23.06.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
17.12.84 Om Shanti Madhuban
หนทางที่จะจบสิ้นสิ่งที่ไร้ประโยชน์คือ gyan muril
สมบัติที่มีค่าของความคิดที่มีพลัง
วันนี้บัพดาดาได้เข้ามาในชุมนุมทางจิตที่พิเศษสุดในยุคบรรจบพบกันเพื่อเฉลิมฉลองการพบปะ
เป็นเพียงในเวลานี้ในทั้งวงจรที่ลูกสามารถมีการชุมนุมทางจิตนี้ นี่คือการพบปะทางจิต
แม้แต่ในโลกยุคทองก็ยังไม่มีการพบปะที่สูงส่งของดวงวิญญาณกับดวงวิญญาณสูงสุดเกิดขึ้น
เหตุนี้เองยุคนี้จึงเรียกว่ายุคที่ยิ่งใหญ่ ยุคของการพบปะที่ยิ่งใหญ่
ยุคของการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด ยุคของสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้
ยุคของการให้คุณประโยชน์โลก และยุคของการได้รับพรอย่างง่ายดาย
ในยุคเช่นนั้นลูกดวงวิญญาณเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่
ลูกมีความซาบซึ้งอยู่เสมอหรือไม่?
ทั้งโลกกระหายที่จะได้เห็นพ่อเพียงแวบเดียวแม้เพียงเสี้ยววินาที
และลูกคือดวงวิญญาณที่สูงส่ง ผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะเป็นของพ่อนั้นในหนึ่งวินาที
ลูกมีสำนึกรู้นี้หรือไม่? สำนึกรู้นี้ทำให้ลูกมีพลังโดยอัตโนมัติ
ลูกกลายเป็นดวงวิญญาณที่มีพลังเช่นนั้นหรือไม่? "มีพลัง"
หมายถึงผู้ที่จบสิ้นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
หากมีสิ่งที่ไร้ประโยชน์ก็จะไม่มีสิ่งใดมีพลัง
หากมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ในจิตใจของลูกความคิดที่มีพลังก็ไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้
สิ่งที่ไร้ประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะทำให้ลูกลงมา
ความคิดที่มีพลังช่วยให้ลูกได้สัมผัสกับการพบปะกับพ่อผู้ทรงพลังอำนาจและทำให้ลูกเป็นผู้เอาชนะมายา
พวกเขาทำให้ลูกซึ่งเป็นผู้รับใช้กลายเป็นตัวแห่งความสำเร็จ
ความคิดที่ไร้ประโยชน์จบสิ้นความจริงจังและความกระตือรือร้นของลูก
บุคคลเช่นนั้นจะสับสนเกี่ยวกับ “ทำไม” และ “อะไร" อยู่เสมอ
นี่คือสาเหตุที่พวกเขาอยู่อย่างท้อแท้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ความคิดที่ไร้ประโยชน์ตัดสิทธิ์พวกเขาออกจากประสบการณ์ของสมบัติที่มีค่าของการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ
ความต้องการและความปรารถนาในจิตใจของผู้ที่มีความคิดที่ไร้ประโยชน์จะสูงมาก “ฉันจะทำสิ่งนี้”
