29.03.20    Avyakt Bapdada     Thai Murli     16.12.85     Om Shanti     Madhuban


วิธีที่จะเป็นมือขวา


วันนี้บัพดาดากำลังมองดูแขนมากมายของท่าน 1. แขนเป็นฐานของการแสดงการกระทำในทางปฏิบัติเสมอ ทุกดวงวิญญาณมีการกระทำด้วยแขนของเขา 2. มีการกล่าวถึงแขนว่าเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือ ดวงวิญญาณที่ให้ความร่วมมือจะถูกเรียกว่ามือขวา ดังนั้นมือเป็นส่วนที่ต่อจากแขน 3. แขนถูกแสดงให้เห็นว่าเป็นพลัง (ชัคตี) และด้วยเหตุนี้เองผู้คนจึงพูดถึงบาฮูบาน (พลังทางกายภาพ-พลังของแขน) แขนยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆด้วยเช่นกัน 4. แขนซึ่งหมายถึงมือเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ด้วยเหตุนี้เมื่อผู้คนพบกันด้วยความรักพวกเขาจะจับมือกัน ลูกได้รับการบอกถึงคำจำกัดความพิเศษแรกของแขน นั่นคือพวกเขาเปิดเผยความคิดของลูกในการกระทำ ลูกทั้งหมดเป็นแขนของพ่อ ดังนั้นลูกแต่ละคนสามารถเห็นคุณสมบัติพิเศษทั้งสี่นี้ในตัวลูกหรือไม่? ลูกสามารถรู้ว่าตัวลูกเองเป็นแขนประเภทใดบนพื้นฐานของคุณสมบัติทั้งสี่นี้หรือไม่? ลูกทั้งหมดนั้นเป็นแขน แต่ลูกต้องตรวจสอบตนเองจากคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ว่าลูกเป็นมือขวาหรือมือซ้าย

สิ่งแรกก็คือลูกได้นำความคิดและคำพูดที่สูงส่งของพ่อไปสู่การกระทำนั่นคือในชีวิตในทางปฏิบัติของลูกมากแค่ไหน? การกระทำเป็นสิ่งที่ผู้คนสามารถมองเห็นได้ในทางปฏิบัติอย่างง่ายดายมาก ทุกคนสามารถมองเห็นและรับรู้ถึงการกระทำอย่างง่ายดาย ลูกสามารถสัมผัสบางสิ่งผ่านการกระทำ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพูดว่า: ทุกคนพูดสิ่งนี้ แต่จงแสดงให้เห็นด้วยการทำสิ่งนี้ในทางปฏิบัติ เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนั้นในการกระทำในทางปฏิบัติของลูก พวกเขาก็จะยอมรับว่าสิ่งที่ลูกพูดนั้นเป็นความจริง ดังนั้นพร้อมกับความคิดและคำพูด การกระทำก็ต้องเป็นเช่นนั้นที่จะทำให้ทุกสิ่งชัดเจนโดยเป็นตัวอย่างในทางปฏิบัติ ในทำนองเดียวกัน มือขวา แขนขวา ได้เปิดเผยพ่อผ่านทุกการกระทำของพวกเขาหรือไม่? คุณสมบัติพิเศษของมือขวาคือพวกเขาจะทำการกระทำที่สูงส่งและที่เป็นสิริมงคลเสมอ ความเร็วของการกระทำที่ทำด้วยมือขวานั้นเร็วกว่าการกระทำที่ทำด้วยมือซ้าย ดังนั้นจงตรวจสอบด้วยวิธีนี้ ลูกมีการกระทำที่สูงส่งและบริสุทธิ์ด้วยความเร็วที่รวดเร็วอยู่เสมอหรือไม่? ลูกเป็นมือขวาผู้ที่มีการกระทำที่สูงส่งหรือไม่? หากลูกไม่มีคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ ลูกก็เป็นมือซ้ายโดยอัตโนมัติ เพราะการกระทำที่สูงส่งที่สุดที่จะเป็นเครื่องมือในการเปิดเผยพ่อที่สูงส่งที่สุด ลูกเปิดเผยพ่อด้วยดริชตรีทางจิตวิญญาณของลูกและโดยการแสดงความสุขทางจิตวิญญาณบนใบหน้าของลูก นี่ก็เป็นการกระทำเช่นกัน ดังนั้นลูกเป็นผู้แสดงการกระทำที่สูงส่งเช่นนี้หรือไม่?

