15.02.19 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ
ที่แสนหวานจงลืมสิ่งที่ลูกได้เคยศึกษาเล่าเรียนมาจนถึงเวลานี้
ย้อนกลับไปในวัยเด็กของลูก และแล้วลูกจะสามารถสอบผ่านการศึกษาทางจิตนี้
คำถาม:
อะไรคือสิ่งชี้บอกของลูกผู้ที่ได้รับสติปัญญาที่สูงส่ง?
คำตอบ:
ขณะที่มองเห็นโลกเก่านี้ด้วยดวงตาทั้งสองของร่างกาย
พวกเขาไม่เห็นมัน
สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของพวกเขาเสมอว่าโลกเก่านี้กำลังใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
ร่างนั้นเก่าและตโมประธานและดวงวิญญาณก็ตโมประธานด้วยเช่นกัน ดังนั้นเหตุใด
เราจึงควรมีความรักต่อสิ่งเหล่านี้เล่า?
หัวใจของพ่อมีการเชื่อมโยงกับลูกผู้ที่มีสติปัญญาที่สูงส่งเช่นนั้น
เพียงลูกเช่นนั้นที่สามารถคงอยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่ออย่างสม่ำเสมอและสามารถไปล้ำหน้าในงานรับใช้ด้วยเช่นกัน
โอมชานติ
พ่อทางจิตอธิบายแก่ลูกทางจิตที่สุดแสนหวาน
ซันยาสซีที่มีขีดจำกัดละทิ้งบ้านและครอบครัวของเขาเพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะหลอมรวมเข้าไปในธาตุบราห์มและเหตุนั้นเองพวกเขาจึงเชื่อว่าพวกเขาควรละทิ้งการดึงดูดต่อโลกเก่า
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเฝ้าแต่ฝึกฝน พวกเขาไปและคงอยู่ในสันโดษ
พวกเขาคือหัตถะโยคีที่มีความรู้ของวัตถุธาตุ พวกเขาเชื่อว่า
พวกเขาจะหลอมรวมเข้าไปในธาตุบราห์ม
เหตุนี้เองพวกเขาจึงละทิ้งบ้านและครอบครัวของเขาและจบสิ้นความผูกพันยึดมั่นของเขาต่อพวกเขา
พวกเขามีการวางเฉย อย่างไรก็ตามความผูกพันนั้นไม่ได้ถูกตัดขาดลงในทันที
พวกเขายังคงจดจำภรรยาและลูกของเขาอยู่เรื่อยๆ
ที่นี่ลูกต้องลืมทุกสิ่งด้วยสติปัญญาของความรู้ ไม่มีสิ่งใดถูกลืมอย่างง่ายดาย
เวลานี้ลูกมีการสละละทิ้งที่ไม่มีขีดจำกัดนี้
ซันยาสซีทั้งหมดมีการจดจำระลึกถึงเช่นกันแต่สติปัญญาของเขาเชื่อว่าพวกเขาจะหลอมรวมเข้ากับธาตุบราห์มและดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรมีสำนึกใดของร่างกาย
นั่นคือหนทางของหัตถโยคะ
พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะละร่างของเขาและหลอมรวมเข้ากับธาตุบราห์ม
พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาสามารถไปสู่ดินแดนแห่งความสงบอย่างไร
เวลานี้ลูกรู้ว่าลูกต้องไปยังบ้านของลูก
เมื่อผู้คนเคยมาจากต่างประเทศพวกเขาเข้าใจว่าพวกเขาต้องมาโดยผ่านทางบอมเบย์
เวลานี้ลูกมีศรัทธาที่มั่นคงด้วยเช่นกัน ผู้คนมากมายพูดว่าความบริสุทธิ์ของลูกดี
ความรู้ของลูกดี และองค์กรของลูกดี
ผู้เป็นแม่ทำงานอย่างหนักมากเพราะพวกเธออธิบายอย่างไม่รู้เหนื่อย พวกเธอใช้ร่างกาย
จิตใจ และสมบัติของเธอและเหตุนี้เองพวกเธอจึงเป็นที่ชื่นชอบ
อย่างไรก็ตามผู้คนเหล่านั้นจะไม่เคยมีความคิดใดที่จะฝึกฝนสิ่งนี้ด้วยตนเอง
แทบจะไม่มีใครปรากฏออกมา แม้กระทั่งพ่อก็พูดว่า
เพียงกำมือเดียวจากหลายๆล้านเท่านั้นที่ปรากฏออกมา นั่นคือผู้ที่มาหาลูก
อย่างไรก็ตามโลกเก่านี้จะสิ้นสุดลง ลูกรู้ว่าพ่อได้มาแล้วในเวลานี้
ไม่ว่าลูกจะได้นิมิตหรือไม่ก็ตามจิตสำนึกก็บอกว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดได้มาแล้ว
ลูกรู้ด้วยเช่นกันว่ามีพ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น
พ่อเหนือโลกนั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้พ่อทางร่างจะไม่เคยเรียกว่าเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้
คือพ่อที่มาและให้คำแนะนำของท่านแก่ลูก ลูกรู้ว่าโลกเก่านี้จะสิ้นสุดลง
เราได้จบสิ้นวงจรของ 84 ชาติเกิดแล้ว
เวลานี้เรากำลังเพียรพยายามเพื่อกลับไปยังดินแดนแห่งความสุขผ่านดินแดนของความสงบ
เราต้องไปสู่ดินแดนแห่งความสงบแล้วเราต้องกลับมาจากที่นั่น
ผู้คนมีความสับสนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
เมื่อมีใครบางคนตายผู้คนคิดว่าเขาได้ไปสู่ไวกุณฑ์ (สวรรค์) แต่สวรรค์อยู่ที่ใด?
เพียงชาวบารัตเท่านั้นที่รู้จักชื่อของสวรรค์ ผู้คนของศาสนาอื่นๆ ไม่รู้สิ่งนี้
พวกเขาเพียงได้ยินชื่อและมองเห็นรูปภาพของสวรรค์ พวกเขามองเห็นวัดมากมายของเหล่าเทพ
เช่นวัดดิลวาลา วัดนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายหลายแสนหลายล้านรูปี
พวกเขาเฝ้าแต่สร้างวัดเหล่านั้น เหล่าเทพเรียกว่าเป็นไวชนาฟ
พวกเขาเป็นของราชวงศ์ของวิษณุ ถึงอย่างไรพวกเขาก็บริสุทธิ์
ยุคทองเรียกว่าเป็นโลกที่บริสุทธิ์ในขณะที่นี่คือโลกที่ไม่บริสุทธิ์
ความสะดวกสบายของยุคทองไม่ได้คงอยู่ที่นี่ ที่นี่เมล็ดข้าวและธัญพืชทั้งหมดฯลฯ
ทุกสิ่งกลับมาตโมประธาน รสชาติของสิ่งเหล่านี้ก็ตโมประธานด้วยเช่นกัน
เมื่อลูกสาวเข้าญาณพวกเขาก็กลับมาพูดว่าพวกเขาดื่มสุบิราส (น้ำมะม่วง)
และน้ำมะม่วงนั้นก็อร่อยมาก ที่นี่เช่นกันเมื่อผู้คนรับประทานอาหารที่ปรุงโดยลูก
พวกเขาก็พูดว่าอาหารนั้นรสชาติดีมากเพราะลูกทำอาหารนั้นอย่างดี
ทุกคนรับประทานตามความพอใจของเขา
ไม่ใช่ว่าอาหารรสชาติดีเพราะลูกเตรียมสิ่งนั้นขณะที่อยู่ในโยคะ ไม่เลย
นั่นเป็นเพียงการฝึกฝน บางคนปรุงอาหารอย่างดีมาก
ที่นั่นทุกสิ่งสโตประธานและเหตุนี้เองจึงมีพละกำลังอย่างมาก
เมื่อสิ่งนั้นกลับมาตโมประธานพละกำลังก็ลดลงแล้วก็มีโรคภัยต่างๆและความทุกข์ฯลฯจากสิ่งนั้น
ชื่อที่แท้จริงคือดินแดนแห่งความทุกข์ ไม่มีเรื่องของความทุกข์ในดินแดนแห่งความสุข
เราจะไปสู่สถานที่ซึ่งมีความสุขอย่างมากที่เรียกว่าเป็นความสุขของสวรรค์
ลูกเพียงแค่ต้องกลับมาบริสุทธิ์และนั่นก็เป็นเพียงแค่ชาตินี้ด้วยเช่นกัน
อย่าคิดเกี่ยวกับอนาคต อย่างน้อยที่สุดกลับมาบริสุทธิ์ในเวลานี้! ก่อนอื่นใด
คิดว่าใครที่กำลังบอกสิ่งนี้แก่ลูก ลูกต้องให้คำแนะนำของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกได้รับมรดกของความสุขจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
แม้กระทั่งพ่อทางร่างของลูกก็จดจำพ่อเหนือโลกและสติปัญญาของเขาก็ไปสู่เบื้องบน
ลูกผู้ที่มีศรัทธาที่มั่นคงในสติปัญญานั้นรู้สึกอยู่ภายในว่าลูกจะอยู่ในโลกนี้อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ร่างนี้เป็นเช่นเปลือกหอย ดวงวิญญาณกลายเป็นเช่นเปลือกหอยด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้เรียกว่าการวางเฉย เวลานี้ลูกรู้จักละคร
บทบาทของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาต้องดำเนินไป
ทุกคนข้องแวะอยู่กับความเลื่อมใสศรัทธา ไม่มีความจำเป็นที่จะไม่ชอบสิ่งนั้น
ซันยาสซีทำให้ผู้คนไม่ชอบสิ่งนั้น พวกเขาทั้งหมดไม่มีความสุขที่บ้าน
พวกเขาไม่ได้ทำให้ตนเองมีความสุขด้วยการจากไป ไม่มีใครสามารถกลับไปสู่การหลุดพ้น
ไม่มีผู้ใดที่มาแล้วสามารถจะกลับไปได้ ทุกคนอยู่ที่นี่
ไม่มีแม้แต่บุคคลเดียวที่ไปสู่ดินแดนนิพพานหรือธาตุบราห์ม
พวกเขาคิดว่าผู้นั้นผู้นี้หลอมรวมเข้าไปในธาตุบราห์ม
ทั้งหมดนั้นอยู่ในคัมภีร์ของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา พ่อพูดว่า
อะไรก็ตามที่มีในคัมภีร์ทั้งหมดเหล่านั้น นั่นคือหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
เวลานี้ลูกได้รับความรู้และเหตุนี้เองจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับลูกที่จะศึกษาสิ่งใด
อย่างไรก็ตามมีบางคนที่มีนิสัยของการอ่านนวนิยาย พวกเขาไม่มีความรู้อย่างเต็มที่
พวกเขาเรียกว่าผู้ที่มีความรู้เหมือนไก่อ่อน พวกเขาไปนอนในตอนกลางคืนและอ่านนิยาย
และดังนั้นสภาวะของเขาจะเป็นเช่นไร ที่นี่พ่อพูดว่า ลืมทุกสิ่งที่ลูกได้ศึกษามา
ข้องแวะตนเองในการศึกษาทางจิตนี้
พระเจ้าเป็นผู้ที่กำลังสอนสิ่งนี้แก่ลูกและด้วยสิ่งนี้ลูกจะกลายเป็นเทพถึง 21
ชาติเกิด ลูกต้องลืมทุกสิ่งที่ลูกได้ศึกษามาจนกระทั่งเวลานี้
กลับไปสู่วัยเด็กของลูก พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ
แม้ว่าลูกจะมองเห็นทุกสิ่งด้วยดวงตาเหล่านั้น มองแต่อย่าเห็น
ลูกได้รับสติปัญญาที่สูงส่งและสายตาที่สูงส่งดังนั้นลูกเข้าใจว่าทั้งโลกนี้เก่าเวลานี้โลกนี้จะสิ้นสุดลง
ทุกสิ่งที่นี่จะเปลี่ยนไปเป็นสุสาน
แล้วเหตุใดลูกจึงควรผูกพันหัวใจของลูกกับสิ่งนั้นเล่า?
เวลานี้ลูกต้องกลายเป็นผู้ที่เป็นของดินแดนแห่งเทวดานางฟ้า
เวลานี้ลูกกำลังนั่งอยู่ระหว่างสุสาน (คาบริสถาน) และดินแดนของเทวดานางฟ้า(ปารีสถาน)
เวลานี้ดินแดนของเทวดานางฟ้ากำลังถูกสร้างขึ้น
เวลานี้ลูกกำลังนั่งอยู่ในโลกเก่าแต่โยคะของสติปัญญาของลูกได้ไปที่นั่นในเวลานี้
ลูกกำลังเพียรพยายามสำหรับโลกใหม่
เวลานี้ลูกกำลังนั่งอยู่ตรงกลางเพื่อที่จะกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับยุคบรรจบพบกันที่มีสิริมงคลที่สุดนี้
พวกเขาไม่เข้าใจแม้กระทั่งความหมายของเดือนของบุญที่มีสิริมงคลหรือปีที่มีสิริมงคล
ยุคบรรจบพบกันที่มีสิริมงคลที่สุดมีช่วงเวลาที่สั้นมาก
หากลูกเข้ามหาวิทยาลัยภายหลัง,หลังจากเวลานั้น ลูกต้องทำความเพียรพยายามอย่างมาก
การจดจำระลึกถึงแทบจะไม่มีอยู่ในบางคน มายาเฝ้าแต่เป็นเหตุของอุปสรรค พ่ออธิบายว่า
โลกเก่านี้จะสิ้นสุดลง แม้ว่าพ่อจะนั่งที่นี่และลูกเห็นทุกสิ่ง
สติปัญญาของลูกก็ตระหนักว่าทั้งหมดนี้จะสิ้นสุดลง ไม่มีสิ่งใดจะหลงเหลืออยู่
นี่คือโลกเก่าและลูกมีการวางเฉยในสิ่งนั้น ร่างกายทั้งหมดก็แก่ชราด้วยเช่นกัน
ร่างกายนั้นเก่าและตโมประธานและดวงวิญญาณก็ตโมประธาน
เราควรทำอะไรเมื่อเห็นสิ่งต่างๆเช่นนั้น? ไม่มีสิ่งใดนี้จะหลงเหลืออยู่
ดังนั้นเราไม่ควรมีความรักต่อสิ่งเหล่านั้น
หัวใจของพ่อสัมผัสได้โดยลูกผู้ที่จดจำพ่อเป็นอย่างดีและลูกผู้ที่ทำงานรับใช้
ถึงอย่างไรทุกคนก็คือลูก มีลูกมากมายไม่ใช่ทุกคนจะเห็นพ่อ
พวกเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งประชาบิดาบราห์มา
พวกเขาได้ยินชื่อประชาบิดาบราห์มาแต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับอะไรจากท่าน
มีวัดที่สร้างให้แก่บราห์มา พวกเขาได้วาดภาพบราห์มาพร้อมกับหนวดเครา
อย่างไรก็ตามไม่มีใครจดจำท่านเพราะลูกไม่ได้รับมรดกจากท่าน
ดวงวิญญาณได้รับมรดกจากพ่อทางร่างของเขาและพ่อเหนือโลก
ไม่มีใครแม้กระทั่งรู้จักประชาบิดาบราห์มา สิ่งนี้น่าอัศจรรย์
เป็นพ่อที่ไม่ได้ให้มรดกแก่ลูกต้องเป็นพ่อทางจิตใช่ไหม?
มีมรดกที่มีขีดจำกัดและมรดกที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีมรดกอื่นๆในระหว่างนั้น
แม้ว่าเขาจะถูกเรียกว่าเป็นประชาบิดาก็ไม่มีมรดกใดจากเขา
พ่อทางจิตนี้ได้รับมรดกของเขาจากพ่อเหนือโลกด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเขาจะให้มรดกได้อย่างไร? พ่อเหนือโลกให้มรดกผ่านเขา เขาคือพาหนะ
เหตุใดลูกจึงจดจำเขา เขาเองต้องจดจำพ่อนั้นด้วย
ผู้คนเหล่านั้นคิดว่าลูกพิจารณาว่าบราห์มาเป็นพระเจ้า บอกพวกเขาว่า
เราไม่ได้รับมรดกจากบราห์มา เราได้รับมรดกจากชีพบาบา ผู้นี้คือตัวกลางในระหว่างกลาง
เขาเช่นกันคือนักเรียนเหมือนเรา ไม่มีเรื่องของความกลัว
พ่อพูดว่าในเวลานี้ทั้งโลกตโมประธาน ลูกต้องกลับมาสโตประธานด้วยพลังโยคะ
ลูกได้รับมรดกที่มีขีดจำกัดจากพ่อทางร่างของลูก
เวลานี้ลูกต้องเชื่อมโยงสติปัญญาของลูกกับพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด พ่อพูดว่า
ลูกจะไม่ได้รับสิ่งใดจากใครแม้แต่จากเหล่าเทพนอกจากพ่อผู้เดียว
ในเวลานี้ทั้งหมดนั้นตโมประธาน
ถึงอย่างไรลูกก็ได้รับมรดกจากพ่อทางร่างของลูกอยู่แล้ว
ดังนั้นลูกต้องการอะไรจากลักษมีและนารายณ์นี้
ผู้คนเหล่านั้นคิดว่าพวกเขาเป็นอมตะและพวกเขาไม่มีวันตาย
ลักษมีและนารายณ์ไม่เคยกลับมาตโมประธาน
อย่างไรก็ตามลูกรู้แล้วว่าผู้ที่เคยสโตประธานก็ไปสู่สภาพที่ตโมประธาน
ศรีกฤษณะได้รับการพิจารณาว่าสูงส่งยิ่งกว่าลักษมีและนารายณ์เพราะพวกเขาคือคู่แต่งงาน
กฤษณะบริสุทธิ์ตั้งแต่เกิดและเหตุนี้เองจึงมีคำสรรเสริญมากมายของกฤษณะ
พวกเขาไกวเปลให้กับกฤษณะ พวกเขาเฉลิมฉลองวันเกิดของกฤษณะด้วยเช่นกัน
เหตุใดพวกเขาจึงไม่เฉลิมฉลองวันเกิดของลักษมีและนารายณ์?
เนื่องจากการไม่มีความรู้พวกเขาได้แสดงให้เห็นกฤษณะในยุคทองแดง พวกเขาพูดว่า
ความรู้ของกีตะนั้นได้รับในยุคทองแดง เป็นสิ่งที่ยากมากที่จะอธิบายแก่ใครบางคน!
พวกเขาพูดว่าความรู้มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครั้งบรรพกาลเนิ่นนานมา
อย่างไรก็ตามเนิ่นนานมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่มีใครรู้สิ่งนี้
พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งพวกเขาเริ่มกราบไหว้บูชาตั้งแต่เมื่อไหร่
และเหตุนี้เองพวกเขาจึงพูดว่าพวกเขาไม่รู้จักผู้สร้างหรือตอนเริ่มตอนกลางและตอนจบของโลก
เนื่องจากการพูดว่าระยะเวลาของวงจรคือหลายแสนปี
พวกเขาพูดถึงเวลาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลเนิ่นนานมา
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเวลาหรือวันที่อะไรเลย
พวกเขาไม่เฉลิมฉลองวันเกิดของลักษมีและนารายณ์
นั่นเรียกว่าเป็นความมืดมิดของความไม่รู้
มีลูกบางคนเช่นกันที่ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้อย่างถูกต้องแม่นยำ
เหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวว่า คนขี่ช้าง คนขี่ม้า และกองทัพเท้า จระเข้กินช้าง
จระเข้นั้นตัวใหญ่และเขากลืนลูกได้อย่างสิ้นเชิงเหมือนกับงูที่กลืนกบ
เหตุใดพระเจ้าจึงเรียกว่าเป็นนายของสวนดอกไม้ คนสวนและคนพายเรือ?
ลูกเข้าใจสิ่งนั้นในเวลานี้ พ่อมาและทำให้ลูกข้ามมหาสมุทรของยาพิษ ท่านพาลูกข้ามไป
และเหตุนี้เองลูกจึงพูดว่า พาเรือของฉันข้ามฟาก
เวลานี้ลูกรู้ว่าลูกข้ามฟากไปอย่างไร บาบากำลังพาเราไปสู่มหาสมุทรแห่งน้ำนม
ไม่มีเรื่องของความเจ็บปวดหรือความทุกข์ที่นั่น
ลูกได้ยินสิ่งนี้และบอกผู้อื่นว่าคนพายเรือผู้ที่พาเรือของเราข้ามฟากกำลังบอกเราว่า
พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ
ก่อนหน้านี้ลูกเคยอยู่ในมหาสมุทรแห่งน้ำนมและเวลานี้ลูกได้มาถึงมหาสมุทรแห่งยาพิษ
ในตอนแรกลูกเคยเป็นเทพ สวรรค์คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
สิ่งมหัศจรรย์ทางจิตของทั้งโลกคือสวรรค์ เพียงได้ยินชื่อของสวรรค์ลูกก็มีความสุข
ลูกอยู่ในสวรรค์ ที่นี่พวกเขาแสดงให้เห็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์
พวกเขาเรียกทัชมาฮาลว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แต่ไม่มีใครสามารถอาศัยอยู่ที่นั่น
ลูกกำลังกลายเป็นนายของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
พ่อสร้างสวรรค์เช่นนั้นที่น่าอัศจรรย์เช่นนั้นเพื่อให้ลูกอาศัยอยู่
ลูกกลายเป็นมหาเศรษฐีถึง 21
ชาติเกิดดังนั้นลูกควรมีความสุขมากที่ลูกกำลังข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง
ลูกต้องเคยไปสวรรค์มาหลายต่อหลายครั้ง ลูกเฝ้าแต่วนไปในวงจรนี้
ลูกควรทำความเพียรพยายามเช่นนั้นที่ลูกเข้ามาสู่โลกใหม่ก่อน
ลูกจะไม่รู้สึกเหมือนไปบ้านเก่า บาบาย้ำว่าลูกต้องเพียรพยายามเพื่อไปสู่โลกใหม่
บาบากำลังทำให้เรากลายเป็นนายของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
แล้วเหตุใดเราจึงไม่จดจำพ่อเช่นนั้นเล่า? ลูกต้องทำความเพียรพยายามอย่างมาก
มองโลกนี้แต่ไม่เห็น พ่อพูดว่า แม้ว่าพ่อจะเห็นทุกสิ่ง
พ่อมีความรู้ว่าพ่อเป็นนักเดินทางอีกเพียงไม่กี่วัน
ในทำนองเดียวกันลูกเช่นกันมาที่นี่เพียงเพื่อเล่นบทบาทของลูก
ดังนั้นขจัดความผูกพันยึดมั่นออกจากสิ่งนั้น อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
อยู่อย่างไม่ว่างเว้นในการศึกษาทางจิตเสมอ
อย่าผูกฝังนิสัยที่ไม่ดีในการอ่านนวนิยายฯลฯ
ลืมสิ่งใดก็ตามที่ลูกได้เคยศึกษามาจนถึงเวลานี้และจดจำพ่อ
2.
อาศัยอยู่ในโลกเก่านี้ด้วยการพิจารณาว่าตนเองเป็นแขก อย่ามีความรักใดต่อโลกเก่านี้
มองโลกนี้แต่อย่าได้เห็น
พร:
ขอให้ลูกเป็นนักแสดงเอกผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งหมดและเอาชนะปัญหาทั้งหมดราวกับว่าลูกกำลังเล่นเกม
ไม่ว่าสถานการณ์หรือปัญหาจะเป็นเช่นไร อย่าถูกควบคุมด้วยปัญหา
แต่มีสิทธิ์ทั้งหมดและเอาชนะปัญหาทั้งหมดในลักษณะเช่นนั้นเหมือนกับลูกเล่นเกม
ภายนอกลูกอาจจะมีบทบาทของการร้องไห้
แต่ลูกควรมีความรู้สึกอยู่ภายในว่าทั้งหมดนี้เป็นเกมซึ่งเรียกว่าละคร
และเรานั้นเป็นนักแสดงเอกในละครนี้
นักแสดงเอกหมายถึงผู้ที่เล่นบทบาทอย่างถูกต้องแม่นยำ ดังนั้นพิจารณาปัญหาที่ใหญ่ใดๆ
ว่าเป็นเกมและทำให้ปัญหานั้นเบา อย่าได้มีภาระใดๆ
คติพจน์:
เฝ้าแต่ไตร่ตรองความรู้อย่างสม่ำเสมอและลูกจะอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใสและได้รับการปกป้องจากการดึงดูดของมายา