19.10.19       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ฝึกฝนที่จะมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ด้วยการฝึกฝนนี้เท่านั้นที่ลูกจะสามารถกลายเป็นดวงวิญญาณบุญที่บริสุทธิ์

คำถาม:
เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับอะไรอย่างหนึ่งที่ลูกๆ คงอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ?

คำตอบ:
ลูกได้รับความรู้ว่านี่เป็นละครที่มหัศจรรย์ที่ได้มีการสร้างขึ้นมา บทบาทที่ไม่สูญสลายของนักแสดงแต่ละคนถูกกำหนดไว้แล้วไว้ภายในละคร แต่ละคนก็เล่นบทบาทของตนเอง และด้วยเหตุนี้ลูกจึงคงอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ

คำถาม:
พ่อมีงานศิลปะอะไรอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีใครมี

คำตอบ:
พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่มีศิลปะของการทำให้ลูกๆ มีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณ เพราะท่านเองมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเสมอ ท่านคือผู้ที่สูงสุด ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถมีศิลปะนี้ได้

โอมชานติ
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆ ทางจิต นั่นคือแก่ดวงวิญญาณ ลูกต้องพิจารณาตนเป็นดวงวิญญาณใช่หรือไม่? พ่อได้อธิบายแก่ลูกแล้วว่า ก่อนอื่นใดฝึกฝนการเป็นดวงวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย เมื่อลูกคิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณเท่านั้นที่ลูกจะจดจำพ่อสูงสุด หากลูกไม่คิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ และแล้วอย่างแน่นอนก็จะมีการจดจำเพียงญาติมิตรทางโลกและธุรกิจฯลฯ เท่านั้น เหตุนี้เองก่อนอื่นลูกต้องฝึกฝน: ฉันคือดวงวิญญาณ และแล้วก็จะมีการจดจำระลึกถึงพ่อทางจิต พ่อได้ให้คำสอนแก่ลูก: อย่าได้คิดว่าตนเป็นร่างกาย เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในทั้งวงจรที่พ่อได้ให้ความรู้นี้แก่ลูก และแล้วลูกจะได้รับคำอธิบายนี้อีกครั้งหลังจาก 5000 ปี หากลูกคิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ ลูกก็จะจดจำพ่อด้วยเช่นกัน ถึงครึ่งหนึ่งของวงจรที่ลูกเคยคิดว่าตนเองเป็นร่างกาย ในเวลานี้ลูกต้องคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ เช่นที่ลูกคือดวงวิญญาณ พ่อคือดวงวิญญาณด้วย อย่างไรก็ตามพ่อนั้นสูงสุด พ่อเป็นเพียงดวงวิญญาณ และดังนั้นพ่อจึงไม่ได้จดจำผู้มีร่างกายใดๆ ดาด้านี้คือผู้มีร่างกาย ในขณะที่พ่อนั้นคือผู้ที่ไม่มีตัวตน ประชาบิดาบราห์มานี้คือผู้มีตัวตน ชื่อที่แท้จริงของชีพบาบาคือชีวา ท่านเป็นเพียงดวงวิญญาณ เป็นเพียงว่าท่านนั้นสูงสุดเหนือสิ่งใด นั่นคือท่านคือดวงวิญญาณสูงสุด พ่อมาในเวลานี้เท่านั้นและเข้ามาในร่างนี้ ท่านไม่สามารถที่จะมีสำนึกที่เป็นร่างได้ มนุษย์ผู้ที่มีตัวตนเป็นผู้ที่มีสำนึกที่เป็นร่าง ท่านไม่มีตัวตนเสมอ ท่านต้องมาและดลใจลูกให้มีการฝึกฝนนี้ ท่านพูดว่า พิจารณาตนเองว่าเป็นดวงวิญญาณ นั่งและเรียนรู้บทเรียน: “ฉันคือดวงวิญญาณ ฉันคือดวงวิญญาณ” ฉัน ดวงวิญญาณคือลูกของชีพบาบา การฝึกฝนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกสิ่ง พ่อไม่ได้กำลังอธิบายสิ่งใดใหม่แก่ลูก เมื่อลูกคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณได้อย่างมั่นคง ลูกจะมีการจดจำระลึกถึงพ่อที่มั่นคงด้วย หากมีสำนึกที่เป็นร่างลูกก็จะไม่สามารถจดจำพ่อ ลูกมีความหยิ่งยโสของร่างกายเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของวงจร ในเวลานี้พ่อมาสอนลูกให้คิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ ไม่มีใครในยุคทองสอนให้ลูกคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ ได้มีการตั้งชื่อแก่ร่างกายเสมอ ไม่เช่นนั้นแล้วลูกจะเรียกกันและกันว่าอย่างไร? มรดกที่ลูกได้รับมาจากพ่อที่นี่ก็ได้รับมาอย่างเป็นผลรางวัลที่นั่น อย่างไรก็ตามลูกก็จะยังคงเรียกกันและกันด้วยชื่อของลูก กฤษณะเองก็เป็นชื่อของร่างกาย กิจกรรมนั้นก็ไม่สามารถดำเนินไปโดยที่ไม่มีชื่อได้ ไม่ใช่ว่าใครก็ตามที่นั่นจะพูดว่า คิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ ที่นั่นทุกคนจะคงอยู่อย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ลูกได้รับการดลใจให้มีการฝึกฝนนี้ในเวลานี้เพราะได้มีการสะสมบาปอย่างมากมาย บาปนั้นก็ค่อยๆ สะสมไว้ทีละน้อยๆ และเวลานี้ลูกได้กลายเป็นดวงวิญญาณบาปอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าลูกนั้นจะเคยทำสิ่งใดมาถึงครึ่งหนึ่งของวงจรก็ต้องจบสิ้นลงไปด้วยเช่นกัน ที่สิ่งนั้นจะลดลงไปทีละน้อย ในยุคทองนั้นลูกอยู่อย่างสโตประธาน ในยุคเงินลูกกลับมาสโต เป็นเวลานี้ที่ลูกได้รับมรดกของลูก เพียงด้วยการคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ และจดจำพ่อเท่านั้นที่ลูกได้รับมรดก เป็นในเวลานี้ที่พ่อได้ให้คำสอนแก่ลูกเพื่อที่จะกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ลูกไม่ได้รับคำสอนเหล่านี้ในยุคทอง แต่ละคนนั้นก็เฝ้าแต่ก้าวไปตามชื่อของเขาหรือเธอ ที่นี่ลูกแต่ละคนต้องกลับมาเป็นดวงวิญญาณบุญที่บริสุทธิ์จากดวงวิญญาณบาปด้วยพลังโยคะ ไม่มีความจำเป็นใดสำหรับความรู้นี้ในยุคทองและลูกไม่ได้นำคำสอนเหล่านี้ไปที่นั่น ลูกไม่ได้นำทั้งความรู้นี้และโยคะนี้ไปที่นั่น เป็นในเวลานี้เท่านั้นที่ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์จากเต็มไปด้วยบาป และแล้วองศาของลูกก็จะค่อยๆ ลดลง เช่นที่องศาของพระจันทร์ลดลงไปจนกระทั่งมีเพียงเส้นที่หลงเหลืออยู่ ดังนั้นอย่าได้อยู่อย่างสับสนเกี่ยวกับสิ่งนี้ หากลูกไม่เข้าใจบางสิ่งลูกสามารถถามได้ ก่อนอื่นใดจงมีศรัทธาที่มั่นคงว่าลูกคือดวงวิญญาณ ลูกๆ ดวงวิญญาณได้อยู่อย่างตโมประธานในเวลานี้ เริ่มแรกลูกเคยสโตประธาน และแล้วแต่ละวันที่ผ่านไปองศาของลูกก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อลูกไม่ได้ทำให้สิ่งนี้มั่นคงว่าลูกเป็นดวงวิญญาณ ลูกก็ลืมพ่อ นี่คือสิ่งแรกและสิ่งหลัก ด้วยการกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ลูกก็จะจดจำพ่อและมรดกของลูกด้วยเช่นกัน เมื่อลูกจดจำมรดกของลูกๆ ลูกจะอยู่อย่างบริสุทธิ์ และมีคุณธรรมที่สูงส่งด้วยเช่นกัน ลูกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูกอยู่เบื้องหน้าลูก นี่คือมหาวิทยาลัยของพระเจ้าที่ซึ่งพระเจ้ากำลังสอนลูก ท่านผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ลูกมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ไม่มีใครอื่นมีทักษะนี้ พ่อผู้เดียวสอนสิ่งนี้แก่ลูก ดาด้านี้กำลังทำความเพียรพยายามด้วยเช่นกัน พ่อไม่เคยใช้ร่างกายที่ท่านนั้นจะต้องทำความเพียรพยายามเพื่อจะกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ท่านเพียงแต่มาในเวลานี้เพื่อทำให้ลูกสำนึกเป็นดวงวิญญาณ มีคำพูดที่ว่าผู้ที่มีความรับผิดชอบบนศีรษะของเขาจะสามารถหลับอย่างสบายได้อย่างไร? เมื่อใครบางคนมีธุรกิจมากมายเกินไปฯลฯ เขานั้นก็ไม่ได้มีเวลาว่างใดๆ ผู้ที่มีเวลาว่างนั้นก็มาอยู่เบื้องหน้าบาบาเพื่อจะทำความเพียรพยายาม คนใหม่บางคนก็มาด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็รู้สึกว่าความรู้นี้ดีมาก คำพูดเหล่านี้ “จดจำฉัน พ่อของลูก และบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้อง” ได้มีการกล่าวไว้ในกีตะด้วย ดังนั้นพ่ออธิบายสิ่งนี้ ท่านไม่ได้ประณามใคร ท่านรู้ว่าลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์ และท่านต้องมาเพื่อทำให้ลูกบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์ นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีเรื่องของการประณามใครในสิ่งนี้ เวลานี้ลูกๆ เข้าใจความรู้นี้อย่างชัดเจนมาก ไม่มีใครอื่นรู้จักพระเจ้าเลย เหตุนี้เองพวกเขาจึงเรียกว่าเป็นลูกกำพร้าและเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า เวลานี้พ่อกำลังทำให้ลูกๆ รู้คิดอย่างมาก ในฐานะที่เป็นครูท่านก็กำลังสอนลูกว่าวงจรโลกนี้ดำเนินไปอย่างไร เมื่อลูกได้รับคำสอนเหล่านี้ลูกก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไข บารัตที่เคยเป็นวัดของชีวาได้กลายเป็นโรงค้าประเวณีในเวลานี้ ไม่มีเรื่องของการประณามในสิ่งนี้ นี่คือการละเล่นที่ซึ่งพ่ออธิบายแก่ลูก ท่านบอกลูกว่าลูกได้เปลี่ยนจากเทพเป็นปีศาจอย่างไร แต่ท่านก็ไม่ได้ถามลูกว่าเหตุใดลูกจึงกลายเป็นเช่นนั้น พ่อได้มาเพื่อให้คำแนะนำของท่านเองแก่ลูก ท่านก็ได้มาเพื่อให้ความรู้ว่าวงจรโลกนั้นหมุนไปอย่างไรแก่ลูกด้วยเช่นกัน เพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะรู้สิ่งนี้ เวลานี้ลูกรู้สิ่งนี้และกำลังจะกลายเป็นเทพ นี่คือการศึกษาที่เปลี่ยนจากมนุษย์ให้กลายเป็นเทพ และเพียงพ่อเท่านั้นที่นั่งที่นี่และสอนความรู้นั้น ที่นี่ทุกคนนั้นคือมนุษย์ เหล่าเทพไม่สามารถจะย่างเท้าลงไปในโลกนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะกลายเป็นครูและสอนลูก จงมองดูว่าพ่อผู้ที่สอนลูกได้มาที่นี่เพื่อสอนลูกอย่างไร ได้มีการจดจำกันว่าพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดได้นำพาหนะมาใช้ พวกเขาไม่ได้เขียนสิ่งนั้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่ได้อธิบายว่าท่านได้ใช้พาหนะใด ไม่มีใครที่แม้แต่จะเข้าใจนัยสำคัญของตรีมูรติ พ่อสูงสุดหมายถึงดวงวิญญาณสูงสุด ท่านได้ให้คำแนะนำของท่านเองว่าท่านคือใคร ไม่มีเรื่องของความหยิ่งยโสในสิ่งนี้ เนื่องจากการไม่เข้าใจสิ่งนี้ ผู้คนจึงได้พูดว่า “ท่านมีความหยิ่งยโส” บราห์มานี้ไม่ได้พูดว่าท่านคือพระเจ้า เป็นเพียงเรื่องของความเข้าใจว่าคำพูดเหล่านี้คือคำพูดที่สูงส่งของพ่อ พ่อของทุกๆ ดวงวิญญาณคือหนึ่งเดียว ผู้นี้เรียกว่าดาด้า ผู้นี้คือ “พาหนะที่โชคดี” ท่านได้ชื่อว่าบราห์มา เนื่องจากบราห์มินนั้นเป็นที่ต้องการ ประชาบิดาบราห์มาคืออดิเทพ ท่านคือพ่อของผู้คน พวกเขาคือผู้คนใด? ประชาบิดาบราห์มาคือผู้มีร่างกาย และดังนั้นท่านต้องนำทุกคนมาเลี้ยงดูใช่หรือไม่? ชีพบาบาอธิบายแก่ลูกๆ: พ่อไม่ได้นำใครมาเลี้ยงดู ลูกๆ ดวงวิญญาณทั้งหมดถึงอย่างไรก็เป็นลูกๆ ของพ่อเสมอ พ่อไม่ได้ทำให้ลูกเป็นลูกของพ่อ พ่อคือพ่อที่คงอยู่ตลอดไปของลูกๆ ดวงวิญญาณ พ่ออธิบายอย่างกระจ่างชัดมาก แต่กระนั้นก็ตามท่านก็พูดว่าคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณ ลูกละทิ้งทั้งโลกเก่า ลูกรู้ในสติปัญญาของลูกว่าทุกคนนั้นจะกลับบ้านจากโลกนี้ ไม่ใช่ว่าลูกต้องมีการสละละทิ้งและไปอยู่ในป่า เราจะละทิ้งทั้งโลกและไปสู่บ้านของเรา เหตุนี้เองจึงไม่มีสิ่งใดนอกจากพ่อผู้เดียวควรจะได้รับการจดจำ เมื่อใครบางคนไปถึงอายุ 60 เขาก็ต้องทำความเพียรพยายามเพื่อไปอยู่เหนือเสียง นั่นคือเพื่อไปสู่สภาพของการปลดเกษียณ เรื่องของการเข้าไปสู่สภาพของการปลดเกษียณนี้ อ้างอิงถึงเวลานี้ ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาไม่มีใครรู้ถึงสภาพของการปลดเกษียณ พวกเขาไม่สามารถอธิบายความหมายของ “สภาพการปลดเกษียณ” “การอยู่เหนือเสียง” ก็อ้างอิงถึงโลกที่ไม่มีตัวตน ดวงวิญญาณทั้งหมดอาศัยอยู่ที่นั่นและดังนั้นจึงเป็นสภาพของการปลดเกษียณของทุกคน ทุกคนต้องกลับบ้าน ในคัมภีร์ พวกเขาได้แสดงว่าดวงวิญญาณคือดวงดาวที่เปล่งประกายที่กึ่งกลางหน้าผาก บ้างก็คิดว่าดวงวิญญาณนั้นมีรูปเหมือนนิ้วหัวแม่มือและพวกเขาก็จดจำรูปนิ้วหัวแม่มือ พวกเขาจะสามารถจดจำและกราบไหว้บูชาดวงดาวได้อย่างไร? ดังนั้นพ่ออธิบาย เมื่อลูกได้กลับมามีสำนึกที่เป็นร่าง ลูกก็กลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา เมื่อเวลาของความเลื่อมใสศรัทธาได้เริ่มขึ้นนั้นก็เรียกว่าลัทธิของความเลื่อมใสศรัทธา ลัทธิของความรู้นั้นแยกห่างไป ความรู้และความเลื่อมใสศรัทธา ทั้งสองนั้นไม่สามารถอยู่ในเวลาเดียวกัน เช่นที่กลางวันและกลางคืนไม่สามารถจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน กลางวันนั้นก็หมายถึงความสุข และกลางคืนนั้นก็หมายถึงความทุกข์นั่นคือความเลื่อมใสศรัทธา มีคำกล่าวว่า กลางวันและกลางคืนของประชาบิดาบราห์มา ดังนั้นผู้คนและบราห์มานั้นเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ ลูกๆ บราห์มินเข้าใจว่าลูกมีประสบการณ์ของความสุขเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของวงจร และแล้วก็มีความทุกข์เป็นเวลาครึ่งหนึ่งของวงจร นี่คือบางสิ่งที่จะต้องเข้าใจด้วยสติปัญญาของลูก ลูกรู้ด้วยเช่นกันว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถจดจำพ่อ กระนั้นก็ตามพ่อนั้นก็อธิบายแก่ลูกอย่างต่อเนื่องว่า คิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ และลูกจะกลับมาบริสุทธิ์ สาสน์นี้ต้องไปถึงทุกคน ลูกต้องทำงานรับใช้ ผู้ที่ไม่ทำงานรับใช้ไม่ใช่ดอกไม้ เมื่อผู้เป็นนายของสวนไปที่สวน, ท่านก็ต้องการที่จะเห็นแต่ดอกไม้ผู้ที่มีค่าต่องานรับใช้และผู้ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้คนมากมายเท่านั้นอยู่เบื้องหน้าท่าน ผู้ที่มีสำนึกที่เป็นร่างสามารถจะเข้าใจได้ด้วยตนเองว่าพวกเขาไม่ใช่ดอกไม้ ดอกไม้ที่ดีมากกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าบาบา ดังนั้นสายตาของพ่อจึงจับจ้องไปยังพวกเขา และแล้วก็ได้มีการแสดงการร่ายรำ(ของความรู้)ที่ดีมาก(ตัวอย่างของเด็กหญิงเต้นรำ) ในโรงเรียนด้วย, ครูทั้งหลายก็รู้ว่าใครจะได้รับอันดับหนึ่ง สอง และสาม ความใส่ใจของพ่อนั้นก็ถูกดูดดึงไปหาผู้ที่ทำงานรับใช้ด้วยเช่นกัน พวกเขาคือผู้ที่ไต่หัวใจของพ่อ ผู้ที่ทำลายงานรับใช้ไม่สามารถจะไต่บันไดหัวใจของพ่อ สิ่งแรกและสิ่งหลักที่พ่ออธิบายก็คือ: จงมีศรัทธาว่าลูกคือดวงวิญญาณ, เพียงเท่านั้นเองที่จะมีการจดจำระลึกถึงพ่อ หากมีสำนึกที่เป็นร่าง,ลูกจะไม่สามารถมีการจดจำระลึกถึงพ่อได้ และแล้วสติปัญญาของลูกก็จะถูกดูดดึงเข้าไปญาติมิตรทางโลกหรือธุรกิจของลูก เมื่อลูกมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ, ลูกก็จดจำพ่อเหนือโลก ลูกควรจะจดจำพ่อด้วยความรักอย่างมาก ต้องการความเพียรพยายามที่จะคิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ ลูกจำเป็นต้องมีสันโดษเพราะหลักสูตรของการอยู่ในเตาเผาเป็นเวลา 7 วันนั้นยากมาก ไม่ควรจะมีการจดจำใคร ลูกไม่สามารถแม้กระทั่งเขียนจดหมายถึงใคร สิ่งนี้เคยเป็นบัทตีของลูกในตอนเริ่มแรก ไม่ทุกคนที่สามารถอยู่ที่นี่ได้ เหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวว่า ฝึกฝนสิ่งนี้ขณะที่อยู่ที่บ้าน ผู้เลื่อมใสศรัทธาเองก็มีช่องว่างที่แยกจากกันเพื่อที่จะทำกราบไหว้บูชาฯลฯ พวกเขานั่งในที่นั้นและหมุนลูกประคำ ดังนั้นจำเป็นต้องอาศัยสันโดษในการจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงนี้ด้วย ลูกต้องจดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น ไม่มีเรื่องของการใช้คำพูดในสิ่งนี้ ลูกจำเป็นต้องมีเวลาที่จะฝึกฝนการจดจำระลึกถึงนี้ ลูกรู้ว่าพ่อทางร่างคือผู้สร้างที่มีขีดจำกัด ในขณะที่ผู้เดียวนี้คือผู้สร้างที่ไม่มีขีดจำกัด ประชาบิดาบราห์มานั้นก็ไม่มีขีดจำกัดด้วยเช่นกัน ท่านนำลูกมาเลี้ยงดู ชีพบาบาไม่ได้นำใครมาเลี้ยงดู ลูกนั้นคือลูกๆ ของท่านเสมอ ลูกๆ ดวงวิญญาณพูดว่า ลูกคือลูกๆ ที่คงอยู่ตลอดไปของชีพบาบา บราห์มาได้นำลูกมาเลี้ยงดู แต่ละประเด็นต้องเข้าใจอย่างดีมาก พ่ออธิบายแก่ลูกๆ ทุกวัน ลูกพูดว่า บาบา, พวกเราไม่สามารถจดจำท่านได้ พ่อพูดว่า ลูกต้องหาเวลาสำหรับสิ่งนี้ บ้างก็เป็นเช่นที่ว่าพวกเขาไม่สามารถจะให้เวลาได้เลย พวกเขามีงานมากมายในสติปัญญาของตน ดังนั้นพวกเขาจะสามารถอยู่ในการจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงได้อย่างไร? พ่ออธิบายว่า สิ่งหลักคือการคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ แล้วลูกจะกลับมาบริสุทธิ์ “ฉันคือดวงวิญญาณ, ลูกของชีพบาบา” นี่คือมานมานะบาฟใช่หรือไม่? สิ่งนี้อาศัยความเพียรพยายาม ไม่มีเรื่องของการได้รับพรฯลฯ ไม่เลย นี่คือการศึกษาเล่าเรียน ไม่สามารถจะมีพรหรือความเมตตาในสิ่งนี้ พ่อนั้นเคยวางมือของพ่อไว้เหนือลูกหรือไม่? ลูกรู้ว่าลูกกำลังได้รับมรดกของลูกจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด ทุกสิ่งนั้นรวมอยู่ในพร “ขอให้ลูกเป็นอมตะ!” “ขอให้ลูกมีชีวิตที่ยืนยาว!” ลูกจะมีชีวิตที่เต็มอายุ ที่นั่นจะไม่มีความตายก่อนเวลาอันควรใดๆ ไม่มีผู้รู้หรือผู้เคร่งศาสนาใดๆ จะสามารถให้มรดกนี้แก่ลูก พวกเขาพูดว่า ขอให้ลูกมีบุตรชาย! ดังนั้นผู้คนจึงคิดว่าพวกเขานั้นมีบุตรชายเนื่องจากพรนั้น ใครก็ตามที่ไม่มีบุตรชายก็จะไปและกลายเป็นสาวกของเขา ความรู้นี้ได้รับมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นี่คือความรู้ที่ไม่มีสิ่งใดเจือปนและผลรางวัลของความรู้นั้นก็คงอยู่เป็นเวลาครึ่งวงจร และแล้วก็มีความไม่รู้ ความเลื่อมใสศรัทธานั้นกล่าวได้ว่าเป็นความไม่รู้ ได้มีการอธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจนมาก อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. เวลานี้เป็นสภาพของการปลดเกษียณของลูก ดังนั้น ละทิ้งทุกสิ่งจากสติปัญญาของลูก และอยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่อผู้เดียว นั่งอย่างสันโดษและฝึกฝน: ฉันเป็นดวงวิญญาณ, ฉันเป็นดวงวิญญาณ

2. กลายเป็นดอกไม้ที่ทำงานรับใช้ อย่าได้มีการกระทำเช่นนั้นที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่องานรับใช้อันเนื่องจากอิทธิพลของจิตสำนึกที่เป็นร่าง กลายเป็นเครื่องมือที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้คนมากมาย จงหาเวลาสำหรับการจดจำระลึกถึงอย่างแน่นอน

พร:
ขอให้ลูกเป็นอิสระจากความพยายามที่จะทำให้ชีวิตของลูกเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการทำให้พรของบริสุทธิ์เป็นซันสการ์ดั้งเดิมของลูก

ลูกบางคนพบว่ามันเป็นความพยายามที่จะรักษาความบริสุทธิ์ และนี่เป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้ประกาศสิทธิ์จากพ่อผู้ประทานพร และพรของชาติเกิดของพวกเขา ความพยายามไม่เกี่ยวข้องกับพร ดวงวิญญาณบราห์มินทุกคนได้รับพรแรก “ขอให้ลูกบริสุทธิ์และเป็นโยคี” เช่นที่ซันสการ์มีความแข็งแกร่งมากตั้งแต่เกิด ดังนั้นความบริสุทธิ์ก็เช่นกันเป็นซันสการ์แรกของชาติเกิดบราห์มิน เป็นซันสการ์ดั้งเดิมของลูก ด้วยสำนึกรู้นี้ จงสร้างชีวิตที่บริสุทธิ์ เป็นอิสระจากความพยายาม

คติพจน์:
ผู้ดูแลผลประโยชน์คือผู้ที่มีความปรารถนาดีต่องานรับใช้