09.10.19 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ความรู้ที่พ่อสอนลูกนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับ
มันตราที่เป็นเวทย์มนตร์นั้นไม่เป็นผลต่อการศึกษา,
คำถาม:
เหตุใดจึงกล่าวว่าเทพมีปัญญา ในขณะที่มนุษย์นั้นไม่มี?
คำตอบ:
เพราะเทพเต็มไปด้วยคุณธรรมทั้งหมด ในขณะที่มนุษย์ไม่มีคุณธรรม
เป็นไปเพราะเทพมีปัญญาที่ผู้คนกราบไหว้บูชาพวกเขา
แบตเตอรี่ของพวกเขาได้รับการชาร์ตและเหตุนี้เองพวกเขาจึงกล่าวได้ว่ามีค่าเต็มบาท
เมื่อแบตเตอรี่ของพวกเขาหมดลง
พวกเขาก็มีค่าไม่กี่สตางค์และพวกเขาจึงถูกเรียกว่าไม่รู้คิด
โอมชานติ
พ่อได้อธิบายแก่ลูกๆ แล้วว่า นี่คือสถานที่ของการศึกษาเล่าเรียน (พาทชาลา)
นี่คือการศึกษาเล่าเรียน ลูกได้มาซึ่งสถานภาพนั้น(เทพ)ด้วยการศึกษานี้
สิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย
ผู้คนมาที่นี่จากแดนไกลเพื่อศึกษาเล่าเรียน พวกเขามาที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนอะไร?
พวกเขามีเป้าหมายและวัตถุประสงค์นั้นในสติปัญญาของพวกเขา
พวกเรามาที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียน และผู้เดียวที่กำลังสอนพวกเรานั้นก็เรียกว่าครู
กีตะคือคำพูดของพระเจ้า ไม่มีประเด็นอื่นใด
กีตะคือหนังสือของผู้เดียวที่สอนแต่ท่านไม่ได้อ่านหนังสือนั้นจริงๆ
ท่านไม่ได้ถือกีตะไว้ในมือของท่าน คำพูดเหล่านี้คือคำพูดของพระเจ้า
มนุษย์ไม่สามารถเรียกว่าพระเจ้า พระเจ้าคือผู้เดียวที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
โลกที่ไม่มีตัวตน,อาณาเขตที่ละเอียดอ่อนและโลกที่มีตัวตนนั้นคือทั้งจักรวาล
การเล่นไม่ได้เกิดขึ้นในโลกที่ไม่มีตัวตนหรืออาณาเขตที่ละเอียดอ่อน
มีการละเล่นที่นี่ วงจรของ 84 ชาติเกิดอยู่ที่นี่เช่นกัน
สิ่งนี้เรียกว่าการละเล่นของวงจรของ 84 นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ
เพราะลูกกำลังได้รับคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติของพระเจ้าที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
ไม่มีสิ่งอื่นใด เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เรียกว่าผู้ที่มีทุกพลัง,
ผู้ทรงพลังอำนาจโลก ท่านเองได้อธิบายความหมายของคำว่า “ผู้ทรงอำนาจ”
ผู้คนไม่เข้าใจสิ่งนี้ เพราะพวกเขาทั้งหมดตโมประธาน นี่เรียกว่ายุคเหล็ก
ไม่ใช่ว่าเป็นยุคเหล็กสำหรับบางคน, ยุคทองสำหรับบางคน และยุคเงินสำหรับผู้อื่น
ไม่เลย เพราะเมื่อเวลานี้เป็นนรก
มนุษย์จึงไม่สามารถพูดว่านี่คือสวรรค์สำหรับพวกเขาเพียงเพราะพวกเขามีทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งอย่างมากมาย,
สิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ การละเล่นนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว เวลานี้ยุคทองคืออดีต
ยุคทองไม่สามารถคงอยู่ในเวลานี้ เรื่องเหล่านี้ทั้งหมดต้องเป็นที่เข้าใจ
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เคยเป็นอาณาจักรของพวกเขาในยุคทอง
ผู้คนของบารัตในเวลานั้นเรียกได้ว่าเป็นยุคทอง
