10.02.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
19.04.84 Om Shanti Madhuban
คุณสมบัติของดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกรักและมีความรู้
วันนี้บัพดาดามองดูลูกทุกคนเพื่อดูว่าลูกคนไหนมาหาพ่อด้วยความรู้สึกของความรักที่มีความเลื่อมใสศรัทธา
และลูกคนไหนที่มาหาพ่อด้วยการรู้จักและตระหนักในตัวพ่อเพื่อที่จะได้มาซึ่งการบรรลุผลจากท่าน
นั่นคือ ความตั้งใจที่จะกลับมาสูงส่ง ลูกทั้งสองประเภทได้มาถึงบ้านของพ่อแล้ว
ผู้ที่มีความรู้สึกรักจะได้รับผลของความรักของพวกเขาตามความสามารถของพวกเขา
ในรูปของผลแห่งความสุข ความสงบ ความรู้ และความรัก และมีความสุขกับสิ่งนั้นอย่างมาก
ถึงกระนั้นก็ตามมีความแตกต่างในความรู้สึกของความเลื่อมใสศรัทธาของพวกเขา
และความรู้สึกที่มีต่อพ่อและครอบครัวหลังจากที่ได้รับคำแนะนำของพ่อ
ความรู้สึกของความเลื่อมใสศรัทธาเป็นความรู้สึกของความศรัทธาที่งมงาย
เป็นความรู้สึกของการพบปะทางอ้อม เป็นความรู้สึกของความรักที่เห็นแก่ตัวอันชั่วคราว
ความรู้สึกซึ่งมีความรักที่ลูกมีอยู่ในปัจจุบันบนพื้นฐานของความรู้นั้นสูงส่งมากกว่าความรู้สึกของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
เพราะสิ่งนี้ไม่ได้เป็นทางอ้อมสำหรับดวงวิญญาณเทพ แต่เป็นความรักที่มีต่อพ่อโดยตรง
มีการตระหนักและรับรู้ได้
แต่มีความแตกต่างระหว่างการตระหนักรู้บนพื้นฐานของความรักที่มีความเลื่อมใสศรัทธาและการตระหนักรู้บนพื้นฐานของความรู้
การมีการตระหนักรู้ผ่านความรู้หมายถึงการมีวิธีที่จะรู้จักพ่อว่าพ่อเป็นอะไรและพ่อเป็นเช่นไร
และการรู้จักตนเองว่าลูกเป็นอะไรและลูกเป็นเช่นไร นั่นคือการกลับมาทัดเทียมกับพ่อ
ลูกทุกคนรู้จักพ่อ
แต่ลูกต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างการรู้จักพ่อบนพื้นฐานของความรู้สึกของความเลื่อมใสศรัทธา
กับความรู้สึกบนพื้นฐานของความรู้
ดังนั้นวันนี้บัพดาดาได้เห็นความรู้สึกที่มีความรักของลูกมากมาย
แม้ว่าด้วยการรู้จักตระหนักถึงพ่อผ่านความรู้สึกที่มีความรักของลูก
ลูกก็ได้รับผลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างระหว่างการประกาศสิทธิ์ในมรดกอย่างเต็มที่
กับการเพียงแค่ได้ประกาศสิทธิ์ในมรดก
โชคแห่งสวรรค์และสิทธิ์ในการได้รับการหลุดพ้นในชีวิตได้รับทั้งจากผู้ที่มีความรู้สึกรักและผู้ที่มีความรู้
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือการได้มาซึ่งสถานภาพ ทั้งสองพูดว่า "บาบา"
ด้วยความสุข ดังนั้นพวกเขาจึงประกาศสิทธิ์ในมรดกอย่างแน่นอนที่เป็นผลของการพูดว่า "บาบา"
และการเข้าใจบาบา ทุกคนกลับมามีค่าควรแก่การประกาศสิทธิ์ในการหลุดพ้นในชีวิต
แต่มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างเพชรพลอยทั้งแปด,เพชรพลอยแห่งชัยชนะ 108, 16,000
และ 900,000 มีลูกประคำ 16,000 และหนึ่งใน108ด้วยเช่นกัน ใน108มีแปดเพชรพลอยที่พิเศษด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดกลายเป็นลูกปัดของลูกประคำ ทั้งสองประเภทเรียกว่าลูกปัด
แม้แต่ลูกปัดของลูกประคำ16,000ก็จะพูดด้วยความสุขและความความซาบซึ้งว่า
บาบาและอาณาจักรของฉัน
ความแตกต่างคือไม่ว่าลูกจะประกาศสิทธิ์ในราชบัลลังก์หรือสถานภาพที่สูงส่ง,
สิทธิ์ในราชนิกุลหรือสิทธิ์ที่จะมีสายใยกับราชนิกุลหรือไม่ก็ตาม
ทั้งดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาและดวงวิญญาณที่มีความรู้ต่างก็มีความซาบซึ้ง
พวกเขาทั้งสองพูดในสิ่งที่ดีเกี่ยวกับความรักที่มีต่อพระเจ้า
เพราะการเป็นตัวแห่งความรัก พวกเขาจึงลืมแม้กระทั่งจิตสำนึกทั้งหมดของโลก
พวกเขาแม้กระทั่งร้องเพลงรักที่ดีมาก "ของฉันคือพ่อผู้เดียวเท่านั้น"
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เป็นตัวของพลัง
ลูกจะเห็นว่าพวกเขาสัมผัสกับความสุขเป็นอย่างมาก
แต่หากมีอุปสรรคเล็กน้อยของมายาเข้ามา
ดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกรักจะมีความกลัวอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาขาดพลังของความรู้
หนึ่งนาทีลูกจะเห็นพวกเขาร้องเพลงของพ่ออย่างมีความสุขมากและในนาทีต่อมาการจู่โจมเพียงเล็กน้อยจากมายาจะเปลี่ยนเพลงแห่งความสุขของพวกเขาเป็น
"ฉันจะทำอย่างไรดี? ฉันจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้น?
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นอย่างไร?”พวกเขาไม่ยิ่งหย่อนเลยเมื่อพูดถึงการร้องเพลงเช่นนั้น “อะไร?
ทำไม? ฯลฯ”
อย่างไรก็ตามดวงวิญญาณที่มีความรู้เพราะพวกเขาพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณที่เป็นนายผู้ทรงอำนาจพร้อมกับพ่อก็สามารถเอาชนะมายาได้
พวกเขาไม่ได้ร้องเพลง “ทำไม?อะไร?”
ดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกรักยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างเรียบง่ายด้วยพลังแห่งความรัก
พวกเขาไม่มีพลังใดๆที่จะเผชิญหน้ากับมายา
ดวงวิญญาณที่มีความรู้สามารถสัมผัสกับพลังทั้งหมดโดยมีเป้าหมายที่จะทัดเทียมและสามารถเผชิญหน้ากับมายาได้
เวลานี้ถามตนเองว่า ฉันคือใคร? ฉันเป็นวิญญาณที่มีความรู้สึกรัก
หรือฉันเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้?
พ่อยังคงยินดีและพอใจที่ได้เห็นดวงวิญญาณที่มีความรู้สึกรัก
อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ประกาศสิทธิ์โดยการพูดว่า “บาบาของฉัน”
โดยการประกาศสิทธิ์พวกเขาก็กลับมามีค่า ไม่ว่าลูกจะรับเต็มจำนวนหรือไม่ก็ตาม
ลูกก็ยังเติมอาภรณ์ของลูกให้เต็มได้ตามความพยายามของลูกได้ตามที่ลูกต้องการ
เพราะเมื่อลูกพูดว่า “บาบาของฉัน” ลูกก็ได้ใช้กุญแจ ไม่มีกุญแจอื่นใดเลย
เพราะบัพดาดาเป็นมหาสมุทร ท่านไร้ขีดจำกัด,ไม่มีขีดจำกัด
ผู้ที่รับจะเหนื่อยล้ากับการรับ ผู้ประทานไม่เคยเหนื่อยล้า
ท่านต้องทำความพยายามอะไรบ้าง?ท่านให้ดริชตีแก่ลูกและดังนั้นจึงให้สิทธิ์ทั้งหมด
แม้แต่ผู้ที่กำลังรับก็ไม่ต้องใช้ความพยายาม
แต่เพราะความไม่ระมัดระวังพวกเขาจึงสูญเสียไปทั้งหมด
และแล้วหลังจากสูญเสียมันด้วยความอ่อนแอของตนเอง
พวกเขาจึงต้องเพียรพยายามที่จะให้ได้สิ่งนั้นคืนมา เนื่องจากความเพียรพยายาม
จากการสูญเสียและได้รับ, ได้รับและสูญเสีย พวกเขาก็กลับมาเหนื่อยล้า
หากพวกเขาอยู่อย่างระมัดระวังและชาญฉลาด
พวกเขาจะกลายเป็นตัวของการบรรลุผลอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นในยุคทอง
แม่บ้านจะอยู่กับลูกเสมอเพื่อรับใช้ลูก
ในทำนองเดียวกันพลังและคุณธรรมทั้งหมดจะเติมเต็มความรับผิดชอบของเขาเองอย่างสม่ำเสมออย่างเป็นมิตรสำหรับดวงวิญญาณที่สูงส่งและมีความรู้
ผู้ซึ่งทัดเทียมกับพ่อ ไม่ว่าลูกจะเรียกพลังใด ไม่ว่าลูกจะเรียกคุณธรรมใด
สิ่งเหล่านั้นก็จะมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าลูกอย่างเป็น “จี ฮาร์ซีร์” (ขอรับพระเจ้าของฉัน)
ผู้ที่มีอำนาจในการปกครองตนเองเช่นนั้นจะประกาศสิทธิ์ในอาณาจักรของโลก
ดังนั้นลูกจะไม่พบการทำงานหนักเช่นนี้ใช่ไหม?ลูกสัมผัสว่าตนเองจะได้รับชัยชนะอย่างสม่ำเสมอกับทุกพลังและทุกคุณธรรม
เช่นเดียวกับที่เมื่อลูกแสดงละครที่แสดงให้เห็นว่าราวันท้าทายมิตรของเขาอย่างไรและดวงวิญญาณบราห์มิน
ดวงวิญญาณที่เป็นนายของตนเองท้าทายพลังและคุณธรรมของพวกเขาอย่างไร
ลูกได้กลายเป็นนายของตนเองในลักษณะเดียวกันหรือไม่?หรือว่าลูกไม่สามารถใช้พลังเหล่านี้ได้ในเวลาที่ต้องการ?ไม่มีใครจะเชื่อฟังราชาที่อ่อนแอ
ราชานั้นจะต้องเชื่อฟังปวงประชา
ราชาผู้กล้าหาญทำให้ทุกคนทำงานภายใต้คำสั่งและได้มาซึ่งอาณาจักรนี้
ดังนั้นการทำสิ่งที่ง่ายดายให้เป็นสิ่งที่ยากแล้วกลับมาเหนื่อยล้านั้นเป็นสิ่งชี้บอกของความไม่ระมัดระวังของลูก
ลูกจะพูดอย่างไรกับการถูกเรียกว่าเป็นราชาซึ่งไม่มีใครเชื่อฟัง?บางคนพูดว่า
ฉันเข้าใจว่าฉันควรมีพลังในการอดทน แต่ฉันจำสิ่งนี้ได้เมื่อมันสายไปแล้ว
ในเวลานั้นแม้ว่าลูกจะคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ลูกไม่สามารถใช้มันได้
ซึ่งก็หมายความว่าลูกเรียกสิ่งนั้นมาในเวลานั้น แต่สิ่งนั้นมาถึงในวันถัดไป
ดังนั้นนี่คือการเชื่อฟังคำสั่งของลูกหรือไม่?การพูดว่า “ก็แค่เกิดขึ้น”
หมายความว่าพลังของลูกไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของลูก
ลูกจะพูดอย่างไรกับผู้รับใช้ที่ไม่ได้รับใช้ในเวลาที่ถูกต้อง?