“ฉันจะทำสิ่งนั้น" พวกเขาทำแผนเช่นนั้นอย่างรวดเร็วมาก
นั่นคือพวกเขาทำแผนอย่างเร็วมาก เพราะความเร็วของความคิดที่ไร้ประโยชน์นั้นเร็วมาก
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดในสิ่งที่สูงส่งมาก แต่พวกเขาไม่มีพลัง
มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างแผนกับการปฏิบัติ ดังนั้นพวกเขาจึงกลับมาท้อแท้
ผู้ที่มีความคิดที่มีพลังจะทำทุกสิ่งตามความคิดของเขาเอง
ความคิดและการกระทำของพวกเขาจะเหมือนกัน
ความคิดของพวกเขาจะมีความเร็วช้าและพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการกระทำของพวกเขา
ความคิดที่ไร้ประโยชน์สร้างความปั่นป่วนเหมือนพายุอันทรงพลัง
ความคิดที่มีพลังเหมือนกับอากาศในฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้ลูกสดชื่นและประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ
ความคิดที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นเครื่องมือในการทำให้ลูกสูญเสียพลังงานของลูก
นั่นคือพลังของดวงวิญญาณและเวลาของลูก
ความคิดที่มีพลังทำให้ลูกสามารถสะสมพลังของดวงวิญญาณ นั่นคือพลังงาน
พวกเขาทำให้เวลาของลูกมีผล แม้ว่าความคิดที่ไร้ประโยชน์จะเป็นสิ่งสร้างของลูก
สิ่งสร้างที่ไร้ประโยชน์ก็ทำให้เกิดความทุกข์กับดวงวิญญาณผู้สร้าง
นั่นคือพวกเขาทำให้นายผู้ทรงอำนาจ,ดวงวิญญาณที่มีพลังสูญเสียเกียรติของเขา
ด้วยความคิดที่มีพลัง
ลูกจึงอยู่อย่างเป็นตัวของการจดจำระลึกถึงในเกียรติที่สูงส่งของลูกอย่างสม่ำเสมอ
ลูกเข้าใจความแตกต่างนี้และลูกบางคนแม้กระทั่งก็ยังพร่ำบ่นเกี่ยวกับความคิดที่ไร้ประโยชน์ในเวลานี้
ทำไมถึงมีความคิดที่ไร้ประโยชน์แม้กระทั่งตอนนี้? อะไรคือสาเหตุของสิ่งนี้?
สมบัติที่มีค่าแห่งความคิดที่มีพลังที่บัพดาดามอบให้แก่ลูกคือ gyan murli
แต่ละคำพูดที่สูงส่งเป็นสมบัติที่มีค่าที่ทรงพลัง
เนื่องจากไม่ได้ให้คุณค่าที่เพียงพอแก่สมบัติที่มีค่าของความคิดที่มีพลังนี้
ลูกจึงไม่สามารถดูดซับความคิดที่มีพลังได้ และความคิดที่ไร้ประโยชน์จึงถือโอกาสนี้
เมื่อลูกไต่ตรองแต่ละคำพูดที่สูงส่งในทุกขณะ
สิ่งที่ไร้ประโยชน์ก็ไม่สามารถเข้ามาในสติปัญญาที่มีพลังได้
เมื่อสติปัญญาของลูกว่างเปล่า
และเป็นเพราะสถานที่นั้นว่างเปล่าสิ่งที่ไร้ประโยชน์จึงเข้ามา
เมื่อไม่มีพื้นที่ว่างสิ่งที่ไร้ประโยชน์จะเข้ามาได้อย่างไร?