ในเวลานี้พวกเขาจะเรียกได้ว่าเป็นยุคเหล็กอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาเคยเป็นยุคทอง
นั่นก็เรียกว่าเป็นสวรรค์ ไม่ใช่ว่านรกนั้นจะเรียกว่าเป็นสวรรค์ด้วยเช่นกัน
ผู้คนมีการกำหนดของตนเอง เมื่อพวกเขามีความสุขของทรัพย์สมบัติ
พวกเขาก็คิดว่าตนเองนั้นอยู่ในสวรรค์ “ฉันมีทรัพย์สมบัติมากมาย
และดังนั้นฉันจึงอยู่ในสวรรค์” อย่างไรก็ตามพูดด้วยเหตุผลว่าสิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้
นี่คือนรก แม้ว่าใครบางคนอาจจะมีหนึ่งถึงสองล้าน โลกนี้ก็มีโรคภัย
ยุคทองเรียกว่าโลกที่ปราศจากโรคภัย เป็นโลกเดียวกัน ในยุคทองเรียกว่าเป็นโลกโยคี
ในขณะที่ยุคเหล็กเรียกว่าเป็นโลกโบคี(ผู้ที่ข้องแวะในความสุขจากการใช้ประสาทสัมผัส)
ที่นั่นพวกเขาคือโยคี เพราะไม่มีกิเลสใดๆ ที่นั่น
ดังนั้นนี่คือโรงเรียนและไม่มีเรื่องของการมีพลัง ครูจะแสดงพลังของเขาไหม?
ลูกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการกลายเป็นเช่นนั้นเช่นนี้
ด้วยการศึกษานี้ลูกเปลี่ยนจากมนุษย์ให้กลายเป็นเทพ
นี่ไม่ใช่เรื่องของมันตราที่เป็นเวทย์มนตร์หรือพลังลึกลับใดๆ นี่คือโรงเรียน
มีอะไรเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับในโรงเรียนหรือไม่?
พวกเขาศึกษาเล่าเรียนและกลายเป็นหมอหรือนักกฎหมาย
ลักษมีและนารายณ์ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน แต่พวกเขานั้นบริสุทธิ์
เหตุนี้เองพวกเขาจึงเรียกว่าเทพ ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์อย่างแน่นอน
นี่คือโลกเก่าที่ไม่บริสุทธิ์ ผู้คนคิดว่าใช้เวลาหลายแสนปีที่โลกจะกลับมาเก่า
หลังจากยุคเหล็กเท่านั้นที่ยุคทองจะมาถึง เวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกัน
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับยุคบรรจบพบกันนี้ พวกเขาได้แสดงยุคทองว่าหลายแสนปี
พ่อมาและอธิบายสิ่งเหล่านี้ ท่านนั้นเรียกได้ว่าเป็นดวงวิญญาณสูงสุด
พ่อของดวงวิญญาณเรียกว่าบาบา ท่านไม่ได้มีชื่ออื่นใด ชื่อของบาบาคือชีวา
ผู้คนก็ไปยังวัดของชีวาด้วยเช่นกัน
เพียงชีวาดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่เรียกว่าผู้เดียวที่ไม่มีตัวตน
ท่านไม่มีร่างที่เป็นมนุษย์ ลูกๆ ดวงวิญญาณมาที่นี่เพื่อเล่นบทบาท
และนั่นก็เป็นเมื่อลูกได้รับร่างมนุษย์ ท่านคือชีวาและลูกคือซาลิแกรม
ผู้คนกราบไหว้บูชาชีวาและซาลิแกรม เพราะพวกเขาเคยอยู่มาและจากไปในรูปที่มีชีวิต
พวกเขาต้องเคยทำบางสิ่งมาก่อนที่พวกเขาจะจากไป
เหตุนี้เองพวกเขาจึงมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการกราบไหว้บูชา
ไม่มีใครรู้ถึงชาติเกิดก่อนหน้านี้ของพวกเขา พวกเขาได้รับการยกย่องในชาติเกิดนี้
ผู้คนกราบไหว้บูชาเหล่าเทพ ในชาติเกิดนี้หลายคนได้กลายเป็นผู้นำเช่นกัน
มีการผลิตแสตมป์ของผู้รู้และผู้เคร่งศาสนาที่ดีมากผู้ที่เคยอยู่มาและจากไปที่ทำให้พวกเขานั้นมีชื่อเสียง
ชื่อของใครที่มีการจดจำว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่? ใครคือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่?
เป็นพระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
ท่านไม่มีตัวตนและคำยกย่องของท่านก็แยกจากกันอย่างสมบูรณ์
คำยกย่องของเหล่าเทพนั้นแยกจากคำยกย่องของมนุษย์ มนุษย์ไม่สามารถเรียกว่าเป็นเทพ
เหล่าเทพนั้นมีทุกคุณธรรม ลักษมีและนารายณ์เคยอยู่และจากไป
พวกเขาเป็นนายที่บริสุทธิ์ของโลก และพวกเขาได้รับการกราบไหว้บูชา
เนื่องจากผู้ที่บริสุทธิ์นั้นมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์จะกราบไหว้บูชาผู้ที่บริสุทธิ์เสมอ
เมื่อกุมารีมีความบริสุทธิ์เธอก็ได้รับการกราบไหว้บูชา
แต่เมื่อเธอกลับมาไม่บริสุทธิ์ เธอต้องก้มลงแทบเท้าของทุกคน
ในเวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ในขณะที่ทุกคนในยุคทองนั้นบริสุทธิ์
นั่นคือโลกที่บริสุทธิ์และยุคเหล็กคือโลกที่ไม่บริสุทธิ์
เหตุนี้เองพวกเขาจึงเรียกหาพ่อผู้ชำระให้บริสุทธิ์
พวกเขาไม่เรียกหาท่านเมื่อพวกเขาบริสุทธิ์ พ่อเองพูดว่า
ไม่มีใครจดจำพ่อในเวลาของความสุข สิ่งนี้หมายถึงบารัตเท่านั้น พ่อมาในบารัตเท่านั้น
บารัตกลับมาไม่บริสุทธิ์ในเวลานี้ เป็นบารัตที่เคยบริสุทธิ์
หากลูกต้องการที่จะเห็นเทพที่บริสุทธิ์
ลูกสามารถจะไปที่วัดและมองดูพวกเขาได้ที่นั่น
เหล่าเทพทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์และหัวหน้า(คนสำคัญ)ของพวกเขาก็ได้มีการแสดงไว้ในวัด
ในอาณาจักรของลักษมีและนารายณ์ทุกคนนั้นบริสุทธิ์ ราชาและราชินีเป็นเช่นไร
ปวงประชาก็เป็นเช่นนั้น ในเวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ทุกคนเฝ้าแต่เรียกหา: โอ
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้โปรดมา!
ซันยาสซีจะไม่มีวันยอมรับกฤษณะว่าเป็นพระเจ้าหรือบราห์ม
พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้านั้นเป็นผู้ไม่มีตัวตน
ภาพลักษณ์ของท่านได้รับการกราบไหว้บูชาอย่างเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่มีตัวตน
ชื่อที่ถูกต้องของท่านคือชีวา เมื่อลูกๆ ดวงวิญญาณมาที่นี่และนำร่างกายมาใช้
ลูกก็ได้รับชื่อ ดวงวิญญาณนั้นไม่สูญสลาย ในขณะที่ร่างกายนั้นสูญสลาย
ดวงวิญญาณละร่างหนึ่งและรับอีกร่างหนึ่ง ต้องมี 84 ชาติเกิด ไม่สามารถจะเป็น 8.4
ล้านชาติเกิดได้ พ่ออธิบายว่า: โลกนี้ใหม่และถูกต้องตามหลักศีลธรรมในยุคทอง
และโลกเดียวกันนี้ก็กลายเป็นโลกที่ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม
นั่นคือดินแดนแห่งสัจจะซึ่งทุกคนพูดสัจจะ บารัตนั้นเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งสัจจะ
ดินแดนของความหลอกลวงนั้นก็กลายเป็นดินแดนแห่งสัจจะ
เพียงพ่อที่แท้จริงเท่านั้นที่มาและสร้างดินแดนแห่งสัจจะ
ท่านนั้นเรียกว่าเป็นจักรพรรดิที่แท้จริงผู้ที่เป็นสัจจะ
นี่คือดินแดนแห่งความหลอกลวง ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ผู้คนพูดเป็นสิ่งที่ผิด
เทพมีสติปัญญาที่รู้คิดและมนุษย์ก็กราบไหว้บูชาพวกเขา มีคำกล่าวว่า
ผู้ที่มีปัญญาและผู้ที่ไม่รู้คิด
พ่อบอกลูกว่าใครทำให้ลูกมีปัญญาแล้วใครทำให้ลูกไม่รู้คิด
เป็นพ่อผู้ที่ทำให้ลูกมีปัญญาและเต็มไปด้วยทุกคุณธรรม
ท่านเองมาและให้คำแนะนำของตัวท่านเองแก่ลูก
เช่นที่ลูกคือดวงวิญญาณและลูกนำร่างกายมาใช้และเล่นบทบาทของลูก
ดังนั้นพ่อเช่นกันก็เข้ามาในผู้นี้เพียงครั้งเดียว
ลูกรู้ว่าท่านคือหนึ่งเดียวเท่านั้น
ท่านผู้เดียวเท่านั้นที่เรียกว่าเป็นผู้ทรงพลังอำนาจ
ไม่มีมนุษย์ใดสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงพลังอำนาจ
แม้แต่ลักษมีและนารายณ์ก็ไม่สามารถจะเรียกเช่นนั้นได้
เพราะมีผู้เดียวที่ให้พลังแก่พวกเขาด้วยเช่นกัน
มนุษย์ที่ไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถมีพลัง พลังที่ดวงวิญญาณมีนั้นก็ค่อยๆลดลงไปทีละน้อย,
นั่นคือพลังที่สโตประธานที่ดวงวิญญาณมีแล้วก็กลายเป็นพลังที่ตโมประธาน
ในทำนองเดียวกันรถยนต์ก็หยุดนิ่งเมื่อไม่มีน้ำมันอยู่ในนั้น
แบตเตอรี่นี้ไม่ได้หมดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันได้รับเต็มเวลา ในเวลาสุดท้ายของยุคเหล็ก
แบตเตอรี่จะเย็นลง
นายที่สโตประธานของโลกก็ได้สูญสิ้นพลังของเขาเพราะพวกเขาได้กลับมาตโมประธาน
พวกเขาไม่มีพลังใดๆเหลืออยู่ พวกเขากลับมามีค่าไม่กี่สตางค์ เมื่อมีศาสนาเทพในบารัต
พวกเขาก็เคยมีค่าเต็มบาท มีคำกล่าวว่า ศาสนาคืออำนาจ มีพลังในศาสนาเทพ
พวกเขาเป็นนายของโลก พวกเขามีพลังอะไร? พวกเขาไม่ได้มีพลังในการต่อสู้รบราฯลฯ
พวกเขาได้รับพลังจากพ่อผู้ทรงอำนาจ พลังอะไร? พ่ออธิบายว่า: ลูกๆ ที่สุดแสนหวาน
ลูกๆ ดวงวิญญาณเคยสโตประธาน และเวลานี้ตโมประธาน แทนที่จะเป็นนายของโลก
ลูกกลับกลายเป็นทาสของโลก พ่ออธิบายว่า:
ราวันซึ่งเป็นกิเลสทั้งห้าได้ขโมยพละกำลังทั้งหมดของลูกไป
เหตุนี้เองผู้คนของบารัตจึงได้กลับมายากจนข้นแค้น
อย่าได้คิดว่านักวิทยาศาสตร์มีพลังมากมาย นั่นไม่ใช่พลัง
นี่คือพลังทางจิตที่ลูกได้รับด้วยการมีโยคะกับพ่อผู้ทรงพลังอำนาจ
ราวกับว่าในเวลานี้การรบรากำลังเกิดขึ้นระหว่างวิทยาศาสตร์และความเงียบสงบ
ลูกไปสู่ความเงียบสงบและลูกได้รับพลังด้วยความเงียบสงบนั้น
ด้วยการได้รับพลังของความเงียบสงบ, ลูกก็ไปสู่โลกของความเงียบสงบ
ลูกจดจำพ่อและละวางตนเองจากร่างกายของลูก
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาลูกได้เพียรพยายามอย่างหนักมากเพื่อจะไปหาพระเจ้า
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเรียกท่านว่าอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน
ลูกจึงไม่สามารถค้นพบหนทางได้ ลูกได้กลับมาตโมประธาน
ดังนั้นนี่คือการศึกษาเล่าเรียน การศึกษาไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นพลัง พ่อพูดว่า
ก่อนอื่นใดจงกลับมาบริสุทธิ์ จากนั้นทำความเข้าใจความรู้ว่าวงจรโลกหมุนไปอย่างไร
พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความรู้ ไม่มีเรื่องของพลังในสิ่งนั้น ลูกๆ
ไม่รู้ว่าวงจรโลกหมุนไปอย่างไร ลูกๆซึ่งเป็นนักแสดงกำลังเล่นบทบาท
นี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด ก่อนหน้านี้เมื่อผู้คนเคยแสดงบทบาทของเขาในละคร,นักแสดงก็สามารถเปลี่ยนตัวได้
อย่างไรก็ตามในเวลานี้พวกเขาได้ทำภาพยนตร์
เป็นสิ่งที่ง่ายดายสำหรับพ่อที่จะอธิบายโดยใช้ตัวอย่างของภาพยนตร์
ภาพยนตร์เหล่านั้นคือภาพยนตร์เล็กๆ และนี่คือภาพยนตร์ที่ใหญ่ ในการละเล่น(ละครทางโลก)
สามารถที่จะมีการเปลี่ยนตัวนักแสดงได้
ละครนี้คงอยู่ตลอดไปและเมื่อบางสิ่งได้มีการถ่ายทำแล้วก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนได้
ทั้งโลกนี้คือภาพยนตร์ที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีเรื่องของพลัง อัมบาเรียกว่าชัคตี
แต่เธอก็ยังคงมีชื่อ เหตุใดเธอจึงถูกเรียกว่าอัมบา? เธอได้ทำอะไรเมื่อเธออยู่ที่นี่?
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าอัมบาและลักษมีนั้นคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
และแล้วอัมบาก็กลายเป็นลักษมี ลูกๆ เท่านั้นที่เข้าใจสิ่งนี้
ลูกกลายเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ และได้มีการสอนความบริสุทธิ์แก่ลูกด้วยเช่นกัน
ความบริสุทธิ์คงอยู่มาเป็นเวลาถึงครึ่งวงจร
จากนั้นพ่อก็มาและแสดงหนทางสู่ความบริสุทธิ์แก่ลูก
ในเวลานี้ผู้คนเรียกหาท่านให้มาและชี้หนทางแก่พวกเขาและกลายเป็นผู้นำทางด้วยเช่นกัน
ท่านคือดวงวิญญาณสูงสุด ดวงวิญญาณกลับมาสูงสุดด้วยการศึกษากับผู้ที่สูงสุด
ใครบางคนที่บริสุทธิ์ก็เรียกว่าสูงสุด เวลานี้ลูกไม่บริสุทธิ์ พ่อนั้นบริสุทธิ์เสมอ
มีความแตกต่าง
เมื่อผู้เดียวที่บริสุทธิ์เสมอมาที่นี่เท่านั้นที่ท่านจะให้มรดกแก่ลูกและสอนลูก
ท่านเข้ามาในผู้นี้และบอกลูกด้วยตัวท่านเองว่าท่านคือพ่อของลูก
แน่นอนว่าพ่อต้องการพาหนะ ไม่เช่นนั้นแล้วดวงวิญญาณจะพูดได้อย่างไร?
พาหนะนั้นก็มีชื่อเสียงโด่งดังด้วยเช่นกัน “พาหนะที่โชคดี” ได้รับการจดจำ ดังนั้น “พาหนะที่โชคดี”
นั้นคือมนุษย์ ไม่มีเรื่องของรถม้า
จำเป็นต้องมีรถม้าที่เป็นมนุษย์เพื่อที่ท่านจะสามารถนั่งและอธิบายแก่มนุษย์
แล้วพวกเขาก็ได้แสดงรถม้า มนุษย์ถูกเรียกว่า “พาหนะที่โชคดี”
ที่นี่สัตว์บางตัวก็ได้รับการดูแลอย่างดีมาก
แม้แต่มนุษย์ก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่มากเท่านั้น ผู้คนรักสุนัขของเขามาก!
พวกเขาแม้กระทั่งรักม้าและวัว พวกเขามีนิทรรศการสุนัข
ไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นมีอยู่ที่นั่น ลักษมีและนารายณ์จะดูแลสุนัขไหม?
เวลานี้ลูกๆรู้ว่ามนุษย์ทั้งหมดนี้มีสติปัญญาที่ตโมประธานในเวลานี้
และต้องมีการทำให้พวกเขาสโตประธาน ที่นั่นม้า ฯลฯ
ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นที่ผู้คนจะต้องรับใช้พวกมัน พ่ออธิบายว่า:
ดูว่าสภาพของลูกเป็นเช่นไร! ราวันทำให้สภาพของลูกเป็นเช่นนั้น เขาคือศัตรูของลูก
อย่างไรก็ตามลูกไม่รู้ว่าศัตรูนี้เกิดมาเมื่อไหร่
ลูกไม่รู้เกี่ยวกับการเกิดของชีวาหรือแม้แต่เกี่ยวกับการเกิดของราวัน
พ่อบอกลูกว่าราวันมาในตอนสิ้นสุดของยุคเงินและตอนเริ่มต้นของยุคทองแดง
ทำไมเขาถึงได้แสดงราวันที่มี 10 หัว? เหตุใดผู้คนจึงเผาหุ่นจำลองของราวันทุกปี?
ไม่มีใครรู้สิ่งนั้น
เวลานี้ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนเพื่อเปลี่ยนจากมนุษย์ให้กลายเป็นเทพ
ผู้ที่ไม่ศึกษาเล่าเรียนก็ไม่สามารถกลายเป็นเทพได้
แล้วพวกเขาก็จะมาเมื่ออาณาจักรของราวันเริ่มขึ้น
เวลานี้ลูกรู้ว่าลูกเป็นของศาสนาเทพและต้นอ่อนนั้นกำลังมีการเพาะหว่านขึ้นในเวลานี้
พ่อพูดว่า พ่อมาทุกๆ 5000 ปีและสอนลูกในลักษณะนี้
เวลานี้ต้นไม้ของทั้งโลกได้กลับมาเก่า เมื่อต้นไม้ใหม่ก็มีเพียงศาสนาเทพเดียว
และแล้วพวกเขาก็ค่อยๆ ลงมาทีละน้อย พ่อกำลังบอกลูกถึงบัญชีของ 84 ชาติเกิด
เพราะท่านนั้นเต็มไปด้วยความรู้ อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. สะสมพลังแห่งความเงียบสงบ
ด้วยพลังแห่งความเงียบสงบลูกต้องไปสู่โลกแห่งความเงียบสงบ
รับพลังด้วยการจดจำระลึกถึงพ่อและกลายเป็นนาย ปลดปล่อยตนเองจากความเป็นทาส
2. ด้วยการศึกษากับสิ่งสูงสุด ดวงวิญญาณจึงกลับมาสูงสุด
ทำตามหนทางของความบริสุทธิ์เท่านั้น กลับมาบริสุทธิ์และทำให้ผู้อื่นบริสุทธิ์
กลายเป็นผู้นำทาง
พร:
ขอให้ลูกเป็นตัวของประสบการณ์ที่พิจารณาดวงวิญญาณที่สร้างอุปสรรคให้เป็นครูของลูกและเรียนรู้บทเรียนจากพวกเขา
อย่ามองดูดวงวิญญาณที่กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างอุปสรรคว่าเป็นดวงวิญญาณที่สร้างอุปสรรค
แต่ให้พิจารณาดวงวิญญาณเหล่านั้นว่าเป็นดวงวิญญาณที่สอนบทเรียนแก่ลูกและเป็นเครื่องมือที่ทำให้ลูกก้าวไปข้างหน้า
คิดว่าพวกเขาเป็นครูของลูกและทำให้ลูกมีประสบการณ์
เมื่อลูกพูดว่าคนที่ประมาณลูกเป็นเพื่อนของลูก
แล้วคนที่ทำให้ลูกสามารถข้ามผ่านอุปสรรคและทำให้ลูกมีประสบการณ์ก็เป็นครูของลูก
ดังนั้นแทนที่จะมองดวงวิญญาณที่สร้างอุปสรรคด้วยสายนั้นให้พิจารณาว่าพวกเขาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกสามารถข้ามผ่านอุปสรรคและเป็นเครื่องมือที่ทำให้ลูกไม่สั่นคลอน
อำนาจของประสบการณ์ของลูกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องในลักษณะนี้
คติพจน์:
จบสิ้นไฟล์ของการพร่ำบ่นและกลับมาดีและได้รับการขัดเกลา