13.10.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
21.02.85 Om Shanti Madhuban
พลังแห่งความเยือกเย็น
วันนี้พระอาทิตย์แห่งความรู้และพระจันทร์แห่งความรู้กำลังมองดูดวงที่โชคดีและน่ารัก
ตลอดทั้งวงจรไม่มีใครสามารถเห็นกาแล็กซีทางจิตวิญญาณนี้ได้ ลูกดวงดาวทางจิต,พระอาทิตย์แห่งความรู้และพระจันทร์แห่งความรู้เห็นกาแลกซีที่น่ารักและมีเอกลักษณ์พิเศษสุดนี้
ผู้ที่มีพลังทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถมองเห็นกาแลกซี่ทางจิตวิญญาณนี้ได้
ผู้ที่มีพลังแห่งความเงียบสามารถมองเห็นและรู้จักกาแลกซี่นี้
ดังนั้นวันนี้ในขณะที่เดินทางท่องไปทั่วกาแลกซี
บัพดาดาพอใจและยินดีที่ได้เห็นดาวดวงต่างๆ
บาบาเห็นว่าดาวแต่ละดวงรับแสงและพลังแห่งสัจจะจากพระอาทิตย์แห่งความรู้และเต็มไปด้วยพลังแห่งสัจจะเช่นพ่อและเป็นตัวของสัจจะ
และแล้วเมื่อซึมซับพลังแห่งความเยือกเย็นจากพระจันทร์แห่งความรู้ลูกก็กลายเป็นตัวแห่งความเยือกเย็นเหมือนพระจันทร์
พลังทั้งสองของสัจจะและความเยือกเย็นทำให้ลูกประสบความสำเร็จได้อย่างสม่ำเสมอและง่ายดาย
ในด้านหนึ่งลูกมีความซาบซึ้งเป็นอย่างมากของพลังแห่งสัจจะ
และอีกด้านหนึ่งมากเท่าที่ลูกมีความซาบซึ้งในระดับที่สูง บนพื้นฐานของความเยือกเย็น
ลูกก็จะสามารถทำให้ดวงวิญญาณที่มีความซาบซึ้งที่ผิดๆหรือมีความโกรธเย็นลงได้มากเท่านั้น
ไม่ว่าผู้อื่นจะมีความซาบซึ้งของความหยิ่งยโสของ "ฉัน ฉัน" ประเภทใดก็ตาม
ด้วยพลังของความเยือกเย็น แทนที่จะพูดว่า "ฉัน ฉัน" พวกเขาก็จะเริ่มพูดว่า "บาบา
บาบา!" ด้วยพลังแห่งความเยือกเย็นลูกสามารถประสบความสำเร็จในการพิสูจน์สัจจะ
มิฉะนั้นเมื่อลูกมีเป้าหมายที่จะลองและพิสูจน์สัจจะโดยปราศจากพลังแห่งความเยือกเย็น
ผู้ที่ไม่มีความรู้ก็จะคิดว่าการพยายามที่จะพิสูจน์ของลูกสิ่งนั้นเป็นรูปแบบของความดื้อรั้น
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งพลังแห่งสัจจะและความเยือกเย็นจึงมีความจำเป็นอย่างเท่าเทียมกันและพร้อมกัน
เพราะมนุษย์ทุกคนในโลกทุกวันนี้มีการเผาไหม้ในรูปของไฟในรูปใดรูปหนึ่ง
ก่อนอื่นโดยการใช้พลังแห่งความเยือกเย็นลูกจะต้องทำให้ความร้อนของดวงวิญญาณที่เผาไหม้อยู่ในไฟเช่นนั้นเย็นลง
เพราะพวกเขาจะสามารถรู้สัจจะได้บนพื้นฐานของความเยือกเย็นเท่านั้น
พลังของความเยือกเย็นหมายถึงพลังของความรักในจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ
แม่ซึ่งเป็นพระจันทร์แห่งความรู้สามารถเปลี่ยนลูกคนไหนก็ตามด้วยความรักที่เยือกเย็น
ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยเสียอย่างไรก็ตาม
ดังนั้นความรักนั่นคือพลังแห่งความเยือกเย็นสามารถทำให้ดวงวิญญาณเย็นลงได้ไม่ว่าเขาจะถูกเผาไหม้ด้วยไฟประเภทไหนก็ตามและทำให้เขาสามารถยอมรับสัจจะได้
ประการแรกด้วยความเยือกเย็นของพระจันทร์ลูกจะกลับมามีค่า
และด้วยพลังแห่งสัจจะของพระอาทิตย์แห่งความรู้ลูกก็จะกลายเป็นโยคี
ดังนั้นพลังแห่งความเยือกเย็นของพระจันทร์แห่งความรู้ทำให้ลูกมีค่าควรที่จะมาอยู่เบื้องหน้าพ่อ
หากลูกไม่มีค่าลูกก็ไม่สามารถแม้กระทั่งกลายเป็นโยคีได้ ดังนั้นก่อนอื่นใด
ก่อนที่จะรู้สัจจะ ลูกต้องเยือกเย็น ลูกต้องการพลังที่จะดูดซับสัจจะ
ดวงวิญญาณที่มีพลังแห่งความเยือกเย็นก็จะทำให้ความเร็วของความคิด,คำพูด,สายใยและในทุกสถานการณ์ของตนเองเยือกเย็นลงด้วยเช่นกัน
เนื่องจากการมีความคิดที่เร็วมากจึงมีการสูญเสียอย่างมากมายและก็เสียเวลาในการพยายามที่จะควบคุมสิ่งเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
แล้วลูกก็ต้องใช้เวลาและพลังงานมากขึ้นในการพยายามที่จะควบคุมและเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการ
ผู้ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แม่นยำนั่นคือผู้ที่อยู่อย่างเป็นเป็นตัวของพลังแห่งความเยือกเย็นจะปลอดภัยจากการสูญเสีย
พวกเขาจะปลอดภัยจากอุบัติเหตุ พวกเขาเป็นอิสระจากความเร็วที่เสียไปอย่างรวดเร็วของ
"อะไร? ทำไม? ไม่ใช่อย่างนี้ แต่เป็นอย่างนี้
เช่นเดียวกับที่ร่มเงาของต้นไม้ให้ความร่วมมือกันและสามารถให้นักเดินทางได้พักผ่อนและได้รับความความสะดวกสบาย
ในทำนองเดียวกันจะให้การพักพิงของความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอแก่ดวงวิญญาณอื่นด้วยร่มเงาแห่งความเยือกเย็นของเขา
แต่ละคนจะถูกดึงดูดและรู้สึกว่า:
ฉันควรไปหาดวงวิญญาณนี้สักครู่หนึ่งในร่มเงาแห่งความเยือกเย็นของเขา
รับความสุขและความปิติสุขของความเยือกเย็นนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าทุกแห่งนั้นร้อนมาก
ลูกก็จะต้องมองหาสถานที่ที่มีร่มเงา
ในทำนองเดียวกันสายตาและแรงดึงดูดของดวงวิญญาณก็จะไปหาดวงวิญญาณเช่นนั้น
ไฟของกิเลสขณะนี้กำลังจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในโลกนี้
เมื่อมีไฟผู้คนก็จะร้องออกมาและมองหาการค้ำจุนของความเย็น
ทำนองเดียวกันดวงวิญญาณมนุษย์ที่สิ้นหวังเหล่านั้นจะมาหาลูกดวงวิญญาณที่เยือกเย็น
พวกเขาจะร้องว่า จงประพรมเราด้วยความเยือกเย็นเพียงไม่กี่หยด
ในด้านหนึ่งก็จะมีไฟของการทำลายล้าง ในด้านที่สองจะมีไฟของกิเลสทั้งห้า
ด้านที่สามจะมีไฟของความผูกพันยึดมั่นกับร่างกายของเขา ความสัมพันธ์ทางร่างกาย
และความเป็นเจ้าของทางวัตถุ และด้านที่สี่จะมีไฟของความสำนึกผิดและเสียใจ
ทั้งสี่ด้านนี้ลูกจะไม่เห็นอะไรนอกจากไฟ
ดังนั้นในเวลาเช่นนั้นพวกเขาก็จะวิ่งมาหาลูก,สีตลา,ผู้ที่มีพลังแห่งความเยือกเย็น “ทำให้เราเยือกเย็นลงแม้เพียงหนึ่งวินาที”
ในเวลาเช่นนั้นลูกต้องสะสมพลังความเยือกเย็นไว้ในตัวลูกที่ตัวลูกเองจะไม่ได้รับผลกระทบจากความร้อนของไฟทุกหนแห่ง
จงกลายเป็นสีตลา,ผู้ที่ดับไฟทั้งหมดทุกหนแห่งและให้พรของความเยือกเย็น
ถ้ายังมีร่องรอยของไฟทั้งสี่ประเภทหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียวในผู้ใดก็ตาม
แล้วไฟนั้นก็จะกระจายไปทุกหนแห่งจากร่องรอยเล็กน้อยของไฟที่ยังเหลืออยู่
เหมือนกับไฟที่ลุกลาม ดังนั้นจงตรวจสอบสิ่งนี้
วิธีที่จะปลอดภัยจากเปลวไฟของการทำลายล้างนั้นคือพลังของความไม่ขลาดกลัว
ความไม่ขลาดกลัวจะไม่ปล่อยให้ลูกขึ้นลงภายใต้อิทธิพลของเปลวไฟของการทำลายล้าง
สิ่งนี้จะไม่ทำให้ลูกเข้าไปสู่ความปั่นป่วน บนพื้นฐานของความไม่ขลาดกลัว
ลูกจะให้พลังแห่งความเยือกเย็นแก่ดวงวิญญาณที่หวาดกลัวต่อเปลวไฟของการทำลายล้าง
จากนั้นดวงวิญญาณเหล่านั้นก็จะปลอดภัยจากภัยของความกลัว
เนื่องจากความเยือกเย็นจึงร่ายรำในความสุข
แม้ว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นจะเห็นการทำลายล้าง
พวกเขาก็เห็นฉากของการก่อตั้งด้วยเช่นกัน
ในดวงตาข้างหนึ่งของพวกเขาจะหลอมรวมบ้านที่หลุดพ้นซึ่งเป็นบ้านที่แสนหวานไว้
และในอีกดวงตาหนึ่งการหลุดพ้นในชีวิต นั่นคือสวรรค์
ดวงวิญญาณนั้นจะเห็นบ้านของเขาและอาณาจักรของเขาเท่านั้น ผู้คนจะร้องไห้ออกมาว่า “ทุกสิ่งสูญสิ้น
ฉันกำลังจะตาย” ในขณะที่ลูกพูดว่า “ฉันจะไปยังบ้านที่แสนหวานของฉัน
ไปสู่อาณาจักรที่แสนหวานของฉัน!” ไม่มีอะไรใหม่! ลูกจะสวมใส่กระพวนข้อเท้าเหล่านั้น
“บ้านของฉัน อาณาจักรของฉัน”
ลูกจะร่ายรำและร้องเพลงในความสุขนี้และกลับบ้านไปด้วยกัน
ผู้คนเหล่านั้นจะร้องไห้ออกมาและลูกก็จะกลับไปบ้านด้วยกัน
แม้ว่าลูกจะได้ยินสิ่งนี้ลูกทั้งหมดจะรู้สึกมีความสุข
ดังนั้นในเวลานั้นลูกมีความสุขขนาดไหน?
ดังนั้นลูกได้เยือกเย็นลงจากไฟทั้งสี่นี้แล้วใช่ไหม?
ลูกได้รับการบอกถึงวิธีที่จะทำให้ตนเองปลอดภัยจากเปลวไฟของการทำลายล้างนั่นก็คือความไม่ขลาดกลัว
ในทำนองเดียวกันวิธีที่จะทำให้ตนเองปลอดภัยจากไฟของกิเลสแม้กระทั่งร่องรอยเพียงเล็กน้อยก็คือการจดจำสกุลดั้งเดิมและเป็นอมตะของลูก
ฉันคือดวงวิญญาณที่สาโตประทานอย่างสมบูรณ์ที่เป็นของสกุลของพ่อที่คงอยู่ตลอดไป
ฉันคือดวงวิญญาณเทพที่เป็นของสกุลดั้งเดิม ดวงวิญญาณเทพจะเต็มไปด้วย 16
องศาสมบูรณ์พร้อมและปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นจงจดจำสกุลดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปของลูก
แล้วร่องรอยของกิเลสทั้งหมดจะจบสิ้นลง
ในทำนองเดียวกันไฟที่สามของความผูกพันยึดมั่นต่อร่างกาย ความสัมพันธ์ทางร่าง
และความทรัพย์สมบัติทางวัตถุ วิธีที่จะทำให้ตนเองปลอดภัยจากไฟนี้คือ
การทำให้พ่อเป็นโลกของลูก ถ้าพ่อเป็นทั้งโลกของลูก ทุกสิ่งก็จะไร้รสชาติ
อย่างไรก็ตามบาบาจะบอกลูกในครั้งต่อไปว่าลูกจะต้องทำอะไรอย่างแท้จริง
เมื่อลูกจดจำว่าพ่อเป็นทั้งโลกของลูกแล้ว ร่างกาย ความสัมพันธ์ทางร่างกาย
หรือทรัพย์สมบัติทางวัตถุของลูกก็จะไม่หลงเหลืออยู่ ทั้งหมดนั้นจะจบสิ้นลง
สิ่งที่สี่คือไฟของความสำนึกผิดและเสียใจ วิธีที่ง่ายที่จะจบสิ้นสิ่งนี้ก็คือ
การกลายเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด
การขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผลจะทำให้ลูกเสียใจ
ในขณะที่การได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมดจะทำให้ลูกจบสิ้นความเสียใจ
ดังนั้นเวลานี้จงนำการบรรลุผลในทุกรูปแบบมาไว้เบื้องหน้าลูก
และตรวจสอบดูว่าลูกไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์จากการสัมผัสกับการบรรลุผลประเภทใด
ลูกมีรายการของการบรรลุผลใช่ไหม? การขาดการบรรลุผลในบางอย่างได้จบลง
หมายถึงการจบสิ้นความเสียใจ ดังนั้นเวลานี้ให้ตรวจสอบสี่สิ่งเหล่านี้
แล้วลูกจะกลายเป็นตัวของความเยือกเย็น
ลูกจะกลายเป็นโยคีที่เยือกเย็นหรือเทพเจ้าแห่งความเยือกเย็นผู้ที่ทำให้ความร้อนของผู้อื่นเย็นลง
ดังนั้นลูกเข้าใจหรือไม่ว่าพลังของความเยือกเย็นนั้นคืออะไร?
ลูกได้รับการบอกเกี่ยวกับพลังแห่งสัจจะแล้ว บาบาจะบอกกับลูกมากขึ้นในอนาคต
ลูกได้ยินว่าบาบาได้เห็นอะไรในกลุ่มดาวกาแลกซี่หรือไม่?
บาบาจะบอกลูกรายละเอียดในเวลาอื่น อัจชะ
ถึงลูกๆผู้ที่เป็นตัวของพลังแห่งความเยือกเย็นเช่นดวงจันทร์
ถึงลูกที่นำมาซึ่งยุคแห่งสัจจะด้วยพลังแห่งสัจจะ
ถึงลูกผู้ที่ปลอบประโลมหัวใจด้วยร่มเงาแห่งความเยือกเย็นแก่ทุกคน
ถึงลูกๆผู้เป็นโยคีที่เยือกเย็นและเทพเจ้าแห่งความเยือกเย็น
ผู้ที่อยู่อย่างปลอดภัยจากไฟทั้งสี่ประเภทในทุกหนแห่ง ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง
และนมัสเต จากพระอาทิตย์แห่งความรู้และพระจันทร์แห่งความรู้
อะแวคบัพดาดาพบครูต่างต่างประเทศ
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มไหน? (กลุ่มของผู้รับใช้ที่เป็นมือขวา) วันนี้
บัพดาดามาพบกับเพื่อนของท่าน ความสัมพันธ์ของเพื่อนนั้นสนุกสนานมาก
เช่นเดียวกับที่พ่อนั้นซึมซับอยู่ในความรักของลูกๆเสมอ
ในทำนองเดียวกันลูกๆก็ซึมซับอยู่ในความรักของพ่อเสมอเช่นกัน
ดังนั้นนี่เป็นกลุ่มที่หลอมรวมอยู่ในความรัก (“เลิฟลีน) ในขณะที่กำลังรับประทาน,กำลังดื่มและเคลื่อนไหวไปมา
ลูกนั้นหลอมรวมอยู่ในสิ่งใด? ลูกหลอมรวมอยู่ในความรักใช่ไหม?
สภาพของการหลอมรวมอยู่ในความรักนี้จะทำให้ลูกทัดเทียมกับพ่อในทุกสถานการณ์อย่างง่ายดาย
เมื่อลูกหลอมรวมอยู่ในความรักกับพ่อ
ลูกก็จะได้รับการแต่งแต้มสีสันจากการเป็นมิตรของท่านใช่ไหม?
วิธีที่ง่ายที่จะเป็นอิสระจากความเพียรพยายามหรือจากสิ่งที่ยากลำบากก็คือการหลอมรวมอยู่ในความรัก
สภาพของการหลอมรวมอยู่ในความรักนี้เป็นสภาพที่โชคดี
มายาไม่สามารถมาได้เมื่อลูกอยู่ในสภาพนี้
ดังนั้นนี่คือกลุ่มที่มีความรักอย่างใกล้ชิดและเท่าเทียมกับพ่อมากที่สุด
ไม่มีความแตกต่างระหว่างความคิดของลูกกับความคิดของพ่อ ลูกใกล้ชิดมากใช่ไหม?
จากนั้นลูกก็จะกลายเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลกเหมือนกับพ่อ
สิ่งที่เป็นความคิดของพ่อก็จะเป็นความคิดของลูก
ไม่ว่าคำพูดของพ่อคืออะไรนั่นก็จะเป็นคำพูดของลูกๆ
ดังนั้นทุกการกระทำของลูกควรจะเป็นเช่นไร(กระจกเงา)
ดังนั้นให้ทุกการกระทำเป็นเหมือนกระจกเงาที่จะมองเห็นพ่อได้
นี่เป็นกลุ่มเช่นนั้นใช่ไหม? มีกระจกมากมายในโลกที่ทำให้สิ่งที่เล็กดูใหญ่
สิ่งที่ใหญ่ดูเหมือนเล็ก ดังนั้นกระจกของทุกการกระทำของลูกควรจะแสดงให้เห็นอะไร?
ให้กระจกแสดงทุกสิ่งเป็นสองสิ่ง: ลูกกับพ่อ พ่อควรจะถูกมองเห็นในลูก
และลูกควรจะถูกมองเห็นในพ่อ ลูกได้เห็นทั้งสองทางในพ่อบราห์มาเสมอใช่ไหม?
ในทำนองเดียวกันให้พ่อปรากฏให้เห็นในลูกแต่ละคนเสมอ
ดังนั้นนั่นคือการเห็นสองทางใช่ไหม? ลูกเป็นกระจกเช่นนั้นหรือไม่?
งานรับใช้พิเศษอะไรที่ลูกผู้เป็นเครื่องมือผู้รับใช้กำลังทำ?
งานรับใช้พิเศษเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการเปิดเผยพ่อ
ดังนั้นจงเปิดเผยพ่อผ่านทุกการกระทำ คำพูด และทุกความคิดของลูก
ลูกจะไม่ว่างเว้นอยู่ในงานนี้เสมอใช่ไหม?
เมื่อไหร่ก็ตามที่ดวงวิญญาณมองไปที่ดวงวิญญาณอื่นและคิดว่า
ดวงวิญญาณนั้นพูดได้ดีมาก ดวงวิญญาณนั้นทำงานรับใช้ได้ดีมาก
ดวงวิญญาณนั้นให้ดิสตีได้ดีมาก นั่นก็ไม่ใช่การเห็นพ่อแต่เป็นการเห็นดวงวิญญาณ
สิ่งนี้ก็ผิดเช่นกัน เมื่อพวกเขามองเห็นลูก “บาบา” ควรจะปรากฏออกมาจากปากของพวกเขา
แล้วเมื่อนั้นจึงจะกล่าวได้ว่าลูกเป็นกระจกที่ทรงพลัง
อย่าให้มองเห็นเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น ให้พ่อปรากฏเห็นด้วย
และนี่เรียกว่าเป็นผู้รับใช้ที่ถูกต้อง ลูกเข้าใจหรือไม่? ยิ่งลูกมี “บาบา บาบา”
ในทุกความคิดและคำพูดของลูกมากเท่าไร
ผู้อื่นก็จะสามารถมองเห็นบาบาผ่านลูกได้มากเท่านั้น
ทุกวันนี้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์พวกเขาแสดงสิ่งต่าง ๆ
ที่สิ่งแรกที่มองเห็นได้และจากนั้นจะหายไปและสิ่งอื่นสามารถมองเห็นได้ในที่เดียวกัน
ในทำนองเดียวกันพลังแห่งความเงียบของลูกทำให้ลูกหายไปเมื่อพวกเขามองลูกและพ่อได้รับการเปิดเผย
ให้งานรับใช้มีพลังเช่นนั้น เมื่อความสัมพันธ์ของดวงวิญญาณสร้างขึ้นกับพ่อ
ดวงวิญญาณก็จะมีพลังเสมอ หากความสัมพันธ์สร้างขึ้นกับดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว
พวกเขาจะไม่สามารถมีพลังได้ตลอดเวลา
ลูกเข้าใจหรือไม่ว่างานรับใช้พิเศษที่ลูกผู้รับใช้จะต้องทำคืออะไร?
การเปิดเผยพ่อผ่านลูก เมื่อพวกเขามองดูลูก ให้พวกเขาเริ่มร้องเพลง “บาบา บาบา”
ลูกกำลังทำงานรับใช้เช่นนั้นใช่ไหม? อัจชะ
ลูกทั้งหมดรับประทานดิลคุชโทลีในเวลาอมฤตหรือไม่?
เมื่อดวงวิญญาณผู้รับใช้รับประทานดิลคุชโทลีทุกวัน
พวกเขาก็จะสามารถให้การรับใช้นั้นแก่ผู้อื่นได้
แล้วสถานการณ์ที่ท้อแท้ใจก็จะไม่มาหาลูก
นักเรียนก็จะไม่มาหาลูกด้วยสถานการณ์เช่นนั้น
มิฉะนั้นลูกจะต้องให้เวลากับสิ่งนั้นเช่นกันใช่ไหม?
แล้วก็จะเป็นการประหยัดเวลาในขณะนั้น
และลูกก็จะสามารถรับใช้ผู้อื่นอย่างต่อเนื่องด้วยดิลคุชโทลีในเวลานั้น อัจชะ
ลูกทั้งหมดอยู่อย่างเป็นดิลคุช - หัวใจที่มีความสุขเสมอใช่ไหม?
ไม่มีลูกผู้รับใช้คนไหนเคยร้องไห้ใช่ไหม? บางครั้งมีการร้องไห้ในจิตใจเช่นกัน
ไม่เพียงแค่การร้องไห้ของดวงตา ลูกไม่ใช่ผู้ที่ร้องไห้เหล่านั้นใช่ไหม? อัจชะ
ลูกเป็นผู้ที่พร่ำบ่นหรือไม่? ลูกพร่ำบ่นกับพ่อหรือไม่? “ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นกับฉัน?
ทำไมบทบาทของฉันเป็นเช่นนี้เท่านั้น? ทำไมซันสการ์ของฉันจึงเป็นเช่นนี้เท่านั้น?
ทำไมฉันจึงไม่พบนักเรียนเช่นนั้น ทำไมให้ฉันไปประเทศนั้น?”
ลูกไม่ใช่ผู้ที่พร่ำบ่นเช่นนั้นใช่ไหม?
การพร่ำบ่นหมายถึงร่องรอยของความเลื่อมใสศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
เป็นหน้าที่พิเศษของผู้รับใช้ที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นประเทศ
นักเรียน ซันสการ์ของลูกเองหรือของเพื่อน
แทนที่จะพร่ำบ่นจงทำให้ตนเองข้องแวะอยู่ในงานของการเปลี่ยนแปลง
ผู้รับใช้นั้นไม่ควรจะมองดูความอ่อนแอของผู้อื่น ถ้าลูกมองดูความอ่อนแอของผู้อื่น
ตัวลูกเองก็จะกลับมาอ่อนแอด้วยเช่นกัน ดังนั้นให้มองที่คุณสมบัติพิเศษของทุกคนเสมอ
ซึมซับคุณสมบัติพิเศษนั้น พูดถึงแต่คุณสมบัติพิเศษเท่านั้น
นี่คือวิธีพิเศษที่จะทำให้ผู้รับใช้มีสภาพที่โบยบิน ลูกเข้าใจหรือไม่?
ผู้รับใช้ทำอะไรอีก? ลูกวางแผนที่ดีมาก ลูกมีความจริงจังและกระตือรือร้นที่ดี
ลูกมีความรักที่ดีต่อพ่อและงานรับใช้ จะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
อัจชะ
ในปัจจุบันมีอำนาจพิเศษสองอำนาจในโลก: (1) อำนาจทางการเมือง (2) อำนาจของศาสนา
ผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางการเมือง แม้ว่าจะมีผู้คนที่มีอาชีพแตกต่างกัน
แต่อำนาจก็อยู่กับสองสิ่งนี้
ดังนั้นขอให้อำนาจทั้งสองนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้นับถือศาสนาในขณะนี้ไม่มีอำนาจ
และผู้มีอำนาจทางการเมืองก็มีอำนาจทางการเมืองแต่ในนามเท่านั้น
และตอนนี้พวกเขาไม่มีอำนาจใด ๆเลย ลูกจะทำให้พวกเขามีประสบการณ์นี้อย่างไร?
วิธีการที่จะทำเช่นนี้คืออะไร?
ให้ประสบการณ์ของความบริสุทธิ์และความเป็นหนึ่งเดียวกันแก่ผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางศาสนาทุกคน
เนื่องจากพวกเขาขาดสองสิ่งนี้อำนาจทั้งสองจึงอ่อนแอ
เมื่อพวกเขาได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนว่าความบริสุทธิ์คืออะไรและความเป็นหนึ่งเดียวกันคืออะไร
พวกเขาก็จะเข้าใจว่าตัวเขาเองอ่อนแอและที่ลูกมีพลัง ไตร่ตรองนี้โดยเฉพาะ
วิธีพิเศษที่จะทำให้ผู้ที่มีอำนาจของศาสนารู้สึกว่าพวกเขาไม่มีอำนาจเลยที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์
พิสูจน์ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้ที่อยู่ในแวดวงทางการเมือง ไตร่ตรองหัวข้อนี้
วางแผนและทำให้แผนเหล่านี้ไปถึงพวกเขา
หากลูกพิสูจน์พลังทั้งสองนี้แล้วลูกก็จะสามารถยกธงของอำนาจของพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย
เวลานี้จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับทั้งสองสิ่งนี้ ภายในพวกเขาเข้าใจสิ่งนี้
แต่พวกเขายังคงมีความหยิ่งยโสจากภายนอก
เมื่อพวกเขาเข้ามามีการติดต่อที่ใกล้ชิดกับลูกที่มีพลังแห่งความบริสุทธิ์และความเป็นหนึ่งเดียวกัน
พวกเขาเองก็จะเริ่มพูดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ลูกเข้าใจไหม?
เมื่อลูกพิสูจน์ว่าผู้มีอำนาจทั้งสองอ่อนแอ การเปิดก็เผยจะเกิดขึ้น อัจชะ
เวลานี้กลุ่มที่เฝ้าแต่ทำงานรับใช้จะมีความพอใจอยู่เสมอ
ลูกคือโยคีที่พอใจที่พอใจกับตนเองพร้อมกับมิตรของลูกและงานรับใช้ของลูกในทุก ๆ ด้าน
ลูกประกาศสิทธิ์ในประกาศนียบัตรของความพอใจนี้แล้วใช่ไหม?
บัพดาดาและดาดี้และดีดี้ที่เป็นเครื่องมือควรให้ประกาศนียบัตรแก่ลูกว่า ใช่,ลูกเป็นโยคีที่มีความพอใจ
ลูกได้รับประกาศนียบัตรในขณะเดินเหินและเคลื่อนไหวไปมา อัจชะ ลูกไม่เคยมี "อารมณ์เสีย"
ใช่ไหม? ลูกไม่เคยเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่จะทำงานรับใช้และมี“ อารมณ์เสีย” ใช่ไหม?
ลูกไม่คิดว่า "เอาละมีอะไรให้ทำอีกหรือ รีบทำอะไรหรือ? ใช่ไหม"
ดังนั้นตรวจสอบทุกสิ่งเหล่านี้ในตัวลูกเอง หากมีสิ่งใดขาดหายไป
จงเปลี่ยนแปลงตนเองเพราะดวงวิญญาณที่มีค่าและเฝ้าแต่ทำงานรับใช้หมายถึงผู้ที่แสดงทุกการกระทำบนเวที
ในขณะที่อยู่บนเวทีลูกจะต้องทำให้ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างสูงส่งและยุกตียุกต์
อย่าคิดว่าลูกกำลังนั่งอยู่ในศูนย์ในประเทศนั้นประเทศนี้
แต่ลูกกำลังนั่งอยู่บนเวทีของโลก
ด้วยการมีสำนึกรู้นี้ทุกการกระทำของลูกก็จะกลับมาสูงส่งโดยอัตโนมัติ
มีหลายคนกำลังทำตามลูก
ดังนั้นหากลูกทำตามพ่ออย่างสม่ำเสมอแล้วผู้ที่ทำตามลูกก็จะทำตามพ่อด้วยเช่นกัน
ดังนั้นพวกเขากำลังทำตามพ่อในทางอ้อม เพราะทุกการกระทำของลูกอยู่ในการทำตามพ่อ
ดังนั้นจงมีสำนึกรู้นี้เสมอ อัจชะ เพราะความรักของลูก
ลูกจึงอยู่เหนือความเพียรพยายาม
พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์และทำให้พ่อผู้เดียวเป็นมิตรร่วมทางของลูกและอยู่ในความเป็นมิตรของท่าน
ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์คือคนที่สร้างสมความบริสุทธิ์ของพรหมมาจารีไว้ในความคิดของเขาและในความฝันของเขาและทำตามคำสอนของพ่อในทุกย่างก้าว
ความบริสุทธิ์หมายถึงการทำให้พ่อเป็นมิตรร่วมทางที่สม่ำเสมอและอยู่ในความเป็นมิตรของพ่อ
มิตรร่วมทางของชุมนุมและและกฎเกณฑ์ระเบียบวินัยของความรักของครอบครัวเป็นเรื่องที่แตกต่าง
เป็นเพราะพ่อเท่านั้นที่ทำให้ลูกมีความรักในชุมนุม
ถ้าไม่ใช่เพื่อพ่อแล้วครอบครัวจะมาจากไหน?
พ่อคือเมล็ดและดังนั้นลูกต้องไม่มีวันลืมเมล็ด
คติพจน์:
อย่าเป็นผู้ที่ประทับใจใครบางคน
แต่กลายเป็นผู้ที่มีความรู้ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้อื่น