28.07.19    Avyakt Bapdada     Thai Murli     07.01.85     Om Shanti     Madhuban


ความคิดพิเศษสำหรับปีใหม่-กลับมาเป็นนายผู้ประทานโชค


วันนี้ พ่อผู้ประทานโชคได้มาพบลูกๆของท่านผู้เป็นนายผู้ประทานโชค พ่อ,ผู้ประทานโชคกำลังมองดูชาร์ทของลูกทุกคน ด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมดที่ลูกได้รับจากผู้ประทานโชค ลูกกลายเป็นนายของผู้ประทานโชคเหมือนกับผู้ประทานโชคมากแค่ไหน? ลูกกลายเป็นผู้ประทานความรู้หรือไม่? ลูกกลายเป็นผู้ประทานพลังแห่งการจดจำระลึกถึงหรือไม่? ตามเวลาและความต้องการ ลูกได้กลายเป็นผู้ประทานพลังทั้งหมดหรือไม่? ลูกได้กลายเป็นผู้ประทานคุณธรรมหรือไม่? ลูกได้กลายเป็นผู้ประทานสายตาทางจิตและความรักทางจิตหรือไม่? ตามเวลาลูกได้กลายเป็นผู้ให้ความร่วมมือกับทุกดวงวิญญาณหรือไม่? ลูกกลายเป็นผู้ที่ให้ความเป็นมิตรที่สูงส่งของลูกและมีสายใยแก่ผู้ที่อ่อนแอหรือไม่? ลูกกลายเป็นผู้ให้ความจริงจังและความกระตือรือร้นที่จะทำให้ดวงวิญญาณที่ขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผลเป็นดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความพอใจหรือไม่? บาบากำลังมองดูชาร์ทนี้ของนายผู้ประทานโชคทุกคน

ผู้ประทานหมายถึงผู้ที่ให้ในทุกขณะผ่านทุกความคิด ผู้ประทานโชคหมายถึงผู้ที่มีหัวใจที่กว้างใหญ่ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องให้หัวใจก็กว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร ผู้ประทานหมายถึงผู้ที่ไม่มีความปรารถนาที่จะได้รับสิ่งใดจากดวงวิญญาณอื่นนอกจากผู้เป็นพ่อ ผู้ที่ให้อย่างสม่ำเสมอ หากใครบางคนให้ความรักและความร่วมมือทางจิตแล้ว เขาจะให้กลับไปเป็นหลายล้านเท่าเพื่อเป็นการตอบแทน เช่นเดียวกับที่พ่อไม่รับ,แต่ให้ หากลูกจะให้ทุกสิ่งที่เก่าซึ่งมีค่าแค่เศษฟางที่เขามีแก่ผู้ประทาน ผู้ประทานก็จะให้เป็นการตอบแทนอย่างมากมาย ที่การได้รับเปลี่ยนเป็นการให้ นายของผู้ประทานโชคเช่นนั้นคือผู้ที่ให้ในทุกความคิดและในทุกย่างก้าว ผู้ประทานที่ยิ่งใหญ่ หมายถึงผู้ประทานโชค เนื่องจากการให้อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะเห็นแก่ผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะอยู่เหนือแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวและเป็นที่รักของทุกคนเช่นเดียวกับพ่อ ทุกคนจะมีบันทึกรายงานของการให้ความเคารพแก่ผู้ประทานโชคโดยอัตโนมัติ ผู้ประทานโชคจะเป็นผู้ประทานในสายตาของทุกคนโดยอัตโนมัติ นั่นคือดวงวิญญาณเช่นนั้นจะมีความยิ่งใหญ่ ลูกแต่ละคนได้กลายเป็นผู้ประทานโชคเช่นนั้นมากแค่ไหน? ผู้ประทานโชคหมายถึงผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ ผู้ประทานหมายถึงผู้ที่เป็นผู้หล่อเลี้ยง ผู้ที่ให้การหล่อเลี้ยงของความรักและความร่วมมือเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่ออย่างสม่ำเสมอ ผู้ประทานโชคหมายถึงผู้ที่เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ดังนั้นให้ตรวจสอบตนเองว่าลูกเป็นผู้ที่รับหรือเป็นนายผู้ประทานโชค ผู้ที่ให้?

ขณะนี้ตามเวลา ลูกจะต้องเล่นบทบาทของการเป็นนายผู้ประทานโชค เพราะเวลาใกล้เข้ามามากขึ้น นั่นคือลูกต้องกลับมาทัดเทียมกับพ่อ ถ้าแม้กระทั่งเวลานี้ลูกยังต้องการที่จะรับเพื่อตนเอง แล้วเมื่อไหร่ลูกจะเป็นผู้ประทาน? การให้ในเวลานี้คือการได้รับ ยิ่งลูกให้มากแค่ไหน สิ่งนั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยตามนั้นโดยอัตโนมัติ อย่ากลายเป็นผู้ที่รับสิ่งที่มีขีดจำกัดประเภทใดๆ ถ้าแม้กระทั่งเวลานี้ ลูกปรารถนาที่จะเติมเต็มความหวังที่มีขีดจำกัดของลูก แล้วลูกจะเติมเต็มความหวังของดวงวิญญาณทั้งหมดในโลกได้อย่างไร? “ฉันต้องการมีชื่อเสียงเล็กน้อย (ได้รับการยกย่องเชิดชู) ความเคารพเล็กน้อย, ความนับถือ, ความรัก, และพลังสักเล็กน้อย” ถ้าแม้กระทั่งเวลานี้ลูกยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้ นั่นคือหากลูกมีความปรารถนาเหล่านี้สำหรับตนเอง แล้วเมื่อไหร่ลูกจะได้สัมผัสกับสภาพของการไม่รู้ในความรู้เกี่ยวกับความอยากความปรารถนาอย่างสมบูรณ์? ความปรารถนาที่มีขีดจำกัดเหล่านั้นจะไม่ปล่อยให้ลูกกลายเป็นคนดีได้ ความปรารถนาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการเป็นขอทานที่สูงศักดิ์ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะมาอยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีสิทธิโดยอัตโนมัติ พวกเขาจะไม่ร้องเพลงว่า “ฉันต้องการ ฉันต้องการ” พวกเขาจะร้องเพลงว่า ฉันได้รับแล้ว ฉันกลายเป็นสิ่งนี้แล้ว สำหรับผู้ประทานที่ไม่มีขีดจำกัด ความหวังและความปรารถนาที่มีขีดจำกัดจะอยู่ข้างหลังเขาเหมือนกับเงา เมื่อลูกร้องเพลงว่าลูกได้รับสิ่งที่ลูกต้องการแล้ว แล้วยังคงมีความปรารถนาที่จะได้รับชื่อเสียงเกียรติยศศักดิ์ศรีที่มีขีดจำกัดเล็กน้อยนั้นได้อย่างไร? พูดอีกอย่างหนึ่งคือก็เปลี่ยนเพลงนั้น! เมื่อวัตถุธาตุทั้งห้าได้กลายเป็นผู้รับใช้เบื้องหน้าของลูกผู้ประทานโชค เมื่อลูกกลายเป็นผู้เอาชนะวัตถุธาตุและมายาด้วยเช่นกัน แล้วความปรารถนาที่มีขีดจำกัดเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกับตะเกียงสำหรับลูกที่อยู่เบื้องหน้าดวงอาทิตย์ เมื่อลูกกลายเป็นดวงอาทิตย์แล้วจำเป็นอะไรที่ต้องมีตะเกียง? พื้นฐานของการตอบสนองในสิ่งที่ลูกต้องการคือการเฝ้าแต่ให้สิ่งนั้นๆให้มากที่สุด จงให้ความเคารพ อย่าได้รับ ให้ความนับถือ อย่าเพียงแค่รับความนับถือ หากลูกต้องการที่จะทำให้ชื่อเสียงของลูกได้รับการประกาศเกียรติคุณ จงให้ทานในนามของพ่อแล้วชื่อของลูกก็จะได้รับการประกาศเกียรติคุณโดยอัตโนมัติ การให้คือพื้นฐานของการได้รับ มีประเพณีที่ได้ดำเนินมาในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา เมื่อมีใครบางคนขาดแคลนบางสิ่ง พวกเขาก็จะทำให้บุคคลนั้นๆให้ทานสิ่งนั้นเพื่อที่จะได้รับสิ่งนั้นได้มากขึ้น แล้วการให้นั้นจึงกลายเป็นรูปของการได้รับ ในทำนองเดียวกันลูกๆของผู้ประทานกำลังจะกลายเป็นเทพผู้ให้ ผู้คนก็เฝ้าแต่ร้องเพลงยกย่องสรรเสริญลูกทั้งหมดว่าเป็นเทพผู้ให้ ผู้ประทานความสงบ ผู้ประทานความมั่งคั่ง พวกเขาไม่ได้ร้องเพลงสรรเสริญลูกอย่างเป็นผู้ที่รับ ดังนั้นวันนี้บาบากำลังมองดูชาร์ทนี้ จะมีกี่คนที่จะกลายเป็นเทพ (ผู้ให้) และมีกี่คนที่จะกลายเป็นผู้ที่รับ? ความหวังและความปรารถนาทางโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว ขณะนี้ในแง่ของความปรารถนาที่ไม่มีขีดจำกัดของชีวิตทางจิต ลูกได้พิจารณาสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นความปรารถนาของความรู้ใช่ไหม? และที่ลูกควรจะมีสิ่งเหล่านั้นใช่ไหม? อย่างไรก็ตามใครที่มีความปรารถนาที่มีขีดจำกัดจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับมายาได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลูกได้รับโดยการร้องขอ เมื่อลูกบอกใครบางคนให้ความเคารพกับลูกหรือทำให้ผู้อื่นให้ความนับถือลูก เมื่อลูกได้รับบางสิ่งด้วยการร้องขอ นั่นเป็นหนทางที่ผิด ดังนั้นลูกจะพบจุดหมายปลายทางของลูกได้อย่างไร? จงกลายเป็นนายผู้ประทานโชคแล้วทุกคนจะมาเพื่อให้กับลูกอย่างต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ ผู้ที่ร้องขอเกียรติยศ(ชาน)ก็จะกลายเป็นผู้ที่ทุกข์ระทม(พาร์อีชาน) ดังนั้นจงรักษาเกียรติยศของการเป็นนายผู้ประทานไว้ อย่าได้พูดว่า “ของฉัน ของฉัน” ทุกสิ่งเป็น “ของท่าน” เมื่อลูกพูดว่า “เป็นของท่าน” ทุกคนก็จะพูดกับลูกว่า “เป็นของท่าน” เมื่อลูกพูดว่า “ของฉัน ของฉัน” ลูกก็จะยิ่งสูญเสียสิ่งใดก็ตามที่มาหาลูก เพราะที่ใดไม่มีความพอใจ แม้กระทั่งการได้มาซึ่งการบรรลุผลก็เหมือนกับการขาดการบรรลุผล ที่ใดมีความพอใจแม้กระทั่งจะมีเล็กน้อยก็เหมือนกับมีทุกสิ่ง ดังนั้นโดยการพูดว่า “ของท่าน ของท่าน” ลูกก็จะกลายเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผล เมื่อลูกเปล่งเสียงในโดม เสียงเดียวกันนั้นก็จะก้องกลับมาหาลูก ในทำนองเดียวกันในโดมที่ไม่มีขีดจำกัดนี้ หากลูกพูดว่า “ของฉัน” จากหัวใจของลูก เสียงเดียวกันของ “ของฉัน” จะกลับมาหาลูกจากทุกคน ลูกจะพูดว่า “ของฉัน” และพวกเขาก็จะพูดว่า “ของฉัน” ดังนั้นยิ่งลูกพูดด้วยความรักจากหัวใจของลูกมากเท่าไหร่ว่ามันเป็นของท่าน(ไม่ใช่แค่เพื่อเป้าหมายของลูกเอง) ตามนั้นทุกคนก็จะพูดว่า “ของท่าน” แก่ผู้ที่พูดสิ่งนั้นด้วยความรักจากหัวใจเช่นกัน ด้วยการใช้วิธีนี้ “ของฉัน”ที่มีขีดจำกัดของลูกก็จะเปลี่ยนเป็นที่ไม่มีขีดจำกัด และแทนที่จะเป็นผู้ที่รับ ลูกจะกลายเป็นนายผู้ประทานโชค ดังนั้นในปีนี้จงมีความคิดพิเศษของการเป็นนายผู้ประทานโชคที่สม่ำเสมอ ลูกเข้าใจไหม?

โซนมหาราชตระได้มาในวันนี้ ดังนั้นลูกจะต้องกลับมายิ่งใหญ่(มหันต์)ใช่หรือไม่? มหาราชสถานหมายถึงการมีความยิ่งใหญ่อย่างสม่ำเสมอและกลายเป็นผู้ให้กับทุกคน มหาราชสตระหมายถึงแผ่นดินที่เต็มเปี่ยมเสมอ แผ่นดินอาจจะไม่เต็มเปี่ยมแต่ลูกดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จะเต็มเปี่ยม ดังนั้นมหาราชตระจึงหมายถึงดวงวิญญาณผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่

อีกกลุ่มหนึ่งมาจากยูพี ในยูพีเช่นกัน พวกเขาให้ความสำคัญต่อแม่น้ำคงคาผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ดังนั้นลูกเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลอยู่เสมอและเหตุนี้เองลูกจึงสามารถกลายเป็นผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้ ดังนั้นผู้ที่มาจากยูพีจะมีคลังสมบัติที่มีค่าของความบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน ลูกเป็นนายผู้ประทานโชคที่ให้หนึ่งหยดของความบริสุทธิ์กับทุกคน ดังนั้นลูกทั้งสองมีความยิ่งใหญ่ใช่หรือไม่? บัพดาดาพอใจที่ได้เห็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดเช่นกัน

ลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์คือผู้ที่อยู่อย่างมีความซาบซึ้งเป็นสองเท่า หนึ่งคือความซาบซึ้งของการจดจำระลึกถึง อีกหนึ่งคือความซาบซึ้งของงานรับใช้ ลูกส่วนใหญ่คือผู้ที่มีความซาบซึ้งสองเท่านี้ และความซาบซึ้งสองเท่านี้จะทำให้ลูกปลอดภัยจากความซาบซึ้งประเภทอื่น ดังนั้นลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์กำลังได้รับอันดับที่ดีในการแข่งขันของสองสิ่งนี้ ลูกจะเฝ้าแต่ร้องเพลงของบาบาและงานรับใช้แม้กระทั่งในความฝันของลูกด้วยเช่นกัน ดังนั้นนี่เป็นการบรรจบพบกันของแม่น้ำสามสาย ลูกเป็นแม่น้ำคงคา ยมนา และสรัสวตี มธุบันเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ (อาบัด) อย่างแท้จริงโดยอัลหล่า (อาราฮาบัท เมืองที่อยู่ในโซนยูพี,อินเดีย) นี่เป็นการบรรจบพบกันของแม่น้ำสามสายในแผ่นดินนี้ที่อุดมสมบูรณ์ของอะหล่า อัจชะ

ถึงผู้เป็นนายของผู้ประทานโชคอย่างสม่ำเสมอ ถึงผู้ที่มีความปรารถนาที่จะให้กับทุกคนอย่างสม่ำเสมอ ถึงผู้ที่กำลังจะกลายเป็นเทพ ถึงผู้ที่ร้องเพลง “ของท่าน ของท่าน” อย่างสม่ำเสมอ ถึงผู้ที่ทำให้ดวงวิญญาณที่ขาดบางสิ่งกลับมาเต็มเปี่ยมและพอใจ ถึงดวงวิญญาณที่เต็มเปี่ยมและเพียบพร้อมสมบูรณ์ ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา ผู้ประทานโชคและผู้ประทานพร

บัพดาดาพบครู:
ด้วยการทำงานรับใช้, ผู้รับใช้เองก็กลับมามีพลังและกลายเป็นเครื่องมือที่จะเติมพลังให้กับผู้อื่นเช่นกัน งานรับใช้ทางจิตที่แท้จริงจะทำให้ลูกผู้เป็นเครื่องมือมีความก้าวหน้าในตนเองและสร้างความก้าวหน้าให้กับผู้อื่น ก่อนที่จะรับใช้ผู้อื่นลูกต้องรับใช้ตนเองก่อน การพูดความรู้แก่ผู้อื่นหมายความว่าลูกได้ยินความรู้นั้นก่อน เพราะความรู้นั้นจะเข้าไปในหูของลูกก่อน ลูกไม่ต้องพูดความรู้กับผู้อื่นแต่ลูกต้องฟังความรู้นั้นก่อน ดังนั้นลูกจึงได้รับคุณประโยชน์สองเท่าจากการทำงานรับใช้ ลูกเองได้ประโยชน์และผู้อื่นก็ได้ประโยชน์เช่นกัน การไม่ว่างเว้นอยู่ในงานรับใช้นั้นหมายถึงการกลายเป็นผู้เอาชนะมายาอย่างง่ายดาย มายามาเมื่อลูกว่าง ผู้รับใช้จึงหมายถึงผู้ที่อยู่อย่างไม่ว่าง ผู้รับใช้ไม่เคยมีเวลาเลย เมื่อลูกไม่มีเวลา มายาจะมาได้อย่างไร? การเป็นผู้รับใช้หมายถึงการมีชัยชนะอย่างง่ายดาย ผู้รับใช้สามารถจะเข้ามาในลูกประคำได้อย่างง่ายดาย เพราะพวกเขามีชัยชนะอย่างง่ายดาย ดังนั้นดวงวิญญาณที่มีชัยชนะจะเข้ามาในลูกประคำแห่งชัยชนะ ผู้รับใช้หมายถึงผู้ที่รับประทานอาหารสดที่มีคุณค่า ผู้ที่รับประทานผลไม้สดจะมีพลานามัยที่ดี แพทย์มักจะพูดเสมอว่า “จงรับประทานผักผลไม้ที่สด” ดังนั้นการรับใช้จึงหมายถึงการได้รับวิตามิน ลูกเป็นผู้รับใช้เช่นนั้นใช่หรือไม่? งานรับใช้มีความสำคัญมาก เวลานี้จงตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ ลูกกำลังมีประสบการณ์ของงานรับใช้เช่นนั้นหรือไม่? ไม่ว่าใครอาจจะมีความสับสนมากแค่ไหน งานรับใช้จะทำให้พวกเขาร่ายรำในความสุข ไม่ว่าใครบางคนจะเจ็บป่วยเพียงใด งานรับใช้ก็จะทำให้คนนั้นมีพลานามัยที่ดี แต่อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ลูกกลับมาล้มป่วยจากการทำงานรับใช้ ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น งานรับใช้จะทำให้คนที่เจ็บป่วยมีสุขภาพที่ดี ให้มีประสบการณ์เช่นนั้น ลูกคือผู้รับใช้ที่พิเศษเช่นนั้น ดวงวิญญาณพิเศษเช่นนั้น บัพดาดามองดูผู้รับใช้ด้วยความสัมพันธ์ที่สูงส่งเสมอ เพราะลูกได้มีการสละละทิ้งและเป็นทาปัสวีเพื่อที่จะรับใช้ เมื่อเห็นการสละละทิ้งและทาปาเซียของลูก บัพดาดามีความพอใจเสมอ

ผู้รับใช้ทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่กลายเป็นเครื่องมือสำหรับงานรับใช้ที่สม่ำเสมอ จงพิจารณาว่าตนเองเป็นเครื่องมืออยู่เสมอและเฝ้าแต่เคลื่อนไปในงานรับใช้ ตรวจสอบดูว่าลูกไม่มีสำนึกของ“ของฉัน” ที่“ฉันคือผู้รับใช้” พ่อคือคาราวันฮาร์และฉันเป็นเครื่องมือ ผู้เดียวที่ดลใจที่ทำให้ฉันทำสิ่งนั้น ผู้เดียวที่ทำให้ฉันเคลื่อนไปกำลังทำให้ฉันเคลื่อนไป เมื่อลูกมีความรู้สึกที่สูงส่งนี้ลูกจะอยู่อย่างมีความรักและละวางเสมอ หากฉันเป็นผู้ที่ทำทุกสิ่ง ฉันไม่สามารถจะละวางและมีความรักได้ ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่จะมีความรักและละวางอย่างสม่ำเสมอคือ คาราวันฮาร์กำลังทำให้ฉันทำทุกสิ่ง รักษาสำนึกรู้นี้ไว้แล้วจะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าและงานรับใช้ก็จะทำอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ลูกไม่ใช่ผู้ที่เข้าไปอยู่ในโยงใยของจิตสำนึกของ“ของฉัน” หากลูกพูดว่า“บาบา,บาบา”ในทุกสิ่งก็จะมีความสำเร็จ ผู้รับใช้เช่นนั้นจะเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอและจะทำให้ผู้อื่นเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นบางครั้งลูกเองก็อยู่ในสภาพที่โบยบิน บางครั้งในสภาพที่กำลังขึ้น และบางครั้งอยู่ในสภาพที่กำลังเดิน ลูกจะเฝ้าแต่ขึ้นๆลงๆและลูกจะไม่สามารถทำให้ผู้อื่นมีพลังได้ ลูกไม่ใช่ผู้ที่เพียงแต่พูดว่า “บาบา บาบา” แต่เป็นผู้ที่ทำสิ่งนั้นไปปฏิบัติจริงๆ ผู้รับใช้เช่นนั้นจึงใกล้ชิดกับบัพดาดาเสมอและเป็นผู้ที่ทำลายอุปสรรคเสมอด้วยเช่นกัน อัจชะ

พร:
ขอให้ลูกเป็นเพียรพยายามอย่างแรงกล้าที่บินในสภาพที่โบยบินด้วยปีกแห่งความกล้าหาญ,ความจริงจังและความกระตือรือร้น

ปีกทั้งสองสำหรับสภาพที่โบยบินนั้นคือความกล้าหาญและความจริงจังและกระตือรือร้น เพื่อที่จะบรรลุความสำเร็จในงานใดๆ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะมีความกล้าหาญ,ความจริงจังและความกระตือรือร้น ที่ใดไม่มีความจริงจังและความกระตือรือร้นที่นั่นจะมีความเหนื่อยล้าและผู้ที่เหนื่อยล้าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ตามเวลาปัจจุบันลูกจะไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางของลูกได้จนกว่าลูกจะมีสภาพที่โบยบิน เพราะความพยายามนั้นจะต้องทำเพียงแค่ในชาติเกิดเดียวนี้ ในขณะที่การได้มาซึ่งการบรรลุผลไม่เพียงแค่สำหรับ 21 ชาติเกิดเท่านั้น แต่สำหรับทั้งวงจร ดังนั้นเมื่อลูกมีการตระหนักถึงเวลาในสำนึกรู้ของลูก ความพยายามของลูกก็จะแรงกล้าโดยอัตโนมัติ

คติพจน์:
เพียงผู้ที่เติมเต็มความปรารถนาของทุกคนคือคามเดนุ (วัวที่เติมเต็มความปรารถนาของทุกคน)