30.06.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
19.12.84 Om Shanti Madhuban
หนทางที่สูงส่ง
ที่ง่ายดาย และชัดเจนที่สุด
วันนี้บัพดาดากำลังเห็นมิตรร่วมทางอันเป็นที่รักของท่านเป็นพิเศษที่เติมเต็มความรับผิดชอบในการเป็นมิตรอยู่เสมอ
มิตรร่วมทางหมายถึงใครบางคนที่อยู่กับลูกเสมอและเป็นผู้ที่เติมเต็มความรับผิดชอบของมิตรภาพในทุกการกระทำและความคิด,
ใครบางคนที่ก้าวไปข้างหน้าโดยวางแต่ละรอยเท้าในทุกย่างก้าว
ใครบางคนที่ไม่ได้วางแม้แต่ย่างก้าวเดียวตามการกำหนดของจิตใจของตนเองหรือการกำหนดของผู้อื่น
ผู้ที่เติมเต็มความรับผิดชอบความเป็นมิตรอย่างสม่ำเสมอจะสัมผัสว่านี่เป็นหนทางที่ง่ายดาย
เพราะพ่อผู้เป็นมิตรที่สูงส่งทำให้หนทางนี้ชัดเจนและสะอาดโดยก้าวไปตามหนทางนี้
ลูกเพียงแค่ต้องก้าวหน้าต่อไปโดยวางรอยเท้าของลูกไว้ในรอยเท้าของพ่อ
ไม่จำเป็นต้องคิดแม้แต่น้อยว่าหนทางนั้นจะถูกต้องง่ายดายหรือชัดเจนหรือไม่
ที่ใดที่พ่อได้วางรอยเท้าของท่านไว้ก็จะเป็นหนทางที่สูงส่งอยู่แล้ว
เพียงแค่ย่างก้าวไปตามนั้นและประกาศสิทธิ์หลานล้านเท่าในทุกย่างก้าว
นี่เป็นสิ่งที่ง่ายมาก
พ่อจุติอวตารลงมาในโลกที่มีตัวตนและกลายเป็นมิตรของลูกเพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบของความเป็นมิตรและวางเท้าของการกระทำของท่านโดยผ่านสื่อกลางที่มีตัวตนเพื่อแสดงให้ลูกเห็น
ท่านทำให้ผู้ที่มีตัวตนเป็นสื่อกลางของท่านเพื่อทำให้สิ่งนี้ง่ายดายสำหรับลูก
เป็นสิ่งที่ง่ายดายที่จะทำตามและวางรอยเท้าของลูกไว้ในรอยเท้าของพ่อในรูปที่มีตัวตนใช่ไหม?
มิตรที่สูงส่งได้แสดงหนทางที่ง่ายดายเช่นนั้นให้กับมิตรที่สูงส่งของท่าน
เพราะพ่อผู้เป็นมิตรร่วมทางรู้ว่าผู้ที่ท่านทำให้เป็นมิตรของท่านได้เร่ร่อนไปทั่วเป็นอย่างมากและกลับมาเหนื่อยล้า
พวกเขามีความท้อแท้และอ่อนแอ พวกเขารู้สึกท้อแท้โดยคิดว่ามันยาก
เหตุนี้เองนี่จึงเป็นสิ่งที่ง่ายดายที่สุด
เพียงแค่วางแต่ละย่างก้าวของลูกในรอยเท้าของพ่อ
บาบาได้แสดงการวิธีที่ง่ายดายนี้ให้กับลูก
เป็นหน้าที่ของลูกที่จะวางรอยเท้าของลูกไว้ในรอยเท้าของท่าน เพื่อทำให้ลูกเคลื่อนไป
เพื่อทำให้ลูกข้ามฟากไป
การเติมพลังให้กับลูกในทุกย่างก้าวและการขจัดความเหนื่อยล้าของลูกเป็นหน้าที่ของมิตรร่วมทางของลูก
อย่าได้วางรอยเท้าของลูกไว้ที่อื่น
เพียงแค่วางแต่ละย่างก้าวของลูกในรอยเท้าของพ่อไม่ใช่สิ่งที่ยากใช่ไหม?
