27.12.19 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ
ที่แสนหวาน เวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุด
ในขณะที่อยู่ที่นี่ลูกต้องจดจำโลกใหม่และทำให้จิตวิญญาณของลูกบริสุทธิ์
คำถาม:
พ่อได้ให้ความเข้าใจอะไรแก่ลูกที่เปิดล็อคของสติปัญญาของลูก?
คำตอบ:
พ่อได้ให้ความเข้าใจของละครที่ไม่มีขีดจำกัดนี้ที่ก็อดเร็จล็อคที่ล็อคสติปัญญาของลูกนั้นถูกเปิดออก
สติปัญญาของลูกเปลี่ยนจากหินและถูกทำให้สูงส่ง
พ่อให้ความเข้าใจแก่ลูกว่านักแสดงแต่ละคนในละครนี้มีบทบาทที่คงอยู่ตลอดไปของตนเองที่จะเล่น
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลูกแต่ละคนศึกษาเล่าเรียนในวงจรก่อนหน้านี้ลูกก็จะทำเช่นนั้นในเวลานี้
ลูกจะเพียรพยายามเพื่อประกาศสิทธิ์ในมรดกของลูก
โอมชานติ
พ่อทางจิตนั่งที่นี่และสอนลูกๆ ทางจิต
จากช่วงเวลาที่ท่านกลายเป็นพ่อของเราท่านก็กลายเป็นครูของเราด้วยเช่นกันและท่านก็ให้คำสอนแก่เราในรูปของสัตกูรูด้วยเช่นกัน
ลูกๆ รู้ว่าเพราะเมื่อท่านคือพ่อ ครู และสัตกูรู ท่านก็จะไม่ได้เป็นเด็กเล็กๆ
ท่านเป็นผู้ที่สูงสุดและยิ่งใหญ่ที่สุด พ่อรู้ว่าลูกทั้งหมดเป็นลูกของท่าน
ตามแผนของละครลูกเคยเรียกหาท่านเพื่อมาและนำลูกไปสู่โลกที่บริสุทธิ์แต่ลูกก็ไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่ายุคทองเรียกว่าโลกที่บริสุทธิ์และยุคเหล็กเรียกว่าโลกที่ไม่บริสุทธิ์
ลูกพูดด้วยเช่นกันว่า โปรดมาและปลดปล่อยพวกเราจากกรงขังของราวัน!
ปลดปล่อยพวกเราจากความทุกข์ทั้งหมดของเราและพาพวกเรากลับไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุขของเรา
ชื่อทั้งสองนั้นดีมาก:
การหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตหรือดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข!
ไม่มีสติปัญญาของผู้ใดนอกจากของลูกๆที่รู้ว่าดินแดนแห่งความสงบอยู่ที่ไหนหรือดินแดนแห่งความสุขอยู่ที่ไหน
พวกเขาไม่รู้คิดโดยสิ้นเชิง เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูกคือการกลับมารู้คิด
ผู้ที่ไม่รู้คิดมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการกลับมารู้คิดเหมือนพวกเขา(ลักษมีและนารายณ์)
ลูกต้องสอนทุกคนว่าเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของที่นี่คืออะไร?
คือการกลายเป็นเทพจากมนุษย์ นี่คือโลกมนุษย์และนั่นคือโลกแห่งเทพ
ยุคทองคือโลกของเทพและดังนั้นยุคเหล็กจะเป็นโลกของมนุษย์อย่างแน่นอน
เนื่องจากเวลานี้เราต้องกลายเป็นเทพจากมนุษย์
เราต้องอยู่ในยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุดอย่างแน่นอน
คนเหล่านั้นคือเทพและคนเหล่านี้คือมนุษย์ เทพมีความรู้คิด
พ่อทำให้พวกเขารู้คิดท่านคือนายของโลก
แม้ว่าท่านไม่เคยกลายเป็นนายของโลกนั้นแต่ก็ยังมีคำสรรเสริญนี้
พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดคือผู้เดียวที่ให้ความสุขที่ไม่มีขีดจำกัด
มีความสุขที่ไม่มีขีดจำกัดในโลกใหม่และมีความทุกข์ที่ไม่มีขีดจำกัดในโลกเก่า
ภาพของเทพเหล่านั้นอยู่เบื้องหน้าลูก มีคำยกย่องพวกเขา
ทุกวันนี้แม้แต่วัตถุธาตุทั้งห้าก็ได้รับการกราบไหว้บูชา
พ่ออธิบายว่าเวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุด
ลูกแต่ละคนก็เข้าใจตามลำดับกันไปด้วยเช่นกันตามความเพียรพยายามของลูกว่าลูกได้วางเท้าข้างหนึ่งในสวรรค์และเท้าอีกข้างหนึ่งในนรก
แม้ว่าลูกจะมีชีวิตอยู่ที่นี่สติปัญญาของลูกก็อยู่ในโลกใหม่
ดังนั้นลูกต้องจดจำผู้เดียวที่ส่งลูกไปสู่โลกใหม่
ด้วยการจดจำระลึกถึงพ่อเท่านั้นที่ลูกจะกลับมาบริสุทธิ์
ชีพบาบานั่งที่นี่และอธิบายสิ่งนี้ พวกเขาเฉลิมฉลองวันเกิดของชีวาอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ท่านมาหรือท่านทำอะไรเมื่อท่านมา
พวกเขาเฉลิมฉลองกลางคืนของชีวาและพวกเขาก็เฉลิมฉลองการเกิดของกฤษณะเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้ใช้คำเดียวกันสำหรับชีพบาบาเหมือนกับที่พวกเขาทำกับกฤษณะ
แม้ว่าพวกเขาจะพูดว่า “ชีพราตรี” พวกเขาก็ไม่ได้เข้าใจความหมายของสิ่งนั้น
มีการอธิบายความหมายแก่ลูกๆ แล้ว
มีความทุกข์ที่ไม่มีขีดจำกัดในตอนท้ายของยุคเหล็กและมีความสุขที่ไม่มีขีดจำกัดในยุคทอง
เวลานี้ลูกๆ ได้รับความรู้นี้แล้วและลูกรู้ถึงตอนเริ่ม ตอนกลาง และตอนจบของวงจร
ผู้ที่เคยศึกษาสิ่งนี้ในวงจรที่แล้วก็จะศึกษาในเวลานี้
ไม่ว่าพวกเขาจะทำความเพียรพยายามอะไรพวกเขาก็จะเริ่มทำสิ่งเดียวกันนั้นอีกครั้งและประกาศสิทธิ์ในสถานภาพตามนั้น
ทั้งวงจรอยู่ในสติปัญญาของลูก
ลูกคือผู้ที่ได้รับสถานภาพที่สูงสุดแล้วเป็นผู้ที่ลงมาตามนั้น
พ่อได้อธิบายแล้วว่าดวงวิญญาณของมนุษย์ทุกคน,ทุกคนในลูกประคำลงมาตามลำดับกันไป
นักแสดงแต่ละคนได้รับบทบาทของตนเองที่จะเล่น –
บทบาทอะไรก็ตามที่แต่ละคนเล่นในแต่ละช่วงเวลา
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายว่าละครที่ถูกสร้างขึ้นคงอยู่ตลอดไป
เวลานี้ลูกต้องอธิบายให้แก่พี่น้องของลูกในสิ่งที่พ่อสอนลูก
สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่าพ่อมาและอธิบายแก่พวกเราทุก 5000
ปีแล้วเราก็ต้องอธิบายสิ่งนี้แก่พี่น้องของเรา
ในแง่ของดวงวิญญาณลูกทั้งหมดคือพี่น้อง พ่อพูดว่า
เวลานี้ลูกต้องพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณที่ปราศจากร่าง
ดวงวิญญาณต้องจดจำพ่อของเขาเพื่อที่จะกลับมาบริสุทธิ์
เมื่อดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์พวกเขาก็ได้รับร่างกายที่บริสุทธิ์
เมื่อดวงวิญญาณไม่บริสุทธิ์เครื่องประดับ(ร่างกาย)ของเขาก็ไม่บริสุทธิ์เช่นกัน