การไม่รู้วิธีที่จะทำให้สติปัญญายุ่งอยู่กับความคิดที่มีพลังหมายถึงการปลุกเรียกความคิดที่ไร้ประโยชน์
กลายเป็นนักธุรกิจที่ทำให้สติปัญญาไม่ว่างเว้น
ทั้งกลางวันและกลางคืนจงกลายเป็นนักธุรกิจของเพชรพลอยแห่งความรู้เหล่านี้
เมื่อลูกไม่มีเวลาก็จะไม่มีพื้นที่ของความคิดที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้นสิ่งหลักคือ
ทำให้สติปัญญาของลูกเต็มไปด้วยความคิดที่มีพลังอย่างสม่ำเสมอ
พื้นฐานของสิ่งนี้คือการฟังมุรลีทุกวันเพื่อหลอมรวมสิ่งนี้เข้ากับตัวลูกและกลายเป็นตัวของสิ่งนี้
มีสามสภาพเหล่านั้น ลูกสนุกกับการฟังอย่างมาก
ลูกไม่สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ฟังมุรลีนี่ก็เป็นสภาพเช่นกัน
ผู้ที่อยู่ในสภาพนี้ต้องการฟังในขณะที่พวกเขากำลังฟัง
และเนื่องจากความใส่ใจในการฟังพวกเขาก็เพลิดเพลินกับความสุขของเวลานั้น
พวกเขาซาบซึ้งในขณะที่ฟัง พวกเขาร้องเพลงแห่งความสุขด้วยเช่นกัน "ดีมาก" "ดีมาก"
อย่างไรก็ตามทันทีที่การฟังจบสิ้นลง ความใส่ใจนั้นก็สิ้นสุดลงด้วย
เพราะพวกเขาไม่ได้หลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน
พวกเขายังไม่ได้เติมสติปัญญาด้วยความคิดที่มีพลังโดยการใช้พลังในการหลอมรวมสิ่งนั้นภายใน
และสิ่งที่ไร้ประโยชน์มากมายยังคงมาหาพวกเขา
ผู้ที่หลอมรวมสิ่งนั้นภายในตนเองจะอยู่อย่างเต็มเปี่ยมอย่างสม่ำเสมอและเหตุนี้เองพวกเขาจึงอยู่ห่างจากความคิดที่ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่กลายเป็นตัวของสิ่งนั้น
ไม่ใช่ผู้ที่มีพลังในตนเองและทำให้ผู้อื่นมีพลัง ดังนั้นความอ่อนแอยังคงอยู่
พวกเขาได้รับการปกป้องจากการมีความคิดที่ไร้ประโยชน์
แต่พวกเขาไม่สามารถกลายเป็นตัวของพลัง
ผู้ที่ได้กลายเป็นตัวของพลังจะมีความเต็มเปี่ยมอย่างสม่ำเสมอ มีพลังอย่างสม่ำเสมอ
และด้วยรังสีที่มีพลังของพวกเขา
พวกเขาจึงจบสิ้นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ของผู้อื่นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นถามตนเองว่าฉันเป็นใคร ผู้ที่รับฟัง ผู้ที่หลอมรวมสิ่งนั้นเข้ากับตนเอง
หรือผู้ที่กลายเป็นตัวของสิ่งนั้น?
ดวงวิญญาณที่มีพลังจะเปลี่ยนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ให้มีพลังได้ในหนึ่งวินาที
ดังนั้นลูกคือดวงวิญญาณที่มีพลังใช่หรือไม่? ดังนั้นเปลี่ยนสิ่งที่ไร้ประโยชน์
ถ้าแม้ตอนนี้ลูกยังเฝ้าแต่สูญเสียพลังและเวลาของลูกไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์แล้ว
เมื่อไรลูกจะมีพลัง?
เพียงผู้ที่มีพลังเป็นเวลานานเท่านั้นที่สามารถปกครองอาณาจักรที่สมบูรณ์เป็นเวลานานได้
ลูกเข้าใจไหม?
ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ผู้อื่นมีพลังด้วยรูปที่มีพลังของลูก
จบสิ้นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ในตัวลูกเอง ลูกมีความกล้าหาญนี้ใช่ไหม?
เช่นที่มหาราชตระนั้นยิ่งใหญ่ ลูกก็ยิ่งใหญ่(มาฮัน)ด้วยเช่นกันใช่ไหม?
ลูกเป็นผู้ที่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ใช่ไหม?
ลูกไม่ใช่ผู้ที่มีความคิดที่อ่อนแอเหล่านั้น ลูกมีความคิดและสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น
สิ่งนี้เรียกว่ามีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ลูกเป็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ใช่ไหม?
ผู้ที่มาจากปัญจาบคิดอย่างไร? ผู้ที่มาจากปัญจาบนั้นกล้าหาญใช่ไหม?