การวางรอยเท้าของลูกหมายถึงการมีความคิด ไม่ว่ามิตรร่วมทางจะบอกอะไร
ไม่ว่ามิตรร่วมทางจะทำให้ลูกเคลื่อนไปอย่างไร ลูกจะเคลื่อนไปในวิธีนั้น
ลูกจะไม่ใช้หัวของลูกเอง การใช้หัวของลูกเองหมายถึงการร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์
ดังนั้นลูกรู้วิธีที่จะวางเท้าของลูกในลักษณะนี้แล้วใช่ไหม? สิ่งนี้ยากไหม?
ผู้ที่มีความรับผิดชอบทุกสิ่งก็จะรับผิดชอบ
ดังนั้นลูกไม่รู้วิธีที่จะมอบความรับผิดชอบใด ๆให้กับท่านหรือ?
ในเมื่อท่านได้ทำให้ผู้ที่เป็นสื่อกลางที่มีตัวตนเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงหนทางแก่ลูกแล้วทำไมจึงยากที่จะทำตามหนทางนี้เล่า?
วิธีที่ง่ายดายคือวิธีของเพียงแค่หนึ่งวินาที
สิ่งที่พ่อบราห์มาทำในรูปที่มีตัวตนและวิธีการที่ท่านทำคือทุกสิ่งที่ลูกต้องทำ
ลูกเพียงแค่ต้องทำตามพ่อเท่านั้น
ตรวจสอบว่าทุกความคิดนั้นถูกต้องหรือไม่
ความคิดของฉันเหมือนกับความคิดของพ่อหรือไม่? ลูกไม่รู้วิธีของการลอกเลียนแบบหรือ?
ผู้คนในโลกหยุดลูกจากการลอกเลียนแบบในขณะที่ที่นี่ลูกเพียงแค่ต้องลอกเลียนแบบ
ดังนั้นสิ่งนี้ง่ายหรือยาก? เมื่อลูกพบหนทางที่ง่ายดาย,ที่เรียบง่ายและชัดเจนก็เพียงแค่ทำตามหนทางนั้น
ทำไมลูกไปสู่หนทางอื่น? หนทางอื่นเป็นหนทางของความคิดที่ไร้ประโยชน์
เหล่านั้นเป็นหนทางของความคิดที่อ่อนแอ
เป็นหนทางของความคิดที่แตกต่างกันของแรงดึงดูดของยุคเหล็ก
เมื่อทำตามหนทางเหล่านั้นลูกจะจบสิ้นลงในป่าแห่งความสับสน
และเนื่องจากมีหนามมากมายอยู่รอบๆตัวลูก
ลูกจึงไม่สามารถออกมาจากหนามนั้นได้ในขณะที่ลูกพยายาม หนามเหล่านั้นคืออะไร?
บางครั้งลูกก็ถูกทิ่มแทงด้วยหนามของ “จะเกิดอะไรขึ้น?”
บางครั้งลูกถูกแทงด้วยหนามของ “ทำไม?” บางครั้งลูกถูกทิ่มแทงด้วยหนามของ“ อย่างไร”
บางครั้งลูกถูกทิ่มแทงด้วยหนามของซันสการ์ที่อ่อนแอของลูกเอง
ทุกที่ที่ลูกมองไปลูกเห็นแต่หนามเท่านั้น แล้วลูกก็ร้องออกมาว่า
มิตรร่วมทางโปรดมาช่วยฉันในเวลานี้ด้วย แล้วมิตรก็พูดว่า
แทนที่จะวางแต่ละย่างก้าวของลูกในรอยเท้าของพ่อ ทำไมลูกไปสู่หนทางอื่น?