ในทำนองเดียวกัน แขนหมายถึงเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือ ดังนั้นจงตรวจสอบดูว่า ฉันให้ความร่วมมือกับงานของพ่อในทุกขณะหรือไม่? ฉันให้ความร่วมมือด้วยร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สมบัติของฉันอยู่เสมอหรือไม่? หรือฉันให้ความร่วมมือเพียงบางครั้งเท่านั้น? ในงานทางโลกเช่นกัน บางคนทำงานเต็มเวลา และบางคนทำงานพาร์ทไทม์ไม่เต็มเวลา มีความแตกต่างกัน จะมีความแตกต่างกันระหว่างผู้ที่ให้ความร่วมมือบางครั้งกับผู้ที่ให้ความร่วมมือตลอดเวลา บางคนให้ความร่วมมือเมื่อพวกเขามีเวลา เมื่อพวกเขามีความกระตือรือร้น หรือเมื่อพวกเขามีอารมณ์ มิฉะนั้นแทนที่จะเป็นความร่วมมือ พวกเขาจะเป็นผู้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงในโยคะอีกต่อไป (วิโยคี) ดังนั้นตรวจสอบดูว่า:ฉันได้ให้ความร่วมมืออย่างสมบูรณ์ในทั้งสามวิธีหรือไม่ นั่นคือด้วยร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สมบัติของฉัน หรือฉันให้ความร่วมมือเพียงครึ่งเดียว? ฉันใช้ร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สมบัติของฉันข้องเกี่ยวอยู่กับร่างกายของฉันและความสัมพันธ์ทางร่างของฉันมากกว่า หรือฉันใช้สิ่งเหล่านั้นในงานที่สูงส่งของพ่อ? เช่นเดียวกับที่มีครัวเรือนของความสัมพันธ์ทางร่างกาย ก็จะมีครัวเรือนของร่างกายที่ใหญ่โตของลูกเองเช่นกัน ลูกบางคนอยู่เหนือความสัมพันธ์ในครัวเรือน แต่พวกเขายังใช้เวลา ความคิด และเงินของพวกเขากับร่างกายของพวกเขามากกว่ากับงานของพระเจ้า ครัวเรือนของร่างกายของลูกนั้นก็เป็นสายใยที่ใหญ่เช่นกัน การจะอยู่เหนือสายใยนี้เรียกได้ว่าเป็นมือขวา เพียงแค่กลายเป็นบราห์มินเพื่อที่จะมีสิทธิ์ที่จะถูกเรียกว่าบราห์มากุมารหรือกุมารีนั้น ไม่เหมือนกับการให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามต้องอยู่เหนือทั้งสองครัวเรือนและมีความรักในงานของพ่อ มีรายละเอียดมากมายของการขยายตัวของครัวเรือนของทางร่าง บาบาจะชี้แจงสิ่งนี้ให้ชัดเจนในเวลาอื่น อย่างไรก็ตามจงตรวจสอบตัวเองเพื่อดูว่า ลูกเป็นผู้ที่ให้ความร่วมมือในระดับใดและมากแค่ไหน