ผู้ที่มีพลังของมายาท้าทายรัฐบาล ในขณะที่ผู้ที่มีพลังของพระเจ้าท้าทายมายา
ลูกไม่ได้เป็นผู้ที่ท้าทายมายาใช่ไหม? ลูกไม่ใช่ผู้ที่หวาดกลัวใช่ไหม?
เช่นที่พวกเขาพูดว่าควรเป็นอาณาจักรของพวกเขา
ดังนั้นลูกจึงท้าทายมายาและลูกก็จะส่งเสียงดังกึกก้องด้วยเช่นกันว่าอาณาจักรของลูกกำลังจะมา
ลูกเป็นผู้ที่กล้าหาญเช่นนั้นใช่ไหม? ผู้ที่มาจากปัญจาบนั้นกล้าหาญเช่นกัน
ผู้ที่มาจากรัฐมหาราชตระนั้นก็ยิ่งใหญ่และคุณสมบัติพิเศษของผู้ที่มาจากกรรณาฏกะก็คือพวกเขามีศรัทธาและความเลื่อมใสศรัทธาอันยิ่งใหญ่
(ภาวนา) ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับผลของความเลื่อมใสศรัทธาของพวกเขาอย่างง่ายดาย
ผู้มาจากกรรณาฏกะนั้นเป็นผู้ที่รับประทานผลที่ยิ่งใหญ่ของความเลื่อมใสศรัทธา
เหตุนี้เองลูกจึงร่ายรำอย่างมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้นลูกคือดวงวิญญาณที่มีโชคที่รับประทานผลของความสุข
มหาราชตระเป็นผู้ที่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่
และปัญจาบเป็นผู้ที่ผู้ท้าทายที่ยิ่งใหญ่และมีสิทธิในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่
และกรรณาฏกะก็คือผู้ที่รับประทานผลอันยิ่งใหญ่ ลูกทั้งสามยิ่งใหญ่ใช่ไหม?
มหาราชตระมีความหมายว่ายิ่งใหญ่ในทุกสิ่ง ทุกความคิดยิ่งใหญ่ รูปแบบของลูกยิ่งใหญ่
การกระทำของลูกยิ่งใหญ่ และงานรับใช้ของลูกก็ยิ่งใหญ่ ลูกยิ่งใหญ่ในทุกสิ่ง
ดังนั้นวันนี้แม่น้ำสามสายที่ยิ่งใหญ่ได้มาพบกัน
ลูกซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ได้พบกันแล้วใช่ไหม?
เป็นการพบปะของแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่กับมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่
เหตุนี้เองลูกจึงมารวมกันในการพบปะ ลูกต้องเฉลิมฉลองชุมนุมนี้ในวันนี้ใช่ไหม? อัจชะ
ถึงผู้ที่มีพลังอย่างสม่ำเสมอ ถึงผู้ที่กลายเป็นตัวของทุกคำพูดที่สูงส่ง
ถึงผู้ที่ทรงพลังมาเป็นเวลาที่ยาวนานและผู้ที่ทำให้ดวงวิญญาณอื่นมีพลัง ด้วยความรัก
ความทรงจำระลึกถึง และนมัสเตที่เต็มไปด้วยพลังทั้งหมดของบัพดาดา
บัพดาดาพบปะกับดาดี้:
มานดลีที่ยิ่งใหญ่ (กลุ่ม) กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ในตอนต้นมีโอม มานดลี
และในตอนท้ายก็กลายเป็นมหามานดลี (กลุ่มที่ยิ่งใหญ่)
นี่คือมานดลีของดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดใช่ไหม? ผู้คนเหล่านั้นเรียกตนเองว่า
มหามานเดชวา และลูกเรียกตนเองว่ามหาเซวาดารี (ผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่)
ลูกไม่เรียกตนเองว่ามหามานเดชวา หรือมหามานเดชวารี แต่เป็นมหามหาเซวาดารี
ดังนั้นนี่คือมานดลีที่ยิ่งใหญ่ของผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่
ผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่หมายถึงผู้ที่เป็นเครื่องมือตามธรรมชาติสำหรับงานรับใช้ด้วยทุกความคิด
งานรับใช้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านทุกความคิด
ผู้ที่เป็นโยคีโดยธรรมชาติคือผู้รับใช้ที่เป็นธรรมชาติ เพียงตรวจสอบดูว่า
งานรับใช้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติหรือไม่? แล้วลูกจะสัมผัสว่าไม่มีความคิด
หรือปล่อยเวลาไปแม้กระทั่งหนึ่งวินาทีโดยที่ไม่ได้ทำงานรับใช้
ในขณะที่เดินเหินและเคลื่อนไหวไปมารอบ ๆ และทำทุกงาน
งานรับใช้ก็หลอมรวมอยู่ในทุกลมหายใจในทุกวินาทีของลูก
นี่เรียกว่าผู้รับใช้โดยธรรมชาติ ลูกเป็นอย่างนั้นใช่ไหม?