ในเมื่อมิตรร่วมทางเองกำลังหยิบยื่นความเป็นมิตรของท่านกับลูก
แล้วทำไมลูกจึงทิ้งมิตรนั้น? การก้าวออกไปหมายถึงการละทิ้งการค้ำจุนของลูก
ทำไมลูกถึงออกไปด้วยตนเอง? เพราะแรงดึงดูดของมิตรที่มีขีดจำกัด
ของความสัมพันธ์บางอย่าง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง
จึงดึงดูดลูกเข้าไปหาสิ่งนั้น
และเนื่องจากแรงดึงดูดนั้นลูกจึงทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกนั้นหรือความสัมพันธ์ที่สูญสลายเป็นมิตรของลูกหรือเป็นสิ่งค้ำจุนของลูก
แล้วลูกก็ก้าวออกไปจากมิตรร่วมทางที่คงอยู่ตลอดไปและการค้ำจุนของลูกก็สูญสิ้น
เป็นเวลาครึ่งวงจรที่ลูกพิจารณาว่าสิ่งค้ำจุนที่มีขีดจำกัดเหล่านั้นเป็นสิ่งค้ำจุนของลูก
ลูกมีประสบการณ์แล้วว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องค้ำจุนที่แท้จริงหรือไม่หรือเป็นทรายดูด
สิ่งเหล่านั้นดักลูกหรือทำให้ลูกล้มลงหรือทำให้ลูกไปถึงปลายทางของลูกหรือไม่?
ลูกมีประสบการณ์ที่ชัดเจนอย่างมากมาแล้วใช่ไหม?
ลูกไม่ได้มีประสบการณ์เหล่านั้นเพียงแค่ชาติเกิดเดียว
แต่ลูกมีประสบการณ์เหล่านั้นถึง 63 ชาติเกิด
ลูกยังต้องการอีกหนึ่งหรือสองชาติเกิดหรือไม่?
ผู้ที่ถูกหลอกลวงหนึ่งครั้งไม่ควรจะถูกหลอกลวงเป็นครั้งที่สอง
ผู้ที่ถูกหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากล่าวได้ว่าโชคร้าย
เวลานี้ผู้ประทานโชคและพ่อบราห์มาเองได้วาดเส้นโชคที่สูงส่งที่ยาวในดวงชะตาของบราห์มินทั้งหมด
ผู้ประทานโชคได้สร้างโชคของลูก เพราะผู้ประทานโชคเป็นพ่อของลูก
ท่านให้มรดกของคลังสมบัติที่มีค่าอย่างเต็มที่แก่ลูกบราห์มินทั้งหมด
ดังนั้นลองคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้:
จะมีสิ่งใดขาดหายไปสำหรับผู้ที่เป็นลูกของพระเจ้าแห่งสมบัติที่มีค่าแห่งโชคหรือไม่?
ลูกไม่จำเป็นต้องคิดว่า "โชคของฉันคืออะไร"
เพราะผู้ประทานโชคได้กลายเป็นพ่อของลูกแล้วลูกจะขาดอะไรในแง่ของสมบัติแห่งโชคหรือไม่?
ลูกได้กลายเป็นนายของสมบัติแห่งโชคแล้วใช่ไหม? ผู้ที่โชคดีมากจะไม่มีวันถูกหลอกลวง
ดังนั้นวิธีที่ง่ายดายคือการวางแต่ละย่างก้าวของลูกไว้ในรอยเท้าของพ่อ
ลูกสับสนในตนเองและปล่อยความเป็นมิตรของมิตรร่วมทางของลูกไป
เพียงจดจำสิ่งหนึ่งนี้อย่างสม่ำเสมอ: ฉันอยู่ในความเป็นมิตรของมิตรร่วมทางที่สูงส่ง
ตรวจสอบสิ่งนี้และลูกจะอยู่อย่างพอใจกับตนเองอยู่เสมอ
ลูกเข้าใจวิธีที่ง่ายดายหรือไม่? อย่าทำให้สิ่งที่ง่ายเป็นสิ่งที่ยาก
อย่าได้สัมผัสว่าอะไรก็เป็นเรื่องยากแม้กระทั่งในความคิดของลูก
ลูกรู้วิธีที่จะมีความคิดที่มุ่งมั่นเช่นนั้นใช่ไหม?
หรือเมื่อลูกกลับไปยังสถานที่ของลูกแล้วลูกจะพูดว่านั่นเป็นสิ่งที่ยากไหม?
บัพดาดาเห็นว่าแม้ว่าลูกจะถูกเรียกว่าโยคีที่ง่ายดาย แต่ลูกก็รู้สึกว่ามันยาก
ลูกพิจารณาว่าตัวลูกเองเป็นผู้ที่มีสิทธิ์แต่ลูกยังกลับมาพึ่งพิง
ลูกเป็นลูกของผู้ประทานโชค และลูกถามว่าลูกมีโชคหรือไม่ “บางทีโชคของฉันอาจจะมีมากเท่านี้!”