ประการที่สาม แขนเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความรักหมายถึงการพบกัน เช่นเดียวกับเมื่อลูกพบกับมนุษย์ที่มีชีวิตลูกก็จับมือกันเช่นเดียวกันสัญลักษณ์ของผู้ที่เป็นมือขวาหรือแขนขวาก็คือ ความคิด คำพูด และซันสการ์ของพวกเขานั้นจะอยู่อย่างสอดคล้องปองดองกัน ความคิดของพ่อจะเป็นความคิดของผู้ที่เป็นมือขวา พ่อไม่มีความคิดที่ไร้สาระ สิ่งบ่งบอกของสิ่งนี้คือการมีความคิดที่มีพลังเสมอ คำพูดของพ่อให้ความสุขเสมอ เป็นคำพูดที่อ่อนหวานเสมอ เป็นคำพูดที่สูงส่งเสมอ ไม่ใช่ถ้อยคำที่ธรรมดา คำพูดเหล่านั้นมักจะมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ความรู้สึกของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณเสมอ ไม่ใช่คำพูดที่มีความรู้สึกที่หยาบ สิ่งนี้เรียกว่าความรัก นั่นคือการพบกัน ในทำนองเดียวกันมีความสอดคล้องของซันสการ์ ซันสการ์ของพ่อคือซันสการ์ของความใจกว้าง การให้คุณประโยชน์ การไม่เห็นแก่ตัว ในความเป็นจริงมีการขยายตัวมากมายของสิ่งนี้ แต่ในสาระสำคัญซันสการ์ของพ่อจะเป็นซันสการ์ของผู้ที่เป็นมือขวา การที่จะเท่าเทียมกันในลักษณะนี้หมายถึงการมีความรัก ดังนั้นจงตรวจสอบตนเอง: ฉันเป็นสิ่งนี้มากแค่ไหน?

ประการที่สี่ แขนหมายถึงพลัง ตรวจสอบดูว่าลูกมีพลังมากแค่ไหน? ความคิด ดริชตรี และทัศนคติของลูกมีพลังมากแค่ไหน? สิ่งชี้บอกของผู้ที่มีความคิด สายตา ทัศนคติที่ทรงพลังคือ เพราะสิ่งเหล่านั้นทรงพลังพวกเขาจึงสามารถเปลี่ยนแปลงใครก็ได้ พวกเขาทำให้โลกสูงส่งด้วยความคิดของพวกเขา พวกเขาเปลี่ยนแปลงบรรยากาศด้วยทัศนคติของพวกเขา พวกเขาให้ประสบการณ์ของดวงวิญญาณที่ปราศจากร่างด้วยดริชตรีของพวกเขา ดังนั้นลูกเป็นแขนที่มีพลังเช่นนั้นหรือไม่? หรือลูกอ่อนแอ? ถ้ามีความอ่อนแอใดๆ ลูกก็จะเป็นมือซ้าย ขณะนี้ลูกเข้าใจหรือไม่ว่าใครจะถูกเรียกว่ามือขวา? ลูกทั้งหมดเป็นแขน แต่ลูกเป็นแขนไหน? จงรู้จักตัวเองผ่านคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ หากใครบอกลูกว่าลูกไม่ใช่มือขวา ลูกจะพยายามพิสูจน์ว่าลูกเป็นเช่นนั้นและมีความดื้อดึงเกี่ยวกับสิ่งนั้นเช่นกัน แต่ลูกต้องรู้จักตัวเองอย่างที่ลูกเป็น เพราะขณะนี้ยังคงเหลือเวลาอีกเล็กน้อยที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่าได้ไม่ระมัดระวังและคิดว่าลูกนั้นดีแล้ว สำนึกของลูกจะกัดกร่อน แต่ความหยิ่งยโสและความไม่ระมัดระวังจะไม่ปล่อยให้ลูกนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไปข้างหน้า ดังนั้นจงเป็นอิสระจากสิ่งนั้น ตรวจสอบตัวเองอย่างถูกต้อง การให้คณประโยชน์กับตัวเองนั้นหลอมรวมอยู่ในสิ่งนี้ ลูกเข้าใจหรือไม่? อัจชะ

ถึงผู้ที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ตัวเองอย่างต่อเนื่องและผู้ที่รักษาความคิดของตัวตนดั้งเดิม ถึงผู้ที่ตรวจสอบคุณสมบัติพิเศษทั้งหมดในตัวเองอย่างสม่ำเสมอและกลับมาเพียบพร้อม ถึงผู้ที่อยู่เหนือทั้งสองครัวเรือน ถึงผู้ที่อยู่อย่างมีความรักต่อพ่อและงานของท่าน ถึงผู้ที่อยู่อย่างเป็นอิสระจากความหยิ่งยโสและจากความไม่ระมัดระวังเสมอ ถึงผู้ที่เพียรพยายามอย่างจริงจัง ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งเช่นนั้น ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง และนมัสเตจากบัพดาดา