สภาพของการทำงานรับใช้ตามโปรแกรมพิเศษเวลานี้สิ้นสุดลงแล้ว
ลูกได้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับงานรับใช้โดยธรรมชาติ ลูกให้โอกาสแก่ผู้อื่น
พวกเขาสร้างโปรแกรมและทำให้โปรแกรมเหล่านั้นใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ
แต่งานรับใช้ของลูกทั้งหมดคือการเป็นผู้รับใช้อย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ใช่ผู้ที่รับใช้ในขณะที่โปรแกรมกำลังดำเนินอยู่ เนื่องจากมีโปรแกรมอยู่เสมอ
ลูกจึงอยู่ในสภาพของงานรับใช้อย่างสม่ำเสมอ ลูกเป็นกลุ่มเช่นนั้นใช่ไหม?
เช่นเดียวกับที่ร่างกายไม่สามารถทำงานต่อไปได้โดยที่ปราศจากการหายใจ
ในทำนองเดียวกันจิตวิญญาณของลูกก็ไม่สามารถอยู่ได้หากปราศจากการรับใช้
การหายใจดำเนินไปโดยอัตโนมัติใช่ไหม?
ในทำนองเดียวกันงานรับใช้ก็จะดำเนินต่อไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน
งานรับใช้คือลมหายใจสำหรับดวงวิญญาณ เป็นเช่นนั้นใช่ไหม?
ลูกสามารถคำนวณได้ว่าลูกรับใช้ได้กี่ชั่วโมง? ศาสนา (ธรรมะ) และการกระทำ (คาร์มา)
ของลูกคืองานรับใช้ การเดินของลูกคืองานรับใช้ การพูดของลูกคืองานรับใช้
ไม่ว่าลูกจะทำอะไรคืองานรับใช้ และดังนั้นลูกเป็นผู้รับใช้ที่เป็นธรรมชาติ
ผู้รับใช้ที่สม่ำเสมอ งานรับใช้จะหลอมรวมอยู่ในความคิดใดก็ตามที่ลูกมี
งานรับใช้หลอมรวมในทุกคำพูด เพราะสิ่งที่ไร้ประโยชน์เวลานี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ดังนั้นการมีพลังหมายถึงงานรับใช้
บุคคลเช่นนั้นเรียกว่าดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของมานดลีที่ยิ่งใหญ่ อัจชะ
มิตรทั้งหมดของลูกอยู่เบื้องหน้าบัพดาดาด้วยเช่นกัน ผู้ที่มาจากโอมมานดลี
ผู้ที่มาจากมหามานดลี ผู้รับใช้จากตอนเริ่มต้นเป็นผู้รับใช้ที่สม่ำเสมอ
ดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดจากมหามานดลีอยู่เบื้องหน้าบัพดาดา
ผู้ที่ริเริ่มที่จะรับผิดชอบคือผู้ที่มาจากมานดลีที่ยิ่งใหญ่ใช่ไหม?
