนี้ใช่ไหม? ดังนั้นจงเฝ้าแต่ทำให้อนาคตของลูกสูงส่งต่อไป
ทำให้ตนเองเดินหน้าต่อไปในงานรับใช้ด้วยความสุข
ก้าวไปข้างหน้าเสมอด้วยสภาพที่มั่นคงและสม่ำเสมอด้วยการจดจำระลึกถึง
3)
ลูกเป็นผู้รับใช้ที่ให้ความสุขกับดวงวิญญาณมากมายด้วยความสุขของการจดจำระลึกถึงของลูกใช่ไหม?
ผู้รับใช้ที่แท้จริงหมายถึงผู้ที่หลุดหายไปในความรักและผู้ที่สามารถทำให้ผู้อื่นหลุดหายไปในความรักด้วยเช่นกัน
งานรับใช้ของแต่ละสถานที่นั้นก็เป็นของตนเอง
ถึงแม้ว่าถ้าลูกยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยเป้าหมายนี้
การก้าวไปข้างหน้านี้เป็นเรื่องของความสุขอย่างมาก ในความเป็นจริงการศึกษาทางโลก
ฯลฯ ทั้งหมดนั้นสูญสลาย
วิธีที่จะได้มาซึ่งการบรรลุผลที่ไม่สูญสลายมีเพียงความรู้นี้เท่านั้น
ลูกมีประสบการณ์กับสิ่งนี้ใช่ไหม? ดูสิลูกผู้รับใช้ได้รับโอกาสทองในละคร
อยู่ในมือของลูกเองที่จะก้าวไปข้างหน้าให้มากที่สุดเท่าที่ลูกต้องการด้วยโอกาสทองนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาสทองเช่นนี้
มีเพียงกำมือเดียวจากหลายๆล้านที่ได้รับสิ่งนี้และลูกได้รับแล้ว
ลูกมีความสุขมากขนาดนี้ไหม? ลูกมีสิ่งที่ไม่มีใครในโลกนี้มี
อยู่ในความสุขเช่นนั้นอย่างสม่ำเสมอด้วยตัวลูกเองและให้ความสุขนี้แก่ผู้อื่น
ลูกแต่ละคนจะทำให้ผู้อื่นก้าวไปข้างหน้ามากเท่าที่ลูกเองก้าวไปข้างหน้า
ลูกคือผู้ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่ผู้ที่มองไปรอบๆและหยุดนิ่ง
ขอให้มีเพียงพ่อและงานรับใช้เท่านั้นอยู่เบื้องหน้าลูกเสมอ
จากนั้นลูกจะดำเนินต่อไปเพื่อความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
เดินหน้าต่อไปเสมอในขณะที่พิจารณาตนเองว่าเป็นลูกผู้เป็นที่รักที่จากหายไปนานและเวลานี้ได้พานพบของพ่อ
บาบาพบกุมารีที่มีงานทำ:
1) เป้าหมายของลูกทุกคนนั้นสูงส่งใช่มั้ย?
ลูกไม่คิดว่าลูกจะเดินหน้าต่อไปทั้งสองด้านใช่ไหม?
เมื่อมีบ่วงพันธะบางอย่างแล้วการเคลื่อนไปทั้งสองด้านเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน
แต่สำหรับดวงวิญญาณที่เป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
การอยู่ทั้งสองด้านนั้นหมายถึงการห้อยต่องแต่ง สถานการณ์ของบางคนก็เป็นเช่นนั้น
ดังนั้นบัพดาดาจึงอนุญาตให้กับพวกเขา
อย่างไรก็ตามหากมันมีบ่วงพันธะของจิตใจนั่นก็คือการห้อยต่องแต่ง
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเท้าข้างหนึ่งอยู่ที่นี่และอีกข้างหนึ่งอยู่ที่นั่น?
หากลูกมีเท้าอยู่ในเรือลำหนึ่งและเท้าอีกข้างหนึ่งอยู่ในเรืออีกลำหนึ่งสภาวะของลูกจะเป็นเช่นไร?
ลูกจะเป็นทุกข์ใช่ไหม? ดังนั้นให้เท้าทั้งสองข้างอยู่ในเรือลำเดียวกัน
จงมีความกล้าหาญเสมอ เมื่อมีความกล้าหาญลูกก็จะสามารถข้ามผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
โปรดจำไว้เสมอว่าบาบาอยู่กับลูก ลูกไม่ได้อยู่คนเดียว
และแล้วลูกก็จะสามารถทำงานอะไรก็ได้ที่ลูกต้องการ
2) กุมารีมีบทบาทพิเศษในยุคบรรจบพบกัน
ลูกทำให้ตนเองเป็นผู้ที่มีบทบาทพิเศษเช่นนี้หรือไม่?
หรือว่าลูกธรรมดาแม้กระทั่งตอนนี้? คุณสมบัติพิเศษของลูกคืออะไร?
คุณสมบัติพิเศษของลูกคือการเป็นผู้รับใช้ ผู้ที่เป็นผู้รับใช้มีความพิเศษ
หากลูกไม่ใช่ผู้รับใช้ลูกก็เป็นคนธรรมดา ลูกตั้งเป้าหมายอะไรไว้?
ลูกจะได้รับโอกาสนี้ในยุคบรรจบพบกันเท่านั้น
หากลูกไม่ได้รับโอกาสนี้ในตอนนี้ลูกจะไม่ได้รับมันเลยตลอดทั้งวงจร
เพียงยุคบรรจบพบกันเท่านั้นที่มีพรพิเศษ ในขณะที่ศึกษาการศึกษาทางโลก
จงให้ความรักของลูกมีต่อการศึกษานี้ แล้วการศึกษานั้นจะไม่กลายเป็นอุปสรรค
ดังนั้นลูกทุกคนจะเดินหน้าต่อไปในขณะที่สร้างโชคของลูก
ยิ่งลูกมีความซาบซึ้งมากแค่ไหนลูกก็จะยิ่งกลายเป็นผู้เอาชนะมายาได้อย่างง่ายดามากเท่านั้น
นี่คือความซาบซึ้งทางจิต จงร้องเพลงของโชคชะตาของลูกอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ
และลูกจะไปถึงอาณาจักรของลูกในขณะที่ร้องเพลงนั้น
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ประทานและประทานโชค
ผู้ที่จบสิ้นความอ่อนแอทั้งหมดของลูกได้ด้วยการให้ทานความอ่อนแอเหล่านั้น
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา พวกเขามีระบบว่า เมื่อลูกขาดสิ่งใด
ลูกจะถูกขอให้ให้ทานสิ่งนั้น โดยการให้ทานสิ่งนั้น
รูปแบบของการให้นั้นจะกลายเป็นรูปแบบของการรับ
ดังนั้นเพื่อที่จะจบสิ้นความอ่อนแอใดๆ จงกลายเป็นผู้ประทานและประทานโชค
หากลูกกลายเป็นเครื่องมือในการให้สมบัติที่มีค่าของพ่ออย่างเป็นสิ่งค้ำจุนแก่ผู้อื่น
ความอ่อนแอก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ
ให้ซันสการ์ที่ทรงพลังของลูกของการเป็นผู้ประทานและประทานโชคปรากฏออกมาและซันสการ์ที่อ่อนแอจะจบสิ้นลงโดยอัตโนมัติ
คติพจน์:
จงเฝ้าแต่ร้องเพลงสรรเสริญโชคที่สูงส่งของลูก ไม่ใช่เพลงของความอ่อนแอ