ดังนั้นจงเป็นนายของตนเองอย่างสม่ำเสมอและใช้พลังและคุณธรรมทั้งหมดเพื่อตัวลูกเองและทุกคนในงานรับใช้
ลูกเข้าใจไหม?อย่าเป็นเพียงผู้ที่มีความรู้สึกรัก แต่จงกลับมามีพลัง อัจชะ
ลูกมีความสุขที่ได้เห็นชุมนุมของดวงวิญญาณที่หลากหลายใช่ไหม?ชาวมธุบันเห็นการชุมนุมมากมายหลายประเภท
มีหลายกลุ่มมา บัพดาดายินดีที่ได้เห็นความหลากหลายในสวนดอกไม้ด้วยเช่นกัน
ยินดีต้อนรับ! ลูกกำลังเห็นอนุสรณ์ที่ได้จดจำกันมาว่าเป็นขบวนของชีว่า
ด้วยการพูดว่า “บาบา บาบา” ลูกทั้งหมดก็มาที่นี่ อย่างน้อยลูกก็มาถึงมธุบันแล้ว
เวลานี้ลูกต้องไปให้ถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของลูก อัจชะ
ถึงดวงวิญญาณที่มีชัยชนะที่ประกาศสิทธิ์ที่สูงส่งของพวกเขาเสมอ
ถึงดวงวิญญาณที่มีพลังที่รับใช้ด้วยสิทธิ์ทั้งหมดของพวกเขาและพลังทั้งหมดของพวกเขา
ถึงดวงวิญญาณที่ชอบธรรมที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ บัพดาดา รัก ระลึกถึง และนมัสเต
อะแวคบัพดาดาพบกลุ่มต่าง ๆ
โซนปัญจาบ:
ลูกทุกคนจากโซนปัญจาบเป็นมหาวีระใช่หรือไม่?ลูกไม่ใช่ผู้ที่หวาดกลัว
ลูกคือดวงวิญญาณที่สูงส่งที่มีความรู้ซึ่งทัดเทียมกับพ่อใช่ไหม?ลูกไม่กลัวอะไรเลยใช่ไหม?
ความกลัวที่มากที่สุดคือความตาย ลูกทุกคนได้ตายไปแล้ว
เหตุใดผู้ที่ตายไปแล้วจะกลัวความตายเล่า? มีความกลัวตายเมื่อลูกคิดว่า “ฉันยังต้องทำสิ่งนี้
ฉันควรทำสิ่งนี้ในเวลานี้” เมื่อลูกไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ลูกก็กลับมากลัวความตาย
ลูกทุกคนได้ทำงานเสร็จสิ้นแล้วและพร้อมแล้ว
ลูกพร้อมเสมอที่จะสลัดเครื่องแต่งกายเก่าแล้วใช่ไหม? ดังนั้นลูกไม่หวาดกลัว
ในความเป็นจริงลูกเป็นผู้ที่ทำให้ดวงวิญญาณที่หวาดกลัวมีพลัง
และลูกเป็นลูกของผู้ประทานแห่งความสุข
และให้ความสุขในช่วงเวลาแห่งความทุกข์แก่ดวงวิญญาณที่จมอยู่ในความกลัว
ตัวอย่างเช่นเมื่อลูกมีแสงสว่างในเวลากลางคืนในที่มืด ก็จะมีแสงสว่างในทุกแห่ง
ในทำนองเดียวกันลูกคือดวงวิญญาณที่สูงส่งซึ่งให้ความสุขในช่วงเวลาแห่งความทุกข์
ดังนั้นลูกมีความรู้สึกที่สูงส่งของการให้ความสุขอยู่เสมอหรือไม่?ลูกต้องให้ความสุขและความสงบอย่างสม่ำเสมอ
ลูกคือผู้ประทานความสงบ ลูกของผู้ประทานความสงบ ดังนั้นใครคือผู้ประทานความสงบ?
