31.03.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
11.05.84 Om Shanti Madhuban
การสร้างกฎเกณฑ์ด้วยทุกย่างก้าว ความคิด และการกระทำของบราห์มิน
วันนี้
ผู้สร้างโลกกำลังมองดูลูกๆของท่านที่กำลังสร้างโลกใหม่และผู้ที่เป็นโชคของโลกใหม่
โชคของลูกดวงวิญญาณที่มีโชคที่สูงส่งคือโชคของโลก
ลูกที่สูงส่งได้ให้การค้ำจุนของโลกใหม่
ลูกคือดวงวิญญาณพิเศษผู้ที่มีสิทธิ์ในโชคและอาณาจักรของโลกใหม่
ชีวิตใหม่ของลูกทำให้โลกกลับมาใหม่
โลกจะต้องกลับมาสูงส่งและเต็มไปด้วยความสุขและความสงบ
ด้วยนิ้วมือของความคิดที่มุ่งมั่นที่สูงส่งนี้ของลูกทุกคน
โลกยุคเหล็กที่มีความทุกข์ก็จะเปลี่ยนเป็นโลกแห่งความสุข
เพราะลูกให้ความร่วมมือตามศรีมัทของพ่อผู้ทรงพลังอำนาจ เหตุนี้เอง พร้อมกับพ่อ
ความร่วมมือและโยคะที่สูงส่งของลูกทุกคนจึงเปลี่ยนแปลงโลก
ทุกย่างก้าวและทุกการกระทำของโยคีที่ง่ายดายและชีวิตราชาโยคีของลูกดวงวิญญาณที่สูงส่งในเวลานี้จึงกลายเป็นกฎเกณฑ์สำหรับโลกใหม่
วิธีการที่ใช้โดยบราห์มินจะกลายเป็นกฎตลอดไป ดังนั้น
ลูกของผู้ประทานจึงกลายเป็นผู้ให้ ผู้สร้างโชค และผู้สร้างกฎ
แม้กระทั่งในชาติเกิดสุดท้ายผู้เลื่อมใสศรัทธาก็เฝ้าแต่ร้องขอบางสิ่งบางอย่างจากรูปปั้นหรือสัญลักษณ์ของลูกผู้เป็นลูกของผู้ประทาน
ลูกได้กลายเป็นผู้สร้างกฎเช่นนั้นที่แม้กระทั่งในเวลานี้ ขณะที่มีการให้คำสาบาน
หัวหน้าผู้พิพากษาจะทำให้ทุกคนจดจำพระเจ้าหรือเทพพิเศษก่อนที่พวกเขาจะให้คำสาบาน
พลังของกฎเกณฑ์ของลูกผู้สร้างกฎยังคงทำงานแม้กระทั่งในชาติเกิดสุดท้าย
พวกเขาจะไม่ให้คำสาบานในนามของพวกเขา พวกเขาให้ความสำคัญกับพ่อหรือกับลูก
ลูกคือผู้ที่เป็นตัวของพรอย่างสม่ำเสมอ
พวกเขาขอพรต่างๆจากเทพต่างๆโดยผ่านรูปปั้นหรือสัญลักษณ์ของลูก บางคนเป็นเทพแห่งพลัง
บางคนเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ ลูกได้กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ให้พร
และด้วยเหตุนี้เองระบบของความเลื่อมใสศรัทธาจึงดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน
ด้วยบัพดาดาลูกมีความสุขในหัวใจของลูกอย่างสม่ำเสมอและเป็นตัวของความพอใจ
และเหตุนี้เองแม้กระทั่งเวลานี้เพื่อที่จะทำให้ตัวเขาเองมีความสุข
พวกเขาก็ทำให้เทพเจ้าทั้งหลายพอใจ
โดยมีความเชื่อว่าเหล่าเทพคือผู้เดียวเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขามีความสุขตลอดเวลา
ลูกทุกคนได้รับความพอใจซึ่งเป็นคลังสมบัติที่มีค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากพ่อ
และเหตุนั้นเอง เพื่อที่จะอยู่อย่างพอใจ พวกเขาจึงกราบไหว้บูชาเทพเจ้าแห่งความพอใจ
ลูกทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณที่มีความพอใจ ซานโตชิม่า,เทพเจ้าแห่งความพอใจใช่หรือไม่?
ลูกทั้งหมดพอใจใช่ไหม? ลูกทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณที่มีความพอใจ
เป็นภาพลักษณ์แห่งความพอใจ
ลูกได้รับความสำเร็จจากพ่ออย่างเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของลูกและเหตุนี้เองพวกเขาจึงร้องขอพรและการให้ทานแห่งความสำเร็จจากรูปปั้นหรือสัญลักษณ์ของลูก
อย่างไรก็ตามเพราะพวกเขามีสติปัญญาที่อ่อนแอและเป็นเพราะพวกเขาเป็นดวงวิญญาณที่อ่อนแอ
เพราะการอยู่อย่างเป็นดวงวิญญาณขอทาน พวกเขาจึงร้องขอความสำเร็จเพียงชั่วคราว
ตัวอย่างเช่น ขอทานจะไม่เคยขอเงิน 1,000 รูปี เขาจะพูดแค่ว่า “ให้เงินฉันสักเล็กน้อยเพียงไม่กี่สตางค์
ให้เงินฉันหนึ่งหรือสองรูปี” ในทำนองเดียวกัน
ดวงวิญญาณเหล่านั้นผู้ที่เป็นขอทานของความสุข ความสงบ และความบริสุทธิ์
ก็จะร้องขอความสำเร็จเพียงชั่วคราวเท่านั้นจากลูก “งานของฉันนี้ควรสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ขอให้มีความสำเร็จในสิ่งนี้”
อย่างไรก็ตามพวกเขาร้องขอสิ่งนี้จากลูกดวงวิญญาณซึ่งเป็นตัวแห่งความสำเร็จ
ลูกๆของพ่อผู้ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจ
บอกสิ่งที่อยู่ในหัวใจของลูกกับพ่อผู้ที่เอาชนะหัวใจของลูก
ลูกบอกทุกสิ่งในหัวใจของลูกแก่พ่อ
สิ่งใดก็ตามที่ลูกไม่สามารถบอกผู้อื่นลูกก็สามารถเล่าหรือแบ่งปันสิ่งนั้นกับพ่อได้
ลูกได้กลายเป็นลูกๆที่แท้จริงของพ่อที่แท้จริง แม้กระทั่งในเวลานี้
ผู้คนก็ไปและบอกสิ่งต่างๆในหัวใจของพวกเขาเบื้องหน้ารูปปั้นหรือสัญลักษณ์ของลูก
ไม่ว่าความลับอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการจะปกปิดไว้
พวกเขาจะปกปิดความลับนั้นแม้กระทั่งกับญาติมิตรที่รักที่สุดของพวกเขา
แต่พวกเขาจะไม่ปกปิดความลับเหล่านั้นจากเทพเจ้าทั้งหลาย
เมื่ออยู่เบื้องหน้าโลกพวกเขาจะพูดว่า “ฉันเป็นสิ่งนี้ ฉันมีความซื่อสัตย์
ฉันยอดเยี่ยม” อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่เบื้องหน้าเหล่าเทพพวกเขาจะพูดอะไร?
ไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ฉันเป็น ฉันมีตัณหาราคะ ฉันคดโกงฉันหลอกลวง
ดังนั้นลูกคือโชคของโลกใหม่เช่นนั้น
ลูกแต่ละคนมีโชคแห่งอาณาจักรของโลกที่บริสุทธิ์ในโชคของลูก
ลูกดวงวิญญาณเป็นผู้สร้างโชคที่สูงส่งที่สุด, ผู้ให้พร, และผู้สร้างกฎ
ลูกทุกคนมีลูกโลกของอำนาจในการปกครองสวรรค์อยู่ในมือของลูก นี่คือเนย
เป็นเนยแห่งโชคของอาณาจักร
ลูกแต่ละคนมีมงกุฎแห่งแสงของความยิ่งใหญ่ของความบริสุทธิ์อยู่เหนือศีรษะของลูก
ลูกนั่งอยู่บนบัลลังก์หัวใจ ลูกมีติลักของอำนาจในการปกครองตนเอง
ดังนั้นลูกเข้าใจหรือไม่ว่าลูกเป็นใคร?
ลูกได้ไขปริศนาที่ว่าลูกเป็นใครแล้วใช่หรือไม่?
ลูกได้ศึกษาบทเรียนนี้ในวันแรกใช่หรือไม่? ฉันคือใคร? ฉันไม่ใช่สิ่งนั้น
ฉันเป็นสิ่งนี้
มันอยู่ในสิ่งนี้ที่ความรู้ทั้งหมดของมหาสมุทรแห่งความรู้ได้ถูกหลอมรวมไว้
เวลานี้ลูกรู้ทุกสิ่งแล้วใช่ไหม? จงมีความซาบซึ้งทางจิตนี้อยู่กับลูกอย่างสม่ำเสมอ
ลูกเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งอย่างมาก ลูกมีความยิ่งใหญ่มาก ทุกความคิด คำพูด
และการกระทำของลูกจะกลายเป็นอนุสรณ์ จะกลายเป็นกฎเกณฑ์
ทำทุกสิ่งในสำนึกที่สูงส่งนี้ ลูกเข้าใจหรือไม่?
สายตาของทั้งโลกมองมาที่ลูกดวงวิญญาณ
สิ่งใดก็ตามที่ฉันทำจะกลายเป็นกฎเกณฑ์และเป็นอนุสรณ์สำหรับโลก
ถ้าฉันเข้ามาสู่ความปั่นป่วน โลกก็จะเข้ามาสู่ความปั่นป่วน
ถ้าฉันอยู่อย่างมีความสุขและพอใจ โลกก็จะอยู่อย่างมีความสุขและพอใจ
ดวงวิญญาณทั้งหมดที่เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างโลกใหม่
จะมีความรับผิดชอบมากเช่นนี้ อย่างไรก็ตามยิ่งมีความรับผิดชอบมากเท่าไร
สิ่งนั้นก็ยิ่งทำให้ลูกเบาสบายมากด้วยเช่นกัน
เพราะพ่อผู้ทรงพลังอำนาจนั้นอยู่กับลูก อัจชะ
ถึงดวงวิญญาณที่มีความพอใจอย่างสม่ำเสมอ
ถึงลูกผู้ที่เป็นนายผู้สร้างโชคที่ยิ่งใหญ่และเป็นผู้ให้พรอย่างสม่ำเสมอ
ถึงดวงวิญญาณผู้ที่เป็นตัวของการได้มาซึ่งทุกสิ่งและมีความพอใจเสมอ
ถึงดวงวิญญาณที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
ผู้ที่ทำให้ทุกการกระทำของเขากลายเป็นอนุสรณ์ด้วยการจดจำระลึกถึง ด้วยความรัก
ระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา ผู้สร้างโชคและผู้ประทานพร
บัพดาดาพบกุมารกลุ่มต่างๆ
1. ลูกทั้งหมดคือกุมารที่สูงส่งใช่หรือไม่? ลูกไม่ใช่กุมารธรรมดา
ลูกเป็นกุมารที่สูงส่ง
ลูกคือผู้ที่ใช้พละกำลังของร่างกายและพลังของจิตใจของลูกสำหรับงานที่สูงส่ง
ลูกไม่ใช่ผู้ที่ใช้พลังของลูกเพื่องานของการทำลายล้าง
การกระทำโดยผ่านกิเลสเป็นการกระทำที่เป็นการทำลายล้าง
ในขณะที่งานของพระเจ้าเป็นงานที่สูงส่ง
ดังนั้นลูกคือกุมารที่สูงส่งผู้ที่ใช้พลังทั้งหมดของลูกเพื่องานของพระเจ้า
ลูกไม่ได้ใช้พลังใดๆของลูกไปกับงานที่ไร้ประโยชน์ใดใช่หรือไม่?
เวลานี้ลูกได้รับความเข้าใจแล้วว่าลูกต้องใช้พลังของลูกที่ใด
ด้วยความเข้าใจนี้ลูกจะทำงานที่สูงส่งอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่ข้องแวะอยู่ในงานที่สูงส่งเช่นนั้นเสมอจะประกาศสิทธิ์ที่จะได้มาซึ่งการบรรลุผลที่สูงส่ง
ลูกได้ประกาศสิทธิ์เช่นนั้นหรือยัง?
ลูกมีประสบการณ์ว่าลูกกำลังได้รับการบรรลุผลที่สูงส่งหรือไม่?
หรือลูกยังคงจะต้องได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น?
ลูกมีประสบการณ์ของการสะสมหลายล้านในทุกย่างก้าวหรือไม่?
ผู้ที่สะสมรายได้หลายล้านในหนึ่งก้าวจะมีความสูงส่งอย่างยิ่ง
ผู้ที่สะสมทรัพย์สมบัติมากมายจะมีความสุขอย่างมาก
ทุกวันนี้แม้กระทั่งมหาเศรษฐีหรืออภิมหาเศรษฐีก็มีความสุขในช่วงเวลาสั้นๆ
ในขณะที่ของลูกเป็นทรัพย์สมบัติที่คงอยู่ตลอดไป
ลูกเข้าใจคำจำกัดความของกุมารที่สูงส่งหรือไม่?
สิ่งนี้หมายถึงผู้ที่ใช้ทุกพลังเพื่องานที่สูงส่งเสมอ
บัญชีของการสูญเสียของลูกได้จบสิ้นลงแล้วตลอดกาล
ลูกได้สะสมในบัญชีที่สูงส่งของลูกหรือไม่?
หรือว่าทั้งสองบัญชียังเปิดอยู่ในเวลาเดียวกัน? บัญชีหนึ่งได้ปิดไปแล้ว
ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะใช้ทั้งสองบัญชี เวลานี้บัญชีนั้นได้จบสิ้นลงแล้วตลอดไป
ถ้ายังมีทั้งสองบัญชีอยู่ในเวลาเดียวกัน ลูกจะไม่สามารถสะสมได้มากเท่าที่ลูกต้องการ
หากลูกไม่สูญเสียสิ่งใดเลยแต่สะสมไว้ แล้วลูกจะสะสมได้มากเพียงใด?
ดังนั้นลูกได้จบสิ้นบัญชีของการสูญเสียแล้วและสะสมไว้ในบัญชีที่สูงส่ง
2. ชีวิตกุมารเป็นชีวิตที่มีพลัง ลูกสามารถทำอะไรก็ตามที่ลูกต้องการได้ในชีวิตกุมาร
ลูกสามารถทำให้ตนเองสูงส่งหรือทำให้ตนเองตกต่ำก็ได้
ชีวิตกุมารนี้เป็นชีวิตที่จะกลับมาสูงส่งหรือตกต่ำ
ในชีวิตเช่นนั้นเวลานี้ลูกเป็นของพ่อ
แทนที่จะถูกผูกมัดอยู่ในบ่วงพันธะของบัญชีกรรมกับมิตรร่วมทางชีวิตเพียงชั่วคราว
ลูกได้พบมิตรร่วมทางที่แท้จริงสำหรับชีวิตของลูกแล้ว ลูกนั้นมีโชคอย่างมาก
เมื่อลูกมาในเวลานี้ ลูกมาเพียงลำพังหรือลูกมาในรูปรวม
ลูกไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้อตั๋วใช่หรือไม่? ดังนั้นนั่นก็เป็นการประหยัดเช่นกัน
ในความเป็นจริง หากลูกจะต้องนำมิตรคู่ชีวิตในทางโลกมาด้วย
ลูกจะต้องใช้เงินในการซื้อตั๋วและลูกแม้กระทั่งอาจจะต้องถือกระเป๋าของเธอด้วยเช่นกัน
ลูกจะต้องหารายได้และเลี้ยงดูเธอทุกวัน
มิตรร่วมทางชีวิตนี้ไม่แม้กระทั่งจะรับประทาน ท่านเพียงแต่มารับกลิ่นหอมเท่านั้น
อาหารของลูกก็ไม่ได้ลดน้อยลง แต่ตามความจริงแล้วกลับเต็มไปด้วยพลังที่มากขึ้น
ดังนั้นลูกมีมิตรร่วมทางชีวิตที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
หรือเพียรพยายามใดๆสำหรับลูก และท่านยังเป็นมิตรร่วมทางชีวิตที่คงอยู่ตลอดไป
ลูกได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากท่านด้วยเช่นกัน ท่านจะไม่ทำให้ลูกทำงานหนัก
แต่จะให้ความร่วมมือกับลูก เมื่องานที่ยากลำบากมาอยู่เบื้องหน้าลูก
ลูกจดจำท่านและลูกก็จะได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ลูกมีประสบการณ์ในสิ่งนี้ใช่ไหม?
เมื่อท่านเป็นผู้เดียวที่ให้แม้กระทั่งผลของความเลื่อมใสศรัทธาแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา
แล้วท่านจะไม่ให้กับผู้ที่เป็นมิตรของท่านที่กลายเป็นมิตรร่วมชีวิตของท่านหรือ?
กุมารนั้นอยู่ในรูปรวมเสมอ แต่ในรูปรวมนี้ลูกได้กลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้ความกังวล
ลูกไม่ได้มีความยุ่งยากหรือถูกรบกวนใดๆ ลูกไร้ความกังวล ลูกไม่ได้มีภาระใดๆของ “วันนี้ลูกป่วย”
หรือ “วันนี้ลูกไม่ได้ไปโรงเรียน!” ลูกเป็นอิสระจากบ่วงพันธะอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยการผูกมัดอยู่ในบ่วงพันธะกับผู้เดียว ลูกจึงเป็นอิสระจากบ่วงพันธะอีกมากมาย
รับประทาน ดื่มและร่าเริง ลูกจะต้องทำอะไรอีก?
ลูกเตรียมสิ่งนั้นด้วยตนเองและก็รับประทาน
ลูกสามารถรับประทานอะไรก็ตามที่ลูกต้องการ ลูกเป็นอิสระ ลูกได้กลับมาสูงส่งอย่างมาก
ลูกก็ดีเช่นกันเมื่อเทียบกับส่วนที่เหลือของโลก
ลูกเข้าใจใช่ไหมว่าลูกเป็นอิสระจากความซับซ้อนวุ่นวายของโลก?
ไม่ต้องเอ่ยถึงดวงวิญญาณ ลูกปลอดภัยแม้กระทั่งจากบัญชีกรรมในแง่ของร่างกาย
ลูกมีความปลอดภัยถึงเพียงนี้ ลูกไม่มีความปรารถนาใดที่จะมีมิตรเป็นญาณีใช่ไหม?
ลูกมีความปรารถนาที่จะให้ประโยชน์ต่อกุมารีบางคนหรือไม่?
สิ่งนั้นไม่ใช่คุณประโยชน์แต่เป็นอันตราย เพราะเหตุใด?
ลูกผูกบ่วงหนึ่งไว้และบ่วงอื่นๆมากมายก็เริ่มขึ้นจากสิ่งนั้น
บ่วงเดียวนั้นจะสร้างพันธะอื่นๆมากมาย และดังนั้นลูกจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
สิ่งนั้นจะกลายเป็นภาระ
เมื่อมองดูอาจดูเหมือนกับช่วยเหลือแต่ในความจริงเป็นภาระของหลายสิ่งมากมาย
เท่าที่ลูกพิจารณาว่าเป็นภาระมากแค่ไหน ก็จะเป็นภาระมากเท่านั้น
ดังนั้นลูกได้รับการปกป้องจากภาระมากมาย
อย่าได้คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้แม้กระทั่งในความฝันของลูก
มิฉะนั้นแล้วลูกจะมีประสบการณ์กับภาระนั้นที่ลูกเห็นว่ามันยากแม้แต่จะตื่นขึ้นมา
หากลูกผูกมัดตนเองไว้ในบ่วงจากที่เคยเป็นอิสระ ก็จะมีภาระหลายล้านเท่า
ผู้คนที่น่าสงสารเหล่านั้นถูกผูกมัดโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ลูกนั้นผูกมัดตนเองอย่างรู้ตัว
ดังนั้นจะมีภาระของความสำนึกผิดและเสียใจมากขึ้น ไม่มีลูกคนไหนที่อ่อนแอใช่ไหม?
ผู้ที่อ่อนแอจะไม่สัมผัสกับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์
พวกเขาไม่ได้เป็นทั้งของที่นี่หรือที่นั่น
ลูกได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แล้วใช่หรือไม่?
การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์หมายถึงการหลุดพ้นที่สูงส่ง
ลูกมีความคิดเล็กน้อยบ้างหรือไม่? กำลังมีการถ่ายภาพของลูก
หากลูกขึ้นลงแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะถ่ายภาพของลูกด้วยเช่นกัน
ยิ่งลูกกลับมาเข้มแข็งมากเพียงใด ทั้งปัจจุบันและอนาคตของลูกก็จะสูงส่งมากตามนั้น
3. ลูกกุมารทั้งหมดเป็นกุมารที่มีพลังใช่หรือไม่? ลูกมีพลังไหม?
ไม่ว่าดวงวิญญาณที่มีพลังจะมีความคิดใดก็ตาม จะพูดอะไรก็ตาม หรือมีการกระทำใดก็ตาม
สิ่งทั้งหมดนั้นจะมีพลังเสมอ ความหมายของการมีพลังคือ
ผู้ที่จบสิ้นความไร้ประโยชน์ทั้งหมด
ลูกคือผู้ที่จบสิ้นบัญชีของความไร้ประโยชน์และสะสมในบัญชีของการมีพลัง
ลูกไม่เคยสูญเสียสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ใช่ไหม? หากลูกมีความคิดที่ไร้ประโยชน์
พูดคำที่ไร้ประโยชน์ หรือใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่า
ลูกจะสูญเสียไปมากเท่าไรในหนึ่งวินาที
หนึ่งวินาทีของยุคแห่งการบรรจบพบกันนั้นมีความสำคัญมาก มันไม่ใช่แค่หนึ่งวินาที
แต่หนึ่งวินาทีนั้นเท่ากับหนึ่งชาติเกิด
ลูกไม่ได้สูญเสียหนึ่งวินาทีแต่ลูกสูญเสียหนึ่งชาติเกิด
ลูกคือดวงวิญญาณที่มีพลังผู้ที่รู้ถึงความสำคัญของเวลาใช่ไหม?
มีความตระหนักอยู่เสมอที่ลูกเป็นลูกๆของพ่อที่ทรงพลัง ที่ลูกคือดวงวิญญาณที่มีพลัง
ลูกเป็นเครื่องมือของงานที่มีพลัง”
แล้วลูกจะเฝ้าแต่มีประสบการณ์ของสภาพที่โบยบินอยู่เสมอ
ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถโบยบินได้ ผู้ที่มีพลังจะเฝ้าแต่โบยบินอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้นลูกอยู่ในสภาพใด สภาพที่โบยบินหรือสภาพของการขึ้นไป?