ทุกคนตามลำดับกันไป
รูปลักษณะและกิจกรรมของแต่ละคนนั้นก็ไม่สามารถเหมือนกันกับอีกคนได้
แต่ละคนก็เล่นบทบาทของตนเองตามลำดับกันไป
ไม่สามารถที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยในละคร
ลูกจะเห็นฉากเดียวกันในวันพรุ่งนี้ที่ลูกเคยเห็นเมื่อวานนี้ สิ่งเดียวกันจะซ้ำรอย
นี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัดของเมื่อวานและวันนี้
ได้อธิบายแก่ลูกเมื่อวานว่าลูกประกาศสิทธิ์ในอาณาจักรอย่างไรและลูกสูญเสียอาณาจักรนั้นไปอย่างไร
วันนี้เวลานี้ลูกเข้าใจความรู้นี้เพื่อที่จะประกาศสิทธิ์ในอาณาจักร
วันนี้บารัตคือนรกเก่าและวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นสวรรค์ใหม่
สติปัญญาของลูกรู้ว่าเวลานี้ลูกกำลังจะไปสู่โลกใหม่
ลูกกำลังจะกลับมาสูงส่งด้วยการทำตามศรีมัท
ผู้ที่สูงส่งจะอยู่ในโลกที่สูงส่งอย่างแน่นอน
ลักษมีและนารายณ์นั้นสูงส่งและดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ในสวรรค์ที่สูงส่ง
ผู้ที่คดโกงจะอาศัยอยู่ในนรก เวลานี้ลูกเข้าใจนัยสำคัญของสิ่งนี้
มีเพียงเมื่อลูกเข้าใจละครที่ไม่มีขีดจำกัดนี้อย่างชัดเจนมากแล้วเท่านั้นที่สิ่งนั้นจะนั่งอยู่ในสติปัญญาของลูก
พวกเขาเฉลิมฉลองกลางคืนของชีวาแต่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย
ดังนั้นลูกๆต้องได้รับการทำให้สดชื่นแล้วลูกจะต้องทำให้ผู้อื่นสดชื่น
เวลานี้ลูกได้รับความรู้นี้แล้วและลูกก็ได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์
พ่อพูดว่า พ่อไม่ได้เข้าไปในสวรรค์
บทบาทของพ่อคือการเปลี่ยนโลกนี้จากไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์
ที่นั่นลูกมีสมบัติที่มีค่าที่ไม่มีขีดจำกัดในขณะที่ที่นี่ลูกล้มละลาย
เหตุนี้เองลูกจึงเรียกหาพ่อให้มาและให้มรดกที่ไม่มีขีดจำกัดของลูกแก่ลูก
ลูกได้รับมรดกที่ไม่มีขีดจำกัดทุกๆวงจรและแล้วลูกก็กลับมายากจนข้นแค้นทุกๆวงจรด้วยเช่นกัน
เมื่อลูกใช้ภาพเพื่ออธิบายพวกเขาจะสามารถเข้าใจได้
ลักษมีและนารายณ์ซึ่งเป็นเทพที่สำคัญที่สุดนั้นก็กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาในขณะที่ใช้
84 ชาติเกิด เวลานี้ลูกๆ ได้รับความรู้นี้แล้ว
ลูกรู้ว่ามีศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว
โลกของเทพนั้นก็เรียกว่าไวกุณฑ์และดินแดนสุขาวดีด้วยเช่นกัน
ลูกจะไม่เรียกบารัตด้วยชื่อนั้นในเวลานี้ เวลานี้คือโลกปีศาจ
เวลานี้เป็นการบรรจบกันของตอนสิ้นสุดของโลกปีศาจและตอนเริ่มต้นของโลกเทพ
เวลานี้ลูกเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ลูกไม่สามารถได้ยินสิ่งเหล่านี้จากปากของคนอื่น
พ่อมาและใช้ปากของผู้นี้ ผู้คนไม่เข้าใจว่าท่านใช้ปากของใคร
พ่อเข้ามาขับขี่อยู่ในผู้ใด? ลูกดวงวิญญาณขับขี่อยู่ในร่างกายของลูกเอง
ชีพบาบาไม่ได้มีพาหนะของท่านเองท่านจึงต้องการปากอย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้นแล้วท่านจะสอนราชาโยคะแก่ลูกได้อย่างไร? ท่านจะไม่สอนลูกด้วยแรงบันดาลใจ
ดังนั้นจงจดประเด็นเหล่านี้ทั้งหมดไว้ในหัวใจของลูก
ความรู้ทั้งหมดที่อยู่ในสติปัญญาของพระเจ้านั้นควรจะอยู่ในสติปัญญาของลูกด้วยเช่นกัน
สติปัญญาของลูกต้องดูดซับความรู้นี้ มีคำพูดว่า สติปัญญาของลูกนั้นถูกต้องใช่ไหม?
สติปัญญาอยู่ในดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณเข้าใจด้วยสติปัญญาของเขา
ใครทำให้สติปัญญาของลูกกลายเป็นหิน
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าราวันได้เปลี่ยนสติปัญญาของลูกให้กลายเป็นอะไร
เมื่อวานนี้ลูกไม่รู้เกี่ยวกับละครนี้ มีล็อคก็อดเร็จในสติปัญญาของลูก คำว่า “พระเจ้า”
นั้นก็อยู่ในคำนั้น สติปัญญาที่พ่อให้แก่ลูกนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสติปัญญาที่เป็นหิน
แล้วพ่อก็มาอีกครั้งและเปิดล็อค ในยุคทองทุกคนมีสติปัญญาที่สูงส่ง
พ่อมาและให้คุณประโยชน์ทุกคน สติปัญญาของทุกคนนั้นก็เปิดขึ้นตามลำดับกันไป
ดวงวิญญาณก็ลงมาเรื่อยๆที่นี่คนแล้วคนเล่า ไม่มีใครสามารถคงอยู่เบื้องบน
ไม่มีใครที่ไม่บริสุทธิ์สามารถอยู่ที่นั่นได้
พ่อชำระลูกให้บริสุทธิ์และพาลูกกลับไปสู่โลกที่บริสุทธิ์
ดวงวิญญาณทั้งหมดที่บริสุทธิ์ก็อาศัยอยู่ที่นั่น นั่นคือโลกที่ไม่มีตัวตน
เวลานี้ลูกๆเข้าใจทุกสิ่งและดังนั้นบ้านของลูกก็ดูเหมือนจะอยู่ใกล้กับลูกมาก
ลูกมีความรักอย่างมากต่อบ้านของลูก ไม่มีใครมีความรักต่อบ้านหลังนั้นมากเท่ากับลูก
อย่างไรก็ตามลูกก็ตามลำดับกันไปเช่นกัน ในลูกผู้ที่รักพ่อก็รักบ้านด้วยเช่นกัน
มีลูกที่เป็นที่รักเป็นพิเศษเช่นกัน
ลูกเข้าใจว่าผู้ที่ทำความเพียรพยายามอย่างดีและกลายเป็นลูกที่เป็นที่รักพิเศษจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง
ไม่ขึ้นอยู่กับว่าลูกนั้นจะมีร่างกายที่แก่ชราหรือร่างกายที่เยาว์วัย
ผู้ที่ฉลาดในความรู้และโยคะนั้นเป็นซีเนียร์
มีลูกที่เยาว์วัยมากมายที่ฉลาดในความรู้และโยคะและดังนั้นพวกเขาจึงสอนผู้ที่อายุมากกว่า
ไม่เช่นนั้นแล้วกฎโดยทั่วไปผู้ที่แก่กว่าจะสอนผู้ที่อายุน้อยกว่า
ทุกวันนี้มีคนที่แคระแกรนด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงทุกดวงวิญญาณนั้นแคระแกรน
ดวงวิญญาณเป็นเพียงจุด ลูกจะชั่งน้ำหนักดวงวิญญาณได้อย่างไร?
ดวงวิญญาณเป็นเพียงดวงดาว จากการได้ยินคำว่า “ดวงดาว” ผู้คนก็มองขึ้นไปเบื้องบน
เมื่อลูกได้ยินคำว่า “ดวงดาว” ลูกก็มองที่ตนเอง
ลูกคือดวงดาวของโลกและดวงดาวเหล่านั้นคือดวงดาวของท้องฟ้า
ดวงดาวเหล่านั้นไม่มีชีวิตและลูกนั้นมีชีวิต
ดวงดาวเหล่านั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงในขณะที่ลูกๆ ผู้เป็นดวงดาวนั้นใช้ 84 ชาติเกิด
ลูกเล่นบทบาทที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น!
ในขณะที่เล่นบทบาทของลูกประกายของลูกก็กลับมามัวหมอง
แบตเตอรี่ของลูกก็กลับมาหมดกำลัง และแล้วเมื่อลูกๆ
ดวงวิญญาณกลับมามัวหมองอย่างสมบูรณ์พ่อก็มาและอธิบายความรู้นี้แก่ลูกในวิธีที่แตกต่างกันมากมาย
พลังที่ลูกดวงวิญญาณมีอยู่ภายในตัวลูกก็ใช้จนหมดสิ้น
เวลานี้ลูกต้องเติมตนเองด้วยพลังจากพ่อ เวลานี้ลูกกำลังเติมแบตเตอรี่ของลูกอีกครั้ง
มายาสร้างอุปสรรคมากมายในสิ่งนี้
เธอพยายามหยุดลูกจากการชาร์จแบตเตอรรี่ของลูกอีกครั้ง ลูกคือแบตเตอรี่ที่มีชีวิต
ลูกรู้ว่าลูกจะกลับมาสโตประธานด้วยการมีโยคะกับพ่อ เวลานี้ลูกกลับมาตโมประธาน
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการศึกษาที่มีขีดจำกัดและการศึกษาที่ไม่มีขีดจำกัดนี้!
ดวงวิญญาณทั้งหมดขึ้นไปตามลำดับกันไป
จากนั้นพวกเขาก็ลงมาในเวลาของเขาเองเพื่อเล่นบทบาทของเขาเอง
แต่ละคนได้รับบทบาทที่ไม่สูญสลายของเขาเองที่จะเล่น ลูกได้เล่นบทบาทของ 84
ชาติเกิดของลูกมาแล้วกี่ครั้ง?
เป็นเวลากี่ครั้งที่ลูกดวงวิญญาณได้รับการชาร์จและกลับมาหมดกำลัง?
เมื่อลูกรู้ว่าแบตเตอรี่ของลูกหมดกำลังเหตุใดลูกจึงใช้เวลานานที่จะชาร์จแบตเตอรี่?
เป็นเพราะมายาไม่ปล่อยให้ลูกชาร์จแบตเตอรี่ของลูก
มายาทำให้ลูกลืมที่จะชาร์จแบตเตอรี่ของลูกเอง
เธอทำให้แบตเตอรี่ของลูกหมดกำลังครั้งแล้วครั้งเล่า
ลูกพยายามที่จะจดจำพ่อแต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
มายาแม้กระทั่งทำให้แบตเตอรี่ของผู้ที่ได้ชาร์จแบตเตอรี่ของพวกเขาอีกครั้งและที่เข้ามาใกล้สภาพที่สโตประธานหมดกำลัง
เธอทำให้พวกเขาทำความผิดและปล่อยแบตเตอร์รี่ของพวกเขาให้หมดกำลังอย่างเร็ว
สิ่งนี้จะเฝ้าแต่เกิดขึ้นจนถึงเวลาสุดท้าย
และแล้วในตอนสิ้นสุดของสงครามเมื่อทุกสิ่งจบสิ้นลงลูกแต่ละคนก็จะได้รับสถานภาพตามที่ลูกนั้นได้ชาร์จแบตเตอรี่ของลูกได้มากแค่ไหน
ดวงวิญญาณทั้งหมดคือลูกของพ่อ พ่อมาและดลใจพวกเขาทั้งหมดชาร์จแบตเตอรี่ของพวกเขา
การละเล่นนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมานี้มหัศจรรย์มาก! ขณะที่ลูกพยายามที่จะมีโยคะกับพ่อ
ลูกเปลี่ยนความคิดไปจากท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าและดังนั้นลูกจึงสูญเสียไปอย่างมาก
ลูกได้รับแรงบันดาลใจให้ทำความพยายาม,ไม่ใช่เคลื่อนออกไป
ทุกวงจรในขณะที่ลูกกำลังเพียรพยายาม
เมื่อละครมาถึงจุดจบบทบาทของลูกก็จบลงด้วยเช่นกันตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำลูก
ประคำของลูกดวงวิญญาณก็ยังคงมีการทำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ลูกๆรู้ว่ามีลูกประคำของรูดรัคและลูกประคำของวิษณุด้วยเช่นกัน
ลูกประคำของเขานั้นควรที่จะวางไว้ในอันดับแรก พ่อสร้างโลกที่สูงส่ง
เช่นที่มีลูกประคำของรูดร้า(ดวงวิญญาณทั้งหมด)ก็มีลูกประคำของรุนดร้า(วิษณุ)ด้วยเช่นกัน
ลูกประคำของบราห์มินไม่สามารถมีการทำขึ้นได้ในเวลานี้เพราะการเปลี่ยนแปลงยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ
จะสรุปได้เมื่อลูกประคำของรูดร้าถูกสร้างขึ้น
จะมีลูกประคำของบราห์มินแต่ก็ยังไม่สามารถมีการสร้างขึ้นได้
ในความเป็นจริงทุกคนเป็นลูกของประชาบิดาบราห์มา
มีลูกประคำของลูกๆของชีพบาบาและลูกประคำของวิษณุด้วยเช่นกัน
ลูกกลายเป็นบราห์มินและดังนั้นลูกประคำหนึ่งนั้นต้องมีสำหรับชีวาและอีกลูกปะคำหนึ่งนั้นสำหรับบราห์มา
ความรู้ทั้งหมดนี้คงอยู่ในสติปัญญาของลูกตามลำดับกันไป ทุกคนรับฟังสิ่งนี้
แต่มันก็ออกไปจากหูของบางคนในขณะนั้น พวกเขาไม่ได้ยิน
บางคนไม่แม้กระทั่งจะศึกษาเล่าเรียน พวกเขาไม่รู้ว่าพระเจ้ามาเพื่อจะสอนพวกเขา
พวกเขาไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนเลย ลูกควรศึกษาการศึกษานี้ด้วยความสุขอย่างมาก อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ลูกต้องชาร์จแบตเตอรี่นั่นคือดวงวิญญาณใหม่อีกครั้ง
โดยการอยู่ในการจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงจนกว่าลูกจะกลับมาสโตประธาน
ลูกต้องไม่ประมาทที่แบตเตอรี่ของลูกจะหมดกำลัง
2. เพื่อที่จะกลายเป็นลูกที่รักเป็นพิเศษลูกต้องรักบ้านและพ่อ
ลูกต้องกลับมาซาบซึ้งในความรู้และโยคะ
ลูกต้องอธิบายให้กับพี่น้องของลูกในสิ่งที่พ่ออธิบายให้แก่ลูก
พร:
ขอให้ลูกเป็นตัวอย่างเช่นพ่อบราห์มาและสัมผัสความใกล้ชิดกับความสมบูรณ์พร้อมในขณะที่ไม่ว่างเว้นอยู่กับงานรับใช้
พ่อบราห์มาไม่ว่างเว้นอยู่ในการรับใช้ แต่ท่านจะฟังข่าวและอยู่ในสันโดษ
ท่านจะเข้าใจสาระของข่าวหนึ่งชั่วโมงในห้านาที
ท่านจะทำให้ลูกๆมีความสุขและจากนั้นก็ให้ประสบการณ์ของสภาพของการพิจารณาภายในและอยู่ในความสันโดษ
ทำตามพ่อในทำนองเดียวกัน พ่อบราห์มาไม่เคยพูดว่าท่านยุ่งมากเหลือเกิน
เพราะท่านเป็นแบบอย่างเบื้องหน้าลูกๆ
ในทำนองเดียวกันตามเวลามีความจำเป็นสำหรับการฝึกฝนนี้
เมื่อลูกมีความรักสำหรับสิ่งนี้ในหัวใจของลูก
ลูกก็จะหาเวลาและเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ
คติพจน์:
การได้สัมผัสกับคาร์มาและโยคะในทุกการกระทำคือคาร์มาโยคี