ไม่ใช่พ่อเพียงผู้เดียว แต่ลูกๆทั้งหมดก็เป็นเช่นนั้นเช่นกัน
ดังนั้นลูกเป็นผู้ประทานความสงบที่ให้ความสงบ ลูกกำลังทำหน้าที่ของการให้ความสงบ
ผู้คนถามว่าลูกทำงานรับใช้อะไร
ดังนั้นให้บอกพวกเขาทั้งหมดว่าลูกกำลังทำงานที่สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในเวลานี้
อัจชะ ผู้คนให้เสื้อผ้า ผู้คนให้อาหาร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะให้คือความสงบ
ดังนั้นเราจึงให้สิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนแก่พวกเขา
ดังนั้นมีงานรับใช้อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้หรือไม่?เมื่อจิตใจของลูกมีความสงบ
ความมั่งคั่งก็มีประโยชน์เช่นกัน หากจิตใจไม่สงบแล้ว
แม้กระทั่งพลังแห่งความมั่งคั่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกทุกข์
เวลานี้กระจายคลื่นแห่งความสงบที่มีพลังเช่นนั้นที่ทุกคนจะสัมผัสคลื่นแห่งความสงบนั้นจากทุกหนแห่งทั่วทั้งประเทศ
นี่เป็นสถานที่แห่งความสงบ
ให้พวกเขาได้ยินจากผู้อื่นว่าเมื่อมาที่นี่แม้กระทั่งเพียงไม่กี่นาทีพวกเขาจะได้สัมผัสกับความสงบอย่างมากมาย
ให้เสียงนี้กระจายออกไปในทุกหนแห่ง
กระจายเสียงว่าสถานที่งานรับใช้นี้เป็นมุมเพื่อความสงบ
ให้เสียงนี้กระจายออกไปทุกที่ ไม่ว่าดวงวิญญาณที่ไม่มีความสงบจะเป็นเช่นไร
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนล้มป่วยเขาก็จะไปโรงพยาบาล
ในทำนองเดียวกันให้พวกเขารู้สึกว่าในเวลาที่ไม่สงบนี้พวกเขาต้องไปสถานที่ของความสงบ
กระจายคลื่นเช่นนั้น สิ่งนี้จะกระจายได้อย่างไร? สำหรับสิ่งนี้
ให้เชื้อเชิญหนึ่งหรือสองดวงวิญญาณมาและให้ประสบการณ์แก่พวกเขา
จากหนึ่งก็จะขยายออกเป็นสอง และต่อไปเรื่อยๆ ...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรียกผู้ที่ไม่มีความสงบและให้ประสบการณ์ของความสงบแก่พวกเขา
ใครก็ตามที่เข้ามาติดต่อกับลูก จงให้สาสน์กับพวกเขาว่า
มาสัมผัสประสบการณ์กับกับความสงบ! ผู้ที่มาจากปัญจาบควรทำงานรับใช้นี้โดยเฉพาะ
เวลานี้ลูกมีโอกาสที่จะทำให้ได้ยินเสียงที่ดัง
เวลานี้ดวงวิญญาณเร่ร่อนไปทั่วและพวกเขาต้องการสถานที่
พวกเขาไม่รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหนและดังนั้นพวกเขากำลังค้นหาอยู่
พวกเขาเร่ร่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยตระหนักว่านั่นไม่ใช่สถานที่ที่ถูกต้อง
ลูกไม่สามารถให้สถานที่แก่ดวงวิญญาณที่หลงทางเช่นนั้นได้อย่างง่ายดายหรือ?เวลานี้ทำงานรับใช้นี้
แม้ว่าจะมีเคอร์ฟิวหรืออะไรก็ตามลูกจะต้องติดต่อกับคนอื่น ๆ ใช่ไหม?ให้ประสบการณ์กับผู้ที่ติดต่อกับลูก
แล้วดวงวิญญาณเหล่านั้นก็จะกระจายเสียงออกไป
ทำค่ายโยคะแคมป์สำหรับพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมง
หากพวกเขาได้สัมผัสกับความสงบแม้กระทั่งเล็กน้อย
พวกเขาก็จะมีความสุขมากและขอบคุณลูก เมื่อมีเป้าหมายในการทำบางสิ่ง
ลูกจะพบวิธีที่จะทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเวลานี้แสดงสิ่งนี้ให้เห็นและประกาศชื่อเสียงด้วยวิธีนี้
ลูกสามารถทำให้ดินแดนของปัญจาบอ่อนโยนลงในระดับที่ยากในปัจจุบัน
ลูกมีประสบการณ์ว่าตนเองเป็นเทวดานางฟ้าที่เป็นแสงและเบาสบายสองเท่าหรือไม่?รูปสุดท้ายของยุคบรรจบพบกันคือรูปของเทวดานางฟ้า
การบรรลุผลของชีวิตบราห์มินเป็นชีวิตของเทวดานางฟ้า
เทวดานางฟ้าเป็นผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับร่างกายหรือความสัมพันธ์ทางร่างกาย
ลูกได้จบสิ้นความสัมพันธ์ทั้งหมดกับร่างกายและญาติของลูกแล้ว
หรือยังคงมีความสัมพันธ์เล็กน้อย?หากมีแม้กระทั่งเส้นเชือกที่ละเอียดอ่อนของความผูกพันยึดมั่นแม้แต่น้อย
ลูกจะไม่สามารถโบยบินขึ้นไปข้างบนได้ ลูกจะลงมา
ดังนั้นเทวดานางฟ้าจึงเป็นผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์เก่า เนื่องจากชีวิตของลูกใหม่
ทุกสิ่งจึงเป็นสิ่งใหม่ ทุกสิ่งใหม่ หมายถึง ความคิดใหม่ ความสัมพันธ์ใหม่อาชีพใหม่
ไม่มีสำนึกรู้ถึงชีวิตเก่าของลูกในเวลานี้แม้กระทั่งในความฝันของลูก
หากลูกมีสำนึกที่เป็นร่างแม้แต่น้อยที่สุดนั่นก็หมายความว่ามีความสัมพันธ์เล็กน้อยด้วยเช่นกัน
หากไม่มีความสัมพันธ์สติปัญญาของลูกจะไม่สามารถไปที่นั่นได้
มีดวงวิญญาณมากมายในโลกนี้ แต่ลูกไม่ได้จดจำเขา
เป็นเพราะลูกไม่ได้มีสายใยเกี่ยวข้องกับพวกเขาใช่ไหม?ลูกจำได้เฉพาะผู้ที่ลูกมีความสัมพันธ์ด้วย
ดังนั้นการมีจิตสำนึกที่เป็นร่างนั้นหมายความว่ามีความสัมพันธ์ทางร่าง
หากมีความผูกพันยึดมั่นกับร่างแม้เพียงเล็กน้อยลูกจะโบยบินได้อย่างไร?
ไม่ว่าลูกจะโยนสิ่งของที่หนักให้ขึ้นไปสูงเพียงใดมันก็จะยังคงลงมา
ดังนั้นเทวดานางฟ้าหมายถึงผู้ที่เบาสบาย ไม่มีภาระใดๆ
การตายขณะที่มีชีวิตอยู่หมายถึงการเป็นอิสระจากภาระ
หากมีหลงเหลืออีกนิดหน่อยแล้วก็ให้รีบจบสิ้นโดยเร็ว
มิฉะนั้นเมื่อมีการเป่านกหวีดของเวลา ทุกคนจะเริ่มโบยบิน
แต่ผู้ที่มีภาระจะยังคงอยู่ด้านล่าง
ผู้ที่มีภาระจะกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ของผู้ที่กำลังโบยบิน
ดังนั้นตรวจสอบว่าไม่มีเส้นเชือกใดที่ละเอียดอ่อนยังคงอยู่ ลูกเข้าใจไหม?ดังนั้นจงจดจำพรพิเศษของวันนี้
ลูกคือดวงวิญญาณเทวดานางฟ้าที่เป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
ลูกคือดวงวิญญาณที่เป็นอิสระจากบ่วงพันธะ อย่าลืมคำว่า “เทวดานางฟ้า”
เมื่อพิจารณาว่าตนเองเป็นเทวดานางฟ้าลูกจะโบยบินได้ หากลูกจดจำพรนี้จากผู้ประทานพร
ลูกจะอยู่อย่างรุ่งเรืองอยู่เสมอ
ลูกพิจารณาว่าตนเองเป็นผู้นำสาส์นที่ให้สาส์นแห่งความสงบหรือไม่?หน้าที่ของบราห์มินคือการให้สาส์น
ลูกไม่เคยลืมหน้าที่นี้ใช่ไหม
ตรวจสอบดูทุกวันว่าลูกทำงานที่สูงส่งของดวงวิญญาณที่สูงส่งได้มากแค่ไหน
ลูกได้ให้สาส์นแก่ผู้คนมากเท่าไร?ลูกให้ทานความสงบแก่ผู้คนมากเท่าไร?ลูกคือผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่
ผู้ประทานพรที่ให้สาส์น ลูกมีสมญามากเท่าไร?
ในโลกปัจจุบันนี้แม้กระทั่งบางคนจะมีสมญาที่ใหญ่โตที่สุดเขาก็ยังเป็นผู้น้อยสำหรับลูก
ที่นั่นคือดวงวิญญาณที่ให้สมญา แต่ที่นี่คือพ่อที่ให้สมญาแก่ลูก
ดังนั้นจงเก็บสมญาต่างๆของลูกไว้ในสำนึกรู้และคงอยู่ในความสุขนั้นและในงานรับใช้นั้นอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อมีสำนึกรู้ถึงสมญา ลูกจะจดจำงานรับใช้โดยอัตโนมัติ
พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณที่มีสิทธิ์ทั้งหมดและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใด ๆ
ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของลูกด้วยพลังสมาธิ
บราห์มิน
นั่นคือดวงวิญญาณที่มีสิทธิ์ทั้งหมดไม่สามารถถูกควบคุมจากใครได้
ดวงวิญญาณเช่นนั้นไม่สามารถถูกควบคุมโดยธรรมชาติหรือซันสการ์ที่อ่อนแอของเขา
เพราะธรรมชาติ -“สวา-ภาวะ” -หมายถึงการมีความรู้สึกที่มีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณต่อตนเองและผู้อื่น
ดังนั้นลูกไม่สามารถถูกควบคุมโดยธรรมชาติที่อ่อนแอ
สำนึกรู้ซันสการ์ดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปของลูกจะเปลี่ยนซันสการ์ที่อ่อนแอของลูกได้อย่างง่ายดาย
พลังของสมาธิจะเปลี่ยนสถานการณ์ภายนอกได้อย่างง่ายดาย
และทำให้ลูกสามารถตั้งอยู่บนที่นั่งในสภาพของผู้เป็นนาย
คติพจน์:
ความโกรธเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับดวงวิญญาณที่มีความรู้