เมื่อลูกปีนขึ้นไปลูกก็หายใจไม่ออกและกระหืดกระหอบ
ลูกกลับมาเหนื่อยล้าและลูกหายใจไม่ออก อย่างไรก็ตามในสภาพที่โบยบิน
ลูกจะไปถึงจุดหมายปลายทางและกลายเป็นตัวแห่งความสำเร็จได้ในหนึ่งวินาที
เมื่อลูกอยู่ในสภาพที่ขึ้นไปที่ลูกจะกลับเหนื่อยล้าและหายใจไม่ออกและกระหืดกระหอบอย่างแน่นอน
การถามว่า “ฉันควรจะทำอย่างไร? ฉันควรจะทำสิ่งนี้อย่างไร? คือการหายใจไม่ออก”
ในสภาพที่โบยบินลูกจะอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
ลูกจะได้รับการสัมผัสเพื่อทำบางสิ่งและสิ่งนั้นก็สำเร็จแล้ว
ดังนั้นลูกคือผู้ที่มาถึงซึ่งจุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จในหนึ่งวินาที
สิ่งนี้รู้ได้ว่าเป็นดวงวิญญาณที่มีพลัง
พ่อมีความพอใจที่ลูกทั้งหมดคือผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบิน ทำไมลูกต้องลำบากตรากตรำ?
พ่อต้องการให้ลูกของพ่ออยู่อย่างเป็นอิสระจากความลำบากตรากตรำ
เพราะพ่อกำลังชี้หนทางให้กับลูก และพ่อกำลังทำให้ลูกเป็นแสงและเบาสบายเป็นสองเท่า
แล้วเหตุใดลูกจึงลงมาข้างล่าง? “อะไรจะเกิดขึ้น? มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
นี่เป็นภาระ จะมีคุณประโยชน์เสมอ ทุกสิ่งจะอยู่อย่างสูงส่งเสมอ
จงก้าวไปในสำนึกรู้เสมอว่า ความสำเร็จคือสิทธิ์โดยกำเนิดของลูก
4. กุมารต้องต่อสู้เพื่อให้การทดสอบ เมื่อลูกมีความคิดว่าลูกจะต้องกลับมาบริสุทธิ์
มายาก็จะเริ่มต่อสู้กับลูก ชีวิตกุมารคือชีวิตที่สูงส่ง ลูกคือดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่
เวลานี้กุมารต้องแสดงความมหัศจรรย์
ความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการกลับมาทัดเทียมกับพ่อและการทำให้ผู้อื่นเป็นมิตรร่วมทางของพ่อ
เช่นที่ลูกได้กลายเป็นมิตรร่วมทางของพ่อ
ในทำนองเดียวกันลูกจะต้องทำให้ผู้อื่นเป็นมิตรร่วมทางของพ่อด้วยเช่นกัน
ลูกคือผู้รับใช้ผู้ที่ทำให้มิตรร่วมทางของมายากลายเป็นมิตรร่วมทางของพ่อ
ทำให้พวกเขาเป็นของพ่อด้วยภาพลักษณ์ที่ให้พรของลูกและด้วยความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของลูก
ด้วยการใช้วิธีนี้ลูกจะได้รับความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ เมื่อลูกใช้วิธีการที่สูงส่ง
ลูกจะได้รับความสำเร็จอย่างแน่นอน กุมารหมายถึงผู้ที่ไม่สั่นคลอนเสมอ
ไม่ใช่ผู้ที่ขึ้นลง ดวงวิญญาณที่ไม่สั่นคลอนจะทำให้ผู้อื่นไม่สั่นคลอนด้วยเช่นกัน
5. ลูกทั้งหมดเป็นกุมารที่มีชัยชนะใช่หรือไม่? เมื่อพ่ออยู่กับลูก
ลูกจะมีชัยชนะอย่างสม่ำเสมอ กับงานใดก็ตามที่ลูกทำด้วยการค้ำจุนของพ่ออย่างสม่ำเสมอ
ลูกจะมีประสบการณ์ว่าใช้ความเพียรพยายามน้อยลงและลูกได้มาซึ่งการบรรลุผลที่มากกว่า
แต่ถ้าลูกก้าวออกไปจากพ่อแม้เพียงเล็กน้อย
จะต้องใช้ความเพียรพยายามมากขึ้นและได้รับการบรรลุผลที่น้อยลง
ดังนั้นวิธีที่จะกลับมาเป็นอิสระจากความลำบากตรากตรำคือการมีพ่อเป็นมิตรร่วมทางในทุกวินาทีและในทุกความคิด
เมื่อลูกมีมิตรภาพนี้ก็รับประกันความสำเร็จ
ลูกเป็นมิตรร่วมทางเช่นนั้นของพ่อใช่หรือไม่?
ให้ย่างก้าวของลูกเป็นไปตามคำสั่งของพ่อ ให้รอยเท้าของลูกอยู่ในรอยเท้าของพ่อ
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดว่าลูกควรจะวางเท้าของลูกที่นี่หรือไม่
ว่าสิ่งนี้ถูกหรือผิด หากเป็นหนทางใหม่ ลูกก็อาจจะต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้
แต่เมื่อลูกต้องการที่จะวางเท้าของลูกในรอยเท้าของพ่อ
ลูกก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งใด
เฝ้าแต่ก้าวหน้าต่อไปด้วยย่างก้าวของลูกในรอยเท้าของพ่อเสมอ
และจุดหมายปลายทางนั้นก็จะใกล้เข้ามา
พ่อกำลังทำให้ทุกสิ่งให้ง่ายดายอย่างมากสำหรับลูก ศรีมัทก็คือรอยเท้า
วางเท้าของลูกในรอยเท้าของศรีมัท และลูกจะเป็นอิสระจากการเพียรพยายามเสมอ
ลูกจะได้รับความสำเร็จทั้งหมดอย่างเป็นสิทธิ์
กุมารที่เยาว์วัยก็สามารถทำงานรับใช้ได้มากมายเช่นกัน อย่าได้สร้างความซุกซนร้ายกาจ
ลูกควรจะมีพฤติกรรมและวิธีการพูดและการปฏิสัมพันธ์เช่นนั้นที่ทุกคนถามว่าลูกจะไปโรงเรียนไหน
แล้วนั่นก็เป็นการทำงานรับใช้ ใช่หรือไม่? อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกถือบังเหียนของศรีมัทให้แน่นด้วยความตระหนักถึงการเป็นนายและเป็นเด็กและควบคุมจิตใจของลูก
ผู้คนในโลกกล่าวว่าจิตใจเป็นเหมือนม้าที่วิ่งเร็วมาก
แต่จิตใจของลูกไม่สามารถวิ่งไปรอบๆที่นั่นและที่นี่ได้
เพราะบังเหียนของศรีมัทนั้นแข็งแกร่งมาก
เมื่อจิตใจและสติปัญญาของลูกไม่ว่างเว้นในการดูฉากข้างทาง
สายบังเหียนของลูกก็กลับมาหย่อนยานและจิตใจของลูกก็กลับมาซุกซน
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีสถานการณ์ต่างๆเกิดขึ้นหรือจิตใจของลูกกลับมาซุกซน
จงถือบังเหียนของศรีมัทให้แน่นและลูกจะไปถึงจุดหมายปลายทางของลูก “ฉันเป็นเด็กและเป็นนาย”
ด้วยการมีสำนึกรู้นี้ ลูกจะสามารถกลายเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการควบคุมจิตใจของลูก
คติพจน์:
มีศรัทธาอยู่เสมอว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดี
และอะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า
แล้วลูกจะอยู่อย่างไม่ไหวหวั่นและสั่นคลอน