ดังนั้นจงรู้จักตนเองและก้าวไปข้างหน้าโดยพิจารณาว่าตนเองเป็นมิตรร่วมทางอยู่เสมอในทุกขณะ
อัจชะ
ถึงผู้ที่วางแต่ละย่างก้าวของเขาในรอยเท้าของพ่อในทุกย่างก้าว ถึงผู้ที่ทำตามพ่อ
ถึงผู้ที่มีประสบการณ์กับความเป็นมิตรของมิตรร่วมทางในทุกความคิด
ถึงผู้ที่เติมเต็มความรับผิดของของความรักและเป็นของมิตรร่วมทางผู้เดียวอยู่เสมอและไม่มีใครอื่นเลย
ถึงผู้ที่เป็นโยคีที่ง่ายดาย ถึงดวงวิญญาณพิเศษที่มีโชคที่สูงส่ง ด้วยความรัก
ระลึกถึง และนมัสเต จาก บัพดาดา
อะแวคบัพดาดาพบกุมารีเป็นการส่วนตัว:
1) กุมารี
เป็นผู้ที่ทำสิ่งมหัศจรรย์ ลูกไม่ใช่กุมารีธรรมดา ลูกเป็นกุมารีทางจิต
กุมารีทางโลกของโลกนี้ทำอะไร และลูกกุมารีทางจิตทำอะไร?
มีความแตกต่างของกลางวันและกลางคืน
พวกเขาอยู่ในจิตสำนึกที่เป็นร่างและทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในจิตสำนึกที่เป็นร่าง
ในขณะที่ลูกอยู่อย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอและโบยบินและทำให้ผู้อื่นโบยบิน
ลูกเป็นกุมารีเช่นนั้นใช่ไหม?
เมื่อลูกได้พบพ่อลูกมีความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพ่อผู้เดียว
ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแต่ในนาม แต่เวลานี้เป็นจริงในทางปฏิบัติ
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเช่นกันลูกเคยร้องเพลงว่า
เรามีความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพ่อ
อย่างไรก็ตามเวลานี้ลูกได้รับความหวานชื่นจากการมีความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพ่อในทางปฏิบัติ
ลูกเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เช่นนั้นใช่ไหม?
เมื่อลูกได้รับความหวานชื่นจากพ่อผู้เดียว ความคิดของลูกก็ไม่สามารถไปที่อื่นได้
ผู้ที่เป็นเพชรพลอยแห่งชัยชนะที่สติปัญญามีศรัทธาเช่นนั้นจะได้รับการจดจำและกราบไหว้บูชาอยู่เสมอ
ลูกตระหนักหรือไม่ว่าลูกคือดวงวิญญาณที่มีชัยชนะที่ลูกเป็นดวงวิญญาณที่มีติลักของการจดจำระลึกถึงอยู่เสมอ
สิ่งมหัศจรรย์ที่ลูกกุมารีจะทำคืออะไร?
ลูกจะเปิดเผยพ่อตลอดเวลาผ่านทุกการกระทำของลูก
ให้ปรากฏให้เห็นพ่อในทุกการกระทำของลูก
แม้กระทั่งให้คำพูดที่ลูกพูดเป็นเช่นนั้นที่จะเห็นพ่อได้ในพวกเขา
คนบางคนในโลกพูดได้ดีมาก แล้วทุกคนก็สงสัยว่าใครสอนบุคคลนั้น
สายตาของพวกเขาก็ตรงไปที่บุคคลนั้น
ในทำนองเดียวกันให้พ่อได้รับการเปิดเผยในทุกการกระทำของลูก
คุณสมบัติพิเศษของลูกคือการเป็นตัวของดาร์น่า, เป็นตัวของความสูงส่ง
ทุกคนกลายเป็นผู้ให้คำบรรยาย
แต่มีเพียงหนึ่งกำมือที่มาจากหลายๆล้านเท่านั้นที่กลายเป็นผู้ให้คำบรรยายผ่านทุกการกระทำของพวกเขา
ดังนั้นลูกจะเปิดเผยคุณสมบัติพิเศษเช่นนั้นหรือไม่?