บัพดาดาพบกลุ่มต่างๆ

1. ลูกมีประสบการณ์ว่าตัวเองเป็นผู้ที่ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองอยู่เสมอหรือไม่? กงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองจะจบสิ้นการปั่นป่วนของมายาหลายประเภท มีการปั่นป่วนของมายาหลายประเภท และพ่อได้ปลดปล่อยลูกจากความปั่นป่วนนั้นและทำให้ลูกได้รับชัยชนะ มายาไม่สามารถอยู่เบื้องหน้ากงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองได้ ลูกมีประสบการณ์นี้หรือไม่? ทุกวันบัพดาดาให้ความรักและการจดจำระลึกถึงแก่ลูกด้วยสมญานี้ ดังนั้นจงอยู่อย่างมีพลังด้วยอย่างสม่ำเสมอด้วยสำนึกรู้นี้ รักษาสายตาของตนเองไว้แล้วลูกจะมีพลังเสมอ จดจำว่าลูกเคยเป็นและเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งของทุกวงจร และลูกเป็นผู้ที่เอาชนะมายาแล้ว เก็บความรู้นี้ไว้ในสำนึกรู้ของลูกและรักษาความสุขของสิ่งนั้นไว้เสมอ ความสุขทำให้ลูกลืมความทุกข์หลายประเภท โลกนี้อยู่ในดินแดนแห่งความทุกข์ ในขณะที่ลูกทั้งหมดอยู่ในยุคบรรจบพบกัน ดังนั้นสิ่งนี้ถือว่าเป็นโชคเช่นกัน

2. ลูกคือผู้ที่ทำให้ตนเองบริสุทธิ์อยู่เสมอด้วยพลังของความบริสุทธิ์และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นกลับมาบริสุทธิ์ด้วยเช่นกันใช่ไหม? ลูกจะต้องเปิดเผยให้โลกเห็นถึงคุณสมบัติของการเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ในขณะที่อาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูก ลูกกลายเป็นดวงวิญญาณที่ความกล้าหาญเช่นนั้นหรือไม่? ด้วยการตระหนักถึงการเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ จงทำให้ตัวลูกเองเป็นผู้ใหญ่และแสดงให้เห็นตัวอย่างนี้ในทางปฏิบัติต่อโลกด้วย ลูกเป็นดวงวิญญาณประเภทใด? ลูกคือดวงวิญญาณที่เป็นเครื่องมือที่จะแสดงให้เห็นว่าจะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เกิดขึ้น ผู้ที่กระจายพลังของความบริสุทธิ์ เก็บสิ่งนี้ไว้ในสำนึกรู้ของลูกเสมอ

3. ลูกกุมารคิดว่าตนเป็นผู้ที่เอาชนะมายาอยู่เสมอหรือไม่? ลูกไม่ใช่ผู้ที่พ่ายแพ้ต่อมายา แต่เป็นผู้ที่ทำให้มายายอมรับการพ่ายแพ้เสมอ ลูกเป็นดวงวิญญาณที่ทรงพลังและกล้าหาญเช่นนั้นใช่ไหม? มายาหวาดกลัวผู้ที่มีความกล้าหาญ มายาไม่สามารถมีความกล้าหาญเบื้องหน้าผู้ที่มีความกล้าหาญ เมื่อมายาเห็นความอ่อนแอบางอย่างที่เธอจะเข้ามา การมีความกล้าหาญหมายถึงการเป็นผู้เอาชนะมายาเสมอ มายาไม่สามารถจะมาได้ ลูกคือผู้ที่ให้คำท้ายทายนี้ใช่ไหม? ลูกทุกคนคือผู้ที่เคลื่อนไปข้างหน้าใช่ไหม? ลูกทั้งหมดคือผู้ที่พิจารณาว่าตนเองเป็นเครื่องมือสำหรับงานรับใช้ นั่นคือลูกพิจารณาตัวเองว่าเป็นผู้ให้คุณประโยชน์โลกและเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยสำนึกรู้นี้หรือไม่? ผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกจะอยู่อย่างไม่มีขีดจำกัด พวกเขาไม่เข้ามาสู่ความมีขีดจำกัด การเข้ามาสู่ความมีขีดจำกัด หมายถึงไม่ใช่ผู้รับใช้ที่แท้จริง การอยู่อย่างไม่มีขีดจำกัดหมายถึง: พ่อเป็นเช่นไร ลูกก็เป็นเช่นนั้น ลูกคือกุมารที่สูงส่งที่ทำตามพ่อ รักษาสำนึกรู้นี้ไว้เสมอ เช่นเดียวกับที่พ่อนั้นสมบูรณ์พร้อมและไม่มีขีดจำกัด ในทำนองเดียวกันจงกลับมาสมบูรณ์พร้อมเหมือนพ่อและอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเสมอ ด้วยการมีสำนึกรู้นี้ความไร้สาระทั้งหมดจะจบสิ้นลงและลูกจะมีด้วยพลัง

คำถามและคำตอบจากอะแวกเมอลี

คำถาม:
คุณธรรมพิเศษอะไรที่เปิดเผยสภาพที่สมบูรณ์พร้อม? เมื่อดวงวิญญาณมาถึงสภาพของความสมบูรณ์พร้อมของเขา ความทรงจำในการกระทำของเขาจะเป็นอย่างไร?

คำตอบ:
ความมีจิตใจที่มั่นคงใน การสรรเสริญและการประณาม ชัยชนะและความพ่ายแพ้ ความสุขและความทุกข์: การมีจิตใจที่มั่นคงในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นที่รู้จักกันในชื่อของสภาพแห่งความสมบูรณ์พร้อม แม้กระทั่งในความทุกข์ แทนที่จะมองเห็นร่องรอยของความทุกข์บนใบหน้าของลูกหรือบนหน้าผากของลูก กลับปรากฏให้เห็นคลื่นของความสุขและความร่าเริง เมื่อไม่มีความแตกต่างแม้แต่เล็กน้อยในสายตาและทัศนคติของลูกต่อคนที่ประณามลูก ก็จะมีสายตาที่เมตตากรุณาและมีทัศนคติของความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกสำหรับผู้อื่นอยู่เสมอ นี่คือการมีจิตใจที่มั่นคง

คำถาม:
วิธีใดที่จะมีความปิติสุขสำหรับตัวเองและรับความปิติสุขจากบัพดาดา?

คำตอบ:
เมื่อความสมดุลของลูกถูกต้องแม่นยำเสมอ ลูกจะได้รับความปิติสุขจากบัพดาดา ในขณะที่ฟังคำสรรเสริญของลูก ลูกไม่รู้สึกซาบซึ้งกับคำสรรเสริญนั้น และในขณะที่ฟังคำประณามลูกก็ไม่มีความรู้สึกไม่ชอบ เมื่อความสมดุลของลูกในทั้งสองสภาพนั้นดี ก็เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ และลูกจะรู้สึกพอใจกับตัวเอง

คำถาม:
ลูกอยู่ในหนทางของครอบครัว และดังนั้นลูกจำเป็นต้องมีความสมดุลใดของสองสิ่งที่คู่กัน?

คำตอบ:
เช่นเดียวกับที่ดวงวิญญาณและร่างกายเป็นสองสิ่ง ดังนั้นพ่อและดาดาจึงเป็นสองสิ่ง โลกได้รับการเปลี่ยนแปลงผ่านการดำเนินงานโดยท่านทั้งสอง ในทำนองเดียวกันจงรักษาความสมดุลของทั้งสองสิ่งและลูกจะสามารถได้มาซึ่งการบรรลุผลที่สูงส่ง 1) ความรักและการละวาง 2) การสรรเสริญและการประณาม 3) ความรักและพลัง 4) ธรรมะและกรรม 5) อยู่ในความสันโดษและความสนุกสนาน 6) ความเป็นผู้ใหญ่ด้วยความจริงจังและมีความสอดคล้องปรองดอง เมื่อมีความสมดุลในทุกประเภทของความสมดุลเหล่านี้ ลูกจะสามารถเข้าใกล้สภาพของความสมบูรณ์พร้อม อย่าให้เป็นอย่างนั้นที่คุณสมบัติหนึ่งหลอมรวม และอีกคุณสมบัติหนึ่งปรากฏออกมา สิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบใด ๆ

คำถาม:
ลูกต้องมีความเสมอภาคในด้านใดและไม่ต้องมีความเท่าเทียมกันในด้านใด?

คำตอบ:
ให้มีความเสมอภาคในความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ในเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับที่กรรมของลูกนั้นสูงส่ง ในทำนองเดียวกันให้ดาห์น่าของลูกสูงส่งเช่นกัน ดาห์น่าของลูกไม่ทำให้กรรมของลูกหลอมรวม เมื่อทั้งธรรมและกรรมของลูกเท่าเทียมกันในความยิ่งใหญ่ของพวกเขา ลูกจะถูกกล่าวว่าเป็นธรรมะอาตมา (ดวงวิญญาณที่ถูกตามตามศีลธรรม) ดังนั้นถามตัวเองว่า: ฉันกลายเป็นธรรมะอาตมาเช่นนั้นหรือไม่? ฉันกลายเป็นคาร์มาโยคีเช่นนั้นหรือไม่? ฉันมีความปิติสุขไหม?

คำถาม:
อะไรคือสาเหตุของความปั่นป่วนในสติปัญญาของลูก?

คำตอบ:
เหตุผลคือขาดความสมบูรณ์ เมื่อบางสิ่งบางอย่างเต็มก็จะไม่มีการขึ้นลงใดๆ ดังนั้นเพื่อช่วยตัวเองให้พ้นจากความปั่นป่วนในรูปแบบใด ๆ จงอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเสมอและลูกจะสมบูรณ์ เมื่อสิ่งใดเต็มมันจะดึงดูดโดยอัตโนมัติ ความเต็มเปี่ยมมีพลังในการสร้างความประทับใจ ดังนั้นเท่าที่ลูกเต็มเปี่ยม ดวงวิญญาณทั้งหมดจะถูกดึงดูดโดยอัตโนมัติ

คำถาม:
สภาพที่ละเอียดอ่อนของจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณคืออะไร?

คำตอบ:
เมื่อคนที่มีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณได้รับสัญญาณในสถานการณ์ใด ๆ เขาจะหลอมรวมสัญญาณนั้นเข้ากับตัวเองและรองรับสัญญาณนั้นสำหรับทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยพิจารณาว่าเป็นวิธีการของความก้าวหน้า แม้กระทั่งในรูปที่ละเอียดอ่อน ความปั่นป่วนของ “อะไร” และ “อย่างไร?" จะไม่เกิดขึ้นในสายตาหรือทัศนคติของเขา เช่นเดียวกับเมื่อฟังการสรรเสริญ ก็จะมีความรู้สึกของความรักที่มีต่อดวงวิญญาณนั้น ในทำนองเดียวกันแม้กระทั่งเมื่อใครบางคนกำลังสอนหรือส่งสัญญาณบางอย่าง ให้มีความรู้สึกของความรักและความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกด้วยเช่นกัน

พร:
ขอให้ลูกได้รับประสบการณ์ในรูปรวมเสมอและอยู่ในสภาพของความสุขและความเพลิดเพลินตลอดเวลาสม่ำเสมอ

บัพดาดาบอกลูก ๆ เสมอว่า: ลูกๆ เดินด้วยมือของลูกในมือของพ่อ อย่าเดินคนเดียว โดยการเดินคนเดียวบางครั้งลูกอาจรู้สึกเบื่อและบางครั้งสายตาของใครบางคนอาจจะมองมาที่ลูก จงสัมผัสกับรูปที่รวมกับพ่ออย่างต่อเนื่องและสายตาของมายาจะไม่มองมาที่ลูก เนื่องจากการสัมผัสกับความเป็นมิตรร่วมทางของท่าน ลูกจะเฝ้าแต่รับประทานด้วยความสุขและความเพลิดเพลินและลูกจะยังคงเดินหน้าต่อไปในขณะที่เฉลิมฉลองด้วยความยินดี ลูกจะได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยจากความสัมพันธ์ที่อาจทำให้ลูกติดกับจากการหลอกลวงและความทุกข์ได้

คติพจน์:
สวมชุดเกราะของโยคะเสมอและลูกจะไม่ถูกโจมตีจากมายาศัตรู