ลูกมีความรับผิดชอบใช่ไหม? โดยที่ไม่คิดเกี่ยวกับสิ่งใด โดยที่ไม่มีความคิดอื่นใด
ลูกมีความคิดที่มุ่งมั่นและลูกก็กลายเป็นเครื่องมือ
สิ่งนี้เรียกว่าดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ลูกกลายเป็นเครื่องมือสำหรับงานที่ยิ่งใหญ่
อย่างน้อยลูกก็กลายเป็นตัวอย่าง โดยที่ไม่ได้เห็นตัวอย่าง
ลูกก็กลายเป็นตัวอย่างสำหรับโลกนี้ การให้ทานในทันทีเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ลูกเป็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น อัจชะ
บัพดาดาพบกลุ่ม:
กลุ่มมหาราชตระและปัญจาบ: ลูกไม่กลัวใช่ไหม? เพราะเหตุใด?
เพราะลูกเป็นอิสระอยู่เสมอจากความไม่พอใจใคร
ลูกไม่มีความเป็นศัตรูหรือปฏิปักษ์ต่อใครเลย
ลูกมีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของความเป็นพี่น้องสำหรับทุกดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์เช่นนั้นจะอยู่อย่างไม่ขลาดกลัวเสมอ
พวกเขาไม่ใช่คนที่จะกลัวอะไร หากลูกเองมีความมั่นคงในสภาพที่โยกยุกต์,ลูกก็จะอยู่อย่างปลอดภัยจากสถานการณ์ที่เลวร้ายใดๆอย่างแน่นอน
ดังนั้นลูกเป็นผู้ที่อยู่อย่างปลอดภัยอยู่เสมอใช่หรือไม่?
ผู้ที่อยู่ภายใต้ร่มฉัตรแห่งการปกป้องคุ้มครองของพ่อนั้นจะปลอดภัยเสมอ
หากลูกออกมาจากร่มฉัตรแห่งการปกป้องแล้วลูกจะมีความกลัว ภายใต้ร่มฉัตรแห่งการปกป้อง
ลูกจะปราศจากความกลัว ไม่ว่าจะมีใครบางคนจะทำบางสิ่งมากแค่ไหน
การจดจำระลึกถึงพ่อจะเป็นป้อมปราการ ไม่มีใครสามารถเข้ามาในป้อมปราการได้
ในทำนองเดียวกันในขณะที่อยู่ในป้อมปราการแห่งการจดจำระลึกถึงลูกจะอยู่อย่างปลอดภัย
ไม่หวั่นไหวแม้แต่ในความปั่นป่วน ไม่ใช่คนที่หวาดกลัว
สิ่งที่ลูกเห็นนั้นไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเพียงการซักซ้อม ของจริงเป็นอีกอย่างหนึ่ง
ทำการซักซ้อมเพื่อทำให้บางสิ่งบางอย่างมั่นคง
ดังนั้นลูกกลับมามั่นคงและความกล้าหาญหรือไม่? ลูกมีความรักต่อพ่อ
และดังนั้นไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรลูกก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว
ลูกกลายเป็นผู้เอาชนะปัญหา ความรักช่วยให้ลูกมีพลังที่จะเป็นอิสระจากอุปสรรค
เพียงจดจำมนตราที่ยิ่งใหญ่ "บาบาของฉัน!" หากลูกลืมสิ่งนี้ลูกจะกลับมาพ่ายแพ้
หากลูกจดจำสิ่งนี้ได้ตลอดเวลาลูกก็จะปลอดภัยเสมอ
ลูกมีประสบการณ์กับตนเองอย่างสม่ำเสมอว่าเป็นดวงวิญญาณที่ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนหรือไม่?
ไม่มีความปั่นป่วนประเภทใดที่สามารถสร้างอุปสรรคในสภาพที่ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนของลูกได้
ลูกได้กลายเป็นดวงวิญญาณที่ปราศจากอุปสรรค ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน
ดวงวิญญาณที่เป็นผู้ทำลายอุปสรรค
ที่เอาชนะอุปสรรคราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่อุปสรรคแต่เป็นเพียงเกม
ลูกสนุกกับการเล่นเกมเสมอ จะมีความแตกต่างระหว่างการเอาชนะสถานการณ์และเกมหรือไม่?
หากลูกเป็นดวงวิญญาณที่เป็นผู้ทำลายอุปสรรค,
ก็จะมีประสบการณ์ว่าสถานการณ์นั้นเป็นเหมือนกับเกม ภูเขาจะเป็นเหมือนเมล็ดมัสตาร์ด
ลูกเป็นผู้ทำลายอุปสรรคเช่นนั้น ไม่ใช่ผู้ที่หวาดกลัว
ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความรู้จะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นและทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อลูกรู้ล่วงหน้าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นในทันที แม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อยๆก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อลูกรู้ล่วงหน้าแล้วแม้แต่เรื่องใหญ่ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก
ลูกทุกคนเต็มไปด้วยความรู้ใช่ไหม? ลูกเต็มไปด้วยความรู้
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้าย
ลูกไม่ควรลืมสภาพของผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้
ลูกเพียงแค่ทำซ้ำในสิ่งที่ลูกเคยทำมาเป็นเวลานับไม่ถ้วน
เมื่อไม่มีอะไรใหม่ทุกสิ่งก็เป็นเรื่องง่าย
ลูกทุกคนเป็นอิฐที่ถูกอบมาแล้วอย่างเต็มที่ของป้อมปราการ
อิฐแต่ละก้อนมีความสำคัญมาก
หากแม้แต่อิฐก้อนเดียวสั่นคลอนก็จะทำให้ทั้งกำแพงสั่นคลอน อิฐของลูกไม่สั่นคลอน
ไม่ว่าใครพยายามจะเขย่าลูกมากแค่ไหน ผู้ที่พยายามเขย่าลูกก็จะสั่นคลอน
แต่ลูกจะต้องไม่สั่นคลอน ทุกวันบัพดาดาขอแสดงความยินดีกับดวงวิญญาณที่ไม่สั่นคลอน
และดวงวิญญาณที่ซึ่งเป็นผู้ทำลายอุปสรรค
เพียงลูกเช่นนั้นเท่านั้นที่มีสิทธิ์ต่อการแสดงความยินดีจากพ่อ
บัพดาดาและทุกคนในครอบครัวมีความพอใจที่ได้เห็นดวงวิญญาณที่ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนเช่นนั้น
อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นเทวดานางฟ้าที่ละเอียดอ่อนที่เปิดสวิตช์อันทรงพลังและจบสิ้นความมืดมิดของความไร้ประโยชน์
เมื่อลูกเปิดไฟความมืดมิดก็จะหายไป ในทำนองเดียวกันสภาพที่มีพลังคือสวิตช์
เปิดสวิตช์นี้แล้วความมืดมิดของสิ่งที่ไร้ประโยชน์ก็จะหายไป
และแล้วลูกก็จะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากการที่จะต้องจบสิ้นแต่ละความคิดที่ไร้ประโยชน์
เมื่อสภาพของลูกมีพลัง ลูกก็จะกลายเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่และผู้ประทานพร
เพราะการเป็นผู้ประทานหมายถึงการเป็นผู้ที่มีพลัง
เพียงผู้ที่มีพลังเท่านั้นที่จะสามารถให้ได้และที่ใดมีพลัง,สิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดจะจบสิ้น
ดังนั้นนี่คือหน้าที่อันสูงส่งของเหล่าเทวดานางฟ้าที่ละเอียดอ่อน
คติพจน์:
ดวงวิญญาณที่มีโชคคือผู้ที่ได้รับพรจากหัวใจของทุกดวงวิญญาณบนพื้นฐานของสัจจะ