แสดงภาพลักษณ์ของพ่อผ่านกิจกรรมของลูก อัจชะ
2) นี่คือกุมารีกลุ่มใหญ่ กองทัพกำลังเตรียมพร้อม ผู้คนเหล่านั้นทำ “ซ้ายขวา”
และลูกทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ กองทัพนี้สูงส่งมาก ลูกได้รับชัยชนะด้วยความสงบ
ลูกได้รับอำนาจในการปกครองตนเองผ่านความสงบ ลูกไม่จำเป็นต้องสร้างความปั่นป่วนใดๆ
ดังนั้นลูกชักตีของกองทัพชักตีที่แข็งแกร่งมาก ลูกไม่ใช่ผู้ที่จะออกจากกองทัพ
ไม่มีใครสามารถทำให้ลูกสั่นคลอนได้แม้ในความฝันของลูก
ลูกไม่ใช่ผู้ที่ได้รับอิทธิพลจากมิตรของใครเลย
ผู้ที่อยู่ในความเป็นมิตรของพ่ออย่างสม่ำเสมอไม่สามารถได้รับอิทธิพลจากมิตรอื่นใด
ดังนั้นลูกทั้งกลุ่มเป็นกลุ่มที่กล้าหาญใช่ไหม? ผู้ที่กล้าหาญทำอะไร
พวกเขาไปสู่สนามรบ ดังนั้นลูกทุกคนมีความกล้า แต่ลูกก็ยังไม่ได้ลงสนามเลย
เมื่อผู้ที่กล้าหาญไปสู่สนามรบ
ลูกต้องเห็นว่าวงดนตรีเล่นอย่างไรเมื่อผู้ที่กล้าหาญแสดงความกล้าหาญเช่นนั้น
เมื่อลูกไปสู่สนาม วงดนตรีแห่งความสุขก็จะเล่น กุมารีมีโชคที่สูงส่งเสมอ
กุมารีมีโอกาสที่ดีมากสำหรับงานรับใช้ จะมีโอกาสมากขึ้นเช่นกัน
เนื่องจากมีงานรับใช้มากมายที่ต้องทำและมีผู้รับใช้เพียงไม่กี่คน
เมื่อลูกผู้รับใช้ออกไปทำงานรับใช้ จะทำงานรับใช้ได้มากแค่ไหน!
เราจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่กุมารีทำ ทุกคนทำงานธรรมดา แต่ลูกต้องทำงานพิเศษ
กุมารีเป็นเครื่องประดับของบ้าน ไม่ว่าพวกเขาจะคิดว่ากุมารีเป็นอะไรในโลก
กุมารีในบ้านที่เหนือโลกก็ถือว่ายิ่งใหญ่ มีความงามในศูนย์เมื่อมีกุมารีอยู่ที่นั่น
มีลิฟต์พิเศษสำหรับผู้เป็นแม่เช่นกัน สิ่งแรกคือแม่ผู้เป็นกูรู
พ่อได้วางแม่ผู้เป็นกูรูไว้ข้างหน้าและเหตุนี้เองในอนาคตชื่อของแม่ (ผู้หญิง)
จึงเป็นอันดับแรก อัจชะ
บัพดาดาพบครู:
ครูหมายถึงผู้ที่ทัดเทียมกับพ่อ พ่อเป็นเช่นไรลูกผู้รับใช้ก็เป็นเช่นนั้น
พ่อกลายเป็นเครื่องมือและผู้รับใช้ก็เป็นเครื่องมือด้วยเช่นกัน
โดยพิจารณาตนเองว่าเป็นเครื่องมือลูกก็จะพัฒนาซันสการ์ให้ทัดเทียมกับพ่อโดยอัตโนมัติในทางปฏิบัติ
หากลูกไม่พิจารณาว่าตนเองเป็นเครื่องมือลูกก็จะไม่สามารถทัดเทียมกับพ่อได้
ดังนั้นสิ่งแรกคือการเป็นเครื่องมือและสิ่งต่อมาคือการละวางและมีความรักอย่างสม่ำเสมอ
นี่คือคุณสมบัติพิเศษของพ่อ ท่านกลับมามีความรักและอยู่อย่างละวาง
ท่านมีความรักในขณะที่ละวาง
ดังนั้นการทัดเทียมกับพ่อจึงหมายถึงการมีความละวางอย่างที่สุดและมีความรักอย่างที่สุด
มีความละวางจากผู้อื่นและมีความรักต่อพ่อ นี่คือความทัดเทียมกัน
เหล่านี้คือคุณสมบัติพิเศษทั้งสองของพ่อ
ดังนั้นผู้รับใช้ที่มีความทัดเทียมกับพ่อก็เป็นเช่นนั้น
โดยการรักษาคุณสมบัติพิเศษนี้ไว้ในสำนึกรู้ของลูกก็จะทำให้ลูกก้าวหน้าต่อไปได้อย่างง่ายดาย
ลูกจะไม่ต้องใช้ความพยายาม
ไม่ว่าจะลูกเป็นเครื่องมืออยู่ที่ไหนก็รับประกันได้ว่าจะมีความสำเร็จ
ไม่สามารถมีจิตสำนึกของ "ของฉัน" ได้ ที่ใดมีจิตสำนึกของ "ของฉัน"
ที่นั่นไม่มีความความสำเร็จ
การมีความรู้สึกของการเป็นเครื่องมือเป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จ เมื่อลูกปล่อยวาง"ของฉัน"ที่มีขีดจำกัดทางโลกแล้ว
"ของฉัน"อื่นๆมาจากไหน แทนที่จะพูดว่า"ของฉัน" จงพูดว่า"บาบา บาบา"
และลูกจะปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ นี่ไม่ใช่ศูนย์ของฉัน แต่เป็นศูนย์ของบาบา
ไม่ใช่นักเรียนของฉัน แต่เป็นนักเรียนของบาบา “ของฉัน”จบสิ้นและกลายเป็น“ของท่าน”แทน
การพูดว่า "ของท่าน" หมายถึงการโบยบิน
ดังนั้นการเป็นครูที่เป็นเครื่องมือจึงเป็นตัวอย่างของสภาพที่โบยบิน
เช่นที่ลูกเป็นตัวอย่างของสภาพที่โบยบิน
ในทำนองเดียวกันผู้อื่นก็จะกลายเป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะขัดกับความปรารถนาของลูก
ผู้คนที่ลูกได้กลายเป็นเครื่องมือให้กับพวกเขาจะได้รับกระแสจิตเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ
ดังนั้นครูที่เป็นเครื่องมือ,ผู้รับใช้จะละวางอย่างสม่ำเสมอและมีความรักอย่างสม่ำเสมอ
ลูกคือผู้ที่จะสอบผ่านเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องเผชิญกับข้อสอบ
ลูกเป็นผู้ที่มีศรัทธาในสติปัญญา
พบกลุ่ม:
1.
ลูกมีประสบการณ์กับตนเองว่าเป็นเทวดานางฟ้าที่เป็นแสงและเบาสบายอย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
เทวดานางฟ้าหมายถึง ผู้ที่โลกของเขาคือพ่อผู้เดียว
เทวดานางฟ้าเช่นนั้นเป็นที่รักของพ่อเสมอ
เทวดานางฟ้าหมายถึงผู้ที่ไม่มีแรงดึงดูดไปสู่ร่างกายหรือความสัมพันธ์ทางร่างกายใดๆ
ลูกแต่ละคนอยู่ในร่างกายแต่เพียงในนามและลูกมีปฏิสัมพันธ์กับความสัมพันธ์ทางร่างกาย
แต่ไม่ใช่ด้วยความผูกพันยึดมั่นเพราะเทวดานางฟ้าไม่มีความสัมพันธ์กับคนอื่นเลย
เทวดานางฟ้ามีความสัมพันธ์กับพ่อผู้เดียวเท่านั้น ลูกเป็นเทวดานางฟ้าหรือไม่?
นาทีหนึ่งลูกเข้ามาในร่างกายของลูกเพื่อแสดงการกระทำและในนาทีถัดไปลูกกลับมาละวางจากร่างกายของลูก
เทวดานางฟ้าอยู่ที่นี่หนึ่งวินาทีและที่อื่นในนาทีต่อไปเพราะพวกเขาเป็นผู้ที่โบยบิน
พวกเขาได้รับการค้ำจุนจากร่างกายเพื่อทำหน้าที่และจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นไปข้างบน
ลูกมีประสบการณ์กับสิ่งนี้หรือไม่? หากมีความผูกพันยึดมั่นที่ใดก็ตาม
หากมีบ่วงพันธะแล้ว ผู้ที่มีบ่วงนั้นจะไม่สามารถโบยบินได้ พวกเขาจะลงมา
เทวดานางฟ้าหมายถึงผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบินอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ผู้ที่ขึ้นๆลงๆ
ลูกคือผู้ที่อยู่ในสภาพที่อยู่ข้างบนตลอดเวลา ผู้ที่อยู่ในโลกแห่งเทวดานางฟ้า
ดังนั้นเมื่อลูกกลายเป็นเทวดานางฟ้า เป็นตัวของการจดจำระลึกถึง ความสัมพันธ์อื่น ๆ
ทั้งหมดจะสิ้นสุดลง ลูกมีการฝึกฝนเช่นนั้นใช่ไหม? ลูกแสดงการกระทำแล้วกลับมาละวาง
ลูกทำอะไรในลิฟต์? หนึ่งนาทีลูกลงมาและนาทีต่อมาลูกขึ้นไป
ลูกลงมาแสดงการกระทำของลูกแล้วกดสวิตช์และขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง มีการฝึกฝนเช่นนี้
อัจชะ
2) ลูกทุกคนเป็นดอกกุหลาบทางจิตใช่ไหม? ลูกเป็นดอกมะลิหรือลูกเป็นดอกกุหลาบ?
เช่นที่มีคำกล่าวว่า ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่สูงส่งมากที่สุด
ในทำนองเดียวกันกุหลาบทางจิตหมายถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งที่สุด
กุหลาบทางจิตคือผู้ที่รักษาสภาพทางจิตวิญญาณของพวกเขาไว้เสมอ
ผู้ที่รักษาความซาบซึ้งทางจิตอยู่เสมอ ผู้ที่รับใช้ทางจิตอยู่เสมอ
ลูกเป็นดอกกุหลาบทางจิต ตามเวลาในปัจจุบันมีความจำเป็นสำหรับความเป็นทางจิตวิญญาณ
เป็นเพราะไม่มีความเป็นไปในทางจิตวิญญาณ จึงมีการต่อสู้รบราและทะเลาะเบาะแวงกัน
ดังนั้นจงกลายเป็นดอกกุหลาบทางจิตและกระจายกลิ่นหอมทางจิตออกไป
นี่คืออาชีพของบราห์มิน คงอยู่อย่างไม่ว่างเว้นในอาชีพนี้อย่างสม่ำเสมอ
พร:
ขอให้ลูกเป็นอิสระจากบ่วงกรรมใดๆและสัมผัสกับสภาพของการหลุดพ้นในชีวิตเช่นพ่อบราห์มา
ในขณะที่มีการกระทำ
พ่อบราห์มาไม่ได้ติดกับอยู่ในบ่วงกรรมใดๆ
ในขณะที่เติมเต็มความรับผิดชอบของความสัมพันธ์
ท่านไม่ปล่อยให้ตนเองถูกผูกมัดอยู่ในบ่วงของความสัมพันธ์เหล่านั้น
ท่านยังคงอยู่อย่างเป็นอิสระจากบ่วงพันธะของความมั่งคั่งและสิ่งอำนวยความสะดวก
ในขณะที่ดูแลความรับผิดชอบของท่าน ท่านได้สัมผัสกับสภาพของการหลุดพ้นในชีวิต
ทำตามพ่อด้วยวิธีเดียวกัน อย่าได้ผูกติดอยู่กับบ่วงพันธะของบัญชีกรรมในอดีต
อย่าแม้แต่จะได้รับอิทธิพลจากซันสการ์หรือธรรมชาติใดๆ
หรือเข้าไปสู่บ่วงของความประทับใจหรือความเก็บกดใด ๆ
และแล้วลูกก็จะได้รับการกล่าวว่าเป็นอิสระจากบ่วงกรรมและหลุดพ้นในชีวิต
คติพจน์:
เปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งหมดของครอบครัวของลูกด้วยทัศนคติที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