13.01.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
10.04.84 Om Shanti Madhuban
พื้นฐานของชีวิตบราห์มินคือความรักของพระเจ้า
วันนี้บัพดาดากำลังมองดูดวงวิญญาณโยคีที่ให้ความร่วมมือและน่ารักของท่าน
ลูกทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณโยคี กล่าวได้ว่านี่เป็นชุมนุมของโยคี
ลูกทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ คือดวงวิญญาณโยคี
นั่นคือดวงวิญญาณซึ่งเป็นที่รักของพระเจ้า
ผู้ที่เป็นที่รักของพระเจ้าเป็นที่รักของโลก ลูกทุกคนมีความซาบซึ้งทางจิต
ความภาคภูมิใจทางจิต
และความเคารพตนเองทางจิตอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ที่ลูกได้รับความรักจากดวงวิญญาณสูงสุด
ที่ลูกเป็นผู้เป็นที่รักของพระเจ้าและผู้ที่กลายเป็นที่รักของโลกด้วยเช่นกัน
พวกเขาต้องการแค่ได้รับการเหลือบมองเพียงแวบเดียวหรือดริชตีของหนึ่งวินาทีหรือแม้แต่ครึ่งวินาที
นี่คือสิ่งที่ผู้เลื่อมใสศรัทธากระหายและพวกเขาพิจารณาว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตามลูกกลับมามีค่าสำหรับความรักของพระเจ้า ลูกเป็นที่รักของพระเจ้า
นี่คือความโชคดีอย่างยิ่ง!
ทุกวันนี้แต่ละดวงวิญญาณต้องการอะไรตั้งแต่วัยเด็กจนถึงตาย
แม้กระทั่งเด็กที่ไม่เข้าใจสิ่งใดก็ต้องการความรักในชีวิตของเขา
พวกเขาต้องการเงินภายหลัง แต่พวกเขาต้องการความรักก่อน
หากพวกเขาไม่มีความรักพวกเขาจะสัมผัสว่าชีวิตของพวกเขาเป็นชีวิตที่สิ้นหวัง
ชีวิตที่ปราศจากความหวานชื่น
อย่างไรก็ตามลูกดวงวิญญาณทั้งหมดได้รับความรักจากพระเจ้า ลูกเป็นที่รักของพระเจ้า
มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกไหม หากมีความรัก ก็มีโลก, มีชีวิต หากไม่มีความรัก
ก็ไม่มีชีวิต ไม่มีโลก เมื่อลูกได้รับความรัก ลูกได้รับโลก
ลูกได้สัมผัสว่าความรักนี้เป็นโชคที่สูงส่งหรือไม่ โลกมีความกระหายต่อสิ่งนี้
พวกเขากระหายเพียงหนึ่งหยดของความรัก และลูก ๆ
ได้รับความรักจากพระเจ้าอย่างเป็นสมบัติของลูก
ลูกได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยความรักจากพระเจ้า
นั่นคือลูกกำลังก้าวไปข้างหน้าในชีวิตบราห์มิน ลูกสัมผัสสิ่งนี้หรือไม่
ลูกอยู่อย่างหลอมรวมในมหาสมุทรแห่งความรักหรือไม่
หรือลูกเพียงแค่ฟังหรือรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้
นั่นคือลูกเพียงแค่ยืนบนฝั่งและคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้และสังเกตการณ์ต่อไปเรื่อยๆหรือไม่
เพียงแค่ได้ยินหรือรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้หมายถึงการยืนบนฝั่ง
การยอมรับและหลอมรวมหมายถึงการหลอมรวมในมหาสมุทรแห่งความรัก
หากหลังจากที่ลูกเป็นที่รักของพระเจ้า
ลูกไม่ได้สัมผัสกับการหลอมรวมในมหาสมุทรและดูดซับในมหาสมุทรแล้วลูกก็ไม่ใช่ผู้ที่ได้มาซึ่งบางสิ่งหลังจากที่เป็นของพระเจ้า
แต่เป็นผู้ที่อยู่อย่างกระหาย อยู่อย่างกระหายแม้กระทั่งหลังจากที่เข้ามาใกล้
ลูกจะพูดอะไรกับสิ่งนั้น ลองคิดดูว่าใครที่ทำให้ลูกเป็นของท่าน!
ลูกเป็นที่รักของใคร ลูกได้รับการหล่อเลี้ยงจากใคร แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เนื่องจากการหลอมรวมอยู่ในความรักอย่างสม่ำเสมอ
ลูกจึงไม่สามารถได้รับอิทธิพลจากปัญหาหรือความปั่นป่วนใด ๆ
ลูกจะสัมผัสได้ว่าตนเองเป็นผู้ทำลายอุปสรรค เป็นตัวของการแก้ไขปัญหาทั้งหมด
และเป็นผู้มีชัยชนะต่อมายา
ลูก ๆ บางคนบอกว่าลูกไม่สามารถจดจำสิ่งต่างๆของความรู้ที่ลึกล้ำได้
อย่างไรก็ตามจดจำสิ่งหนึ่ง นั่นคือ
ลูกเป็นที่รักของพระเจ้าและลูกมีสิทธิ์ในความรักของพระเจ้า
ด้วยสำนึกรู้เดียวนี้ลูกจะกลับมามีพลังอย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นสิ่งที่ง่ายดายใช่ไหม
หากลูกลืมแม้กระทั่งสิ่งนี้แล้วลูกก็จะติดกับอยู่ในเขาวงกต
เพียงแค่สิ่งเดียวนี้ที่จะทำให้ลูกมีสิทธิ์ที่จะได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด
ดังนั้นจงจดจำและมีประสบการณ์อยู่เสมอของการเป็นที่รักของพระเจ้าและเป็นที่รักของทุกคน
ลูกเข้าใจไหม สิ่งนี้ง่ายดายใช่ไหม อัจชะ เวลานี้ลูกได้ยินมามากแล้ว
เวลานี้จงนำสิ่งต่างๆเหล่านี้มาใช้ การยอมรับคือการกลับมาทัดเทียม ลูกเข้าใจไหม
ถึงลูกทุกคนที่มีค่าต่อความรักของพระเจ้า
ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งทั้งหมดที่หลอมรวมอยู่ในความรัก
ถึงลูกทุกคนที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการหล่อเลี้ยงของความรัก
ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งที่มีความภาคภูมิใจทางจิต บัพดาดา รัก ระลึกถึง และนมัสเต
อะแวคบัพดาดาพบกลุ่ม:
ลูกทุกคนเป็นดวงวิญญาณโยคีที่ง่ายดายใช่ไหม?
การจดจำระลึกถึงความสัมพันธ์ทั้งหมดทำให้ลูกเป็นโยคีที่ง่ายดาย
เมื่อลูกมีความสัมพันธ์ทุกสิ่งก็ง่ายดาย สำนึกรู้ของการเป็นดวงวิญญาณโยคีที่ง่ายดาย
จะจบสิ้นปัญหาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เพราะการเป็นโยคีที่ง่ายดายหมายถึงการได้สัมผัสกับการเป็นมิตรร่วมทางของพ่ออย่างสม่ำเสมอ
เมื่อลูกมีพ่อผู้ทรงพลังอำนาจเป็นมิตรร่วมทางของลูก เมื่อลูกมีทุกพลังอยู่กับลูก
ปัญหาจะเปลี่ยนไปในรูปของการแก้ปัญหา
เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาให้ทิ้งปัญหานั้นไว้กับพ่อและอย่าไปยุ่งกับปัญหานั้น!
ด้วยสิทธิ์ของความสัมพันธ์ของลูกเช่นนั้นปัญหาก็จบลง ฉันจะทำอย่างไร ไม่เลย!
พ่อรู้เกี่ยวกับปัญหา ฉันละวางและเป็นที่รักของพระเจ้า
แล้วภาระทั้งหมดนั้นก็เป็นของพ่อและลูกก็จะกลับมาเบาสบาย
เมื่อลูกเองเบาสบายทุกสิ่งก็จะเบาสบายด้วยเช่นกัน
เมื่อมีความคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นแม้แต่น้อยที่สุด
ลูกจะกลับมาหนักหน่วงและสิ่งต่างๆก็กลับมาหนักหน่วงด้วยเช่นกัน ดังนั้นจงคิดว่า “ฉันเบาสบายและฉันละวาง”
แล้วทุกสิ่งก็จะเบาสบายด้วยเช่นกัน นี่คือวิธีการ ลูกจะได้รับความสำเร็จด้วยวิธีนี้
แม้ว่าจะมีการสะสางบัญชีกรรมในอดีตแล้วก็ตาม
แต่ลูกจะไม่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นภาระ
หากลูกสังเกตทุกสิ่งในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
สิ่งนี้ก็เหมือนกับว่าอดีตกำลังจะสิ้นสุดลงและลูกกำลังมองเห็นทุกสิ่งในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางด้วยพลังในปัจจุบัน
ลูกกำลังสะสมและสะสางด้วยเช่นกัน ด้วยพลังของการสะสม ลูกจะไม่มีภาระในการสะสาง
ดังนั้นจงจดจำเวลาในปัจจุบันเสมอ เมื่อด้านหนึ่งหนัก
อีกด้านหนึ่งก็จะเบาโดยอัตโนมัติ ดังนั้นหากปัจจุบันหนักแล้วอดีตก็จะเบาใช่หรือไม่?
จงรักษาการบรรลุผลในปัจจุบันไว้ในสำนึกรู้ของลูกเสมอและทุกจะกลับมาเบา
วิธีที่จะทำให้บัญชีที่ผ่านมาในอดีตเบาคือการทำให้ปัจจุบันมีพลัง
ยังไงก็ตามปัจจุบันต้องมีพลัง
รักษาการบรรลุผลของปัจจุบันไว้เบื้องหน้าลูกและทุกสิ่งจะกลับมาง่ายดาย
อดีตจะเปลี่ยนจากไม้กางเขนเป็นหนาม จะไม่มีคำถามว่า นี่คืออะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
ไม่เลย มันเป็นอดีตไปแล้ว ทำไมลูกจึงมองดูอดีต ที่ใดมีความรัก
อุปสรรคก็ดูเหมือนจะไม่หนัก พวกเขาดูเหมือนเป็นเกม
ชำระสะสางบัญชีกรรมทั้งหมดของลูกด้วยพรแห่งความสุขในปัจจุบันและด้วยยา
บัพดาดาพบครู:
ลูกคือผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอในทุกย่างก้าวใช่หรือไม่?
ลูกเป็นดวงวิญญาณที่มีประสบการณ์ใช่ไหม? ประสบการณ์คืออำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ผู้ที่มีอำนาจของประสบการณ์จะประสบความสำเร็จในทุกย่างก้าวและทุกงาน
การได้รับโอกาสเป็นเครื่องมือในงานรับใช้เป็นสิ่งชี้บอกถึงคุณสมบัติพิเศษด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าลูกจะได้รับโอกาสใดก็ตามจงเฝ้าแต่ก้าวหน้าต่อไปกับสิ่งเหล่านั้น
ลูกเป็นเครื่องมือที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอและทำให้ผู้อื่นก้าวหน้าไปด้วยเช่นกัน
จิตสำนึกของการเป็นเครื่องมือทำให้ลูกประสบความสำเร็จ
รักษาคุณสมบัติพิเศษของการเป็นเครื่องมือที่ถ่อมตนไว้กับลูกเสมอ
คุณสมบัติพิเศษนี้จะทำให้ลูกพิเศษเสมอ
บทบาทของการเป็นเครื่องมือจะให้ลิฟต์กับลูกด้วยเช่นกัน
การเป็นเครื่องมือสำหรับผู้อื่นหมายถึงการทำให้ตนเองสมบูรณ์พร้อม
เฝ้าแต่ประสบความสำเร็จต่อไปด้วยความมุ่งมั่น รับประกันความสำเร็จไว้แล้ว
เมื่อลูกมีความมุ่งมั่นนี้ ความสำเร็จจะนำลูกไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ
ลูกได้รับโอกาสทองตั้งแต่นาทีที่ลูกเกิดและดังนั้นลูกจึงกลายเป็นผู้ที่ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใช่หรือไม่?
ลูกมาพร้อมกับโชคของการเป็นผู้รับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก ลูกได้มาเพื่อปลุกโชคของลูก
ลูกได้กลายเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างโชคที่สูงส่งของดวงวิญญาณมากมาย
ดังนั้นจดจำไว้เสมอ ว้า เส้นที่สูงส่งของโชคที่สูงส่งของฉัน ลูกได้พบพ่อแล้ว
ลูกได้รับงานรับใช้ ลูกได้รับสถานที่ของงานรับใช้
และพร้อมกับงานรับใช้ลูกได้พบครอบครัวที่สูงส่งของดวงวิญญาณที่สูงส่ง
มีอะไรที่ลูกไม่ได้รับหรือไม่ ลูกได้รับโชคของอาณาจักร ลูกได้รับทุกสิ่ง
มีความสุขนี้เสมอ จงเฝ้าแต่ก้าวหน้าต่อไปโดยใช้วิธีที่ถูกต้อง
ด้วยวิธีของการเป็นเครื่องมือของลูกงานรับใช้จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ
บัพดาดาพบกุมาร:
การได้รับความปลอดภัยในชีวิตชีวิตกุมารนั้นเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ลูกได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยจากความซับซ้อนมากมาย
“กุมาร” หมายถึงดวงวิญญาณที่ปราศจากบ่วงพันธะ
ชีวิตกุมารคือชีวิตที่เป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
อย่างไรก็ตามการอยู่อย่างอิสระในชีวิตกุมมารหมายถึงการรับภาระ
การกำหนดของบัพดาดาสำหรับกุมารคือการทำงานรับใช้ทางจิตในขณะที่อาศัยอยู่กับครอบครัวทางโลก
งานรับใช้ทางโลกเป็นวิธีที่จะสร้างช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้คนที่มาติดต่อ
จงอยู่อย่างไม่ว่างเว้นในสิ่งนี้และลูกจะสามารถทำงานรับใช้ทางจิตได้
ในขณะที่อยู่กับครอบครัวของลูกให้ทำงานรับใช้ทางจิตและสติปัญญาของลูกจะไม่หนักหน่วง
ทำงานรับใช้โดยการแบ่งปันประสบการณ์ของลูกกับทุกคน
ทำงานรับใช้ทางโลกในขณะที่พิจารณาว่าเป็นวิธีการของงานรับใช้
และสิ่งอำนวยความสะดวกทางโลกเหล่านั้นจะให้โอกาสมากมายสำหรับงานรับใช้แก่ลูก
เป้าหมายของลูกคือการทำงานรับใช้ของพระเจ้าและเหล่านั้นคือวิธีการ
ทำสิ่งนี้ด้วยความเข้าใจนี้ “กุมาร”หมายถึงผู้ที่มีความกล้าหาญ
ลูกสามารถทำสิ่งใดก็ตามที่ลูกต้องการ
เหตุนี้เองบัพดาดาจึงแนะนำลูกอยู่เสมอเพื่อที่ให้ประสบความสำเร็จด้วยการใช้วิธีที่ถูกต้อง
“กุมาร”หมายถึงโยคีที่สม่ำเสมอ เพราะโลกของกุมารคือพ่อผู้เดียว
เมื่อพ่อคือทั้งโลกของลูก แล้วสติปัญญาของลูกจะไปที่ไหนนอกจากโลก
ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างคือผู้เดียว ก็จะมีการจดจำระลึกถึงแต่ผู้เดียว
สิ่งนี้ง่ายดายมากที่จะจดจำผู้เดียว ลูกเป็นอิสระจากสิ่งต่างๆรวมทั้งผู้คนมากมาย
ทุกสิ่งหลอมรวมในผู้เดียว จงรับใช้อย่างสม่ำเสมอด้วยการกระทำของลูก ในดริชตีของลูก
และคำพูดของลูก ไม่มีสิ่งใดนอกจากการรับใช้
มีความกระตือรือร้นที่จะเปิดเผยผู้ที่ลูกรัก
ให้พ่อและงานรับใช้คงอยู่กับลูกในทุกย่างก้าว อัจชะ
วิธีที่จะสัมผัสกับสภาพที่เหนือบ่วงกรรมและสภาพที่ปราศจากร่าง
1) เป็นอิสระจากจิตสำนึกของ “ของฉัน, ของฉัน” ที่มีขีดจำกัดใดๆ
2)
เป็นอิสระจากความตั้งใจที่เห็นแก่ตัวในการกระทำและความสัมพันธ์ทั้งทางโลกและทางจิต
3) เป็นอิสระจากบัญชีกรรมของการกระทำในชาติเกิดที่ผ่านมาในอดีตของลูก
และจากการได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติและซันสการ์ที่ไร้ประโยชน์ใด ๆ
อันเนื่องจากความอ่อนแอของความเพียรพยายามในปัจจุบันของลูก
4) หากมีสถานการณ์ที่เลวร้ายในงานรับใช้ใดๆ
ชุมนุมหรือวัตถุธาตุทำให้สภาพดั้งเดิมของลูกหรือสภาพที่สูงส่งของลูกสั่นคลอนแล้วนั่นไม่ใช่สภาพของการเป็นอิสระจากบ่วงกรรม
จงกลับมาเป็นอิสระแม้กระทั่งจากบ่วงกรรมนี้
5)
อย่าให้ความเจ็บป่วยประเภทใดๆของร่างเก่าสุดท้ายของลูกในโลกเก่านี้ทำให้สภาพที่สูงส่งของลูกขึ้นลง
จงเป็นอิสระแม้กระทั่งจากสิ่งนี้
สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้สำหรับความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นมา แต่สำหรับสภาพของลูกที่ขึ้นลง
นั่นเป็นสิ่งชี้บอกของการติดกับอยู่ในบ่วง จงมีความคิดเกี่ยวกับตนเอง
ความคิดของความรู้ และเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดี
จงเป็นอิสระจากการมีความคิดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของร่างกาย
สิ่งนี้เรียกว่าสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
เป็นคาร์มาโยคีและละวางจากบ่วงกรรมใด ๆอย่างสม่ำเสมอ และมีความรักต่อพ่อเสมอ
นี่คือสภาพที่เหนือบ่วงกรรมและสภาพที่ปราศจากร่าง
การที่จะมีสภาพที่เหนือบ่วงกรรมนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่เหนือการกระทำ
ไม่ได้อยู่เหนือการกระทำ แต่มีการละวางจากการติดกับอยู่ในบ่วงของการกระทำ
ไม่ว่างานนั้นจะใหญ่โตเพียงใด อย่าให้มีความรู้สึกว่าลูกกำลังทำงานนั้น
แต่เป็นเหมือนราวกับว่าลูกกำลังเล่นเกม ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ที่เลวร้ายใดๆเกิดขึ้น
ไม่ว่าอาจจะมีดวงวิญญาณมาอยู่เบื้องหน้าลูกเพื่อชำระสะสางบัญชีกรรม
แม้กระทั่งความทุกข์ทรมานของกรรมผ่านร่างกาย
ที่มาอยู่เบื้องหน้าลูกอย่างต่อเนื่องก็ตาม
จงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความปรารถนาที่มีขีดจำกัดใดๆ เพราะนี่คือสภาพที่ปราศจากร่าง
ในขณะที่ลูกมีร่างกายนั้นและกำลังเล่นบทบาทของลูกในสนามของการกระทำด้วยอวัยวะประสาทสัมผัสของลูก
ลูกจะไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีการกระทำแม้กระทั่งหนึ่งวินาที
อย่างไรก็ตามการอยู่เหนือบ่วงกรรมในขณะที่มีการกระทำคือสภาพของที่เหนือบ่วงกรรมและปราศจากร่าง
ดังนั้นเข้ามาในความสัมพันธ์ของกรรมโดยผ่านประสาทสัมผัส
แต่อย่าได้ผูกติดอยู่กับบ่วงกรรม ใดๆ
อย่าได้รับอิทธิพลจากความปรารถนาใดๆสำหรับผลของการกระทำที่สูญสลายบางอย่าง “สภาพที่เหนือบ่วงกรรม”
หมายถึงไม่ได้รับอิทธิพลจากกรรม แต่มีความเป็นนาย เป็นผู้มีอำนาจ
และมีความสัมพันธ์กับประสาทสัมผัส และทำให้ประสาทสัมผัสของลูกมีการกระทำ
ในขณะที่ลูกอยู่อย่างละวางจากความปรารถนาในช่วงเวลาสั้นๆ ลูกดวงวิญญาณ ผู้เป็นนาย
ต้องไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำ แต่ในฐานะผู้มีอำนาจ จงมีการกระทำต่อไป
ทำให้การกระทำดำเนินไปในฐานะเป็นผู้ที่แสดงการกระทำ
สิ่งนี้เป็นที่รู้จักกันว่าการมีความสัมพันธ์ของกรรม
ดวงวิญญาณที่เหนือบ่วงกรรมจะมีความสัมพันธ์ ไม่ใช่บ่วง
“สภาพที่เหนือบ่วงกรรม” หมายถึงการอยู่เหนือ นั่นคือ ละวางจากร่างกาย
ความสัมพันธ์ทางร่างกาย
ทรัพย์สมบัติที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทั้งทางโลกและทางจิตและบ่วง แม้ว่าคำว่า“ความสัมพันธ์”จะถูกนำมาใช้
แต่หากมีการพึ่งพิงใดๆที่เกี่ยวกับร่างกายหรือความสัมพันธ์ทางร่างกายแล้วสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นบ่วง
ในสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
เนื่องจากการล่วงรู้ถึงความลับของความสัมพันธ์ของกรรมและบ่วงกรรม
ลูกจึงอยู่อย่างมีความสุขอยู่เสมอในทุกสถานการณ์
ลูกจะไม่มีวันขุ่นมัวหรืออารมณ์ไม่ดี
ดวงวิญญาณเช่นนั้นจะเป็นอิสระจากบ่วงของบัญชีกรรมใด ๆ ของชาติเกิดในอดีตของเขา
แม้ว่าจะเป็นผลที่มาจากบัญชีกรรมของชาติเกิดในอดีตที่ร่างกายมีความเจ็บป่วยบางอย่างหรือแม้กระทั่งจิตใจอยู่ในความขัดแย้งกับซันสการ์ของดวงวิญญาณอื่น
ดวงวิญญาณที่เหนือบ่วงกรรมจะไม่ได้รับอิทธิพลจากความทุกข์ทรมานของกรรม
แต่จะเป็นนายและสามารถทำให้บัญชีได้รับการสะสาง
การเป็นคาร์มาโยคีและการสะสางความทุกข์ทรมานของกรรมเป็นสิ่งชี้บอกของการกลับมาอยู่เหนือบ่วงกรรม
ด้วยโยคะด้วยรอยยิ้มเขาจะเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมจากการเป็นเหมือนการถูกตรึงด้วยกางเขนให้เป็นเช่นหนามตำ
และทำลายสิ่งนั้น นั่นคือเขาจะจบสิ้นความทุกข์ทรมานของกรรม
การสามารถที่จะเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมด้วยสภาพคาร์มาโยคะของลูกคือสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรม
ความคิดที่ไร้ประโยชน์คือเชือกที่ละเอียดอ่อนของบ่วงกรรมบางอย่าง
ดวงวิญญาณที่เหนือบ่วงกรรมจะสัมผัสกับความดีแม้กระทั่งในบางสิ่งที่ไม่ดี
ดวงวิญญาณเช่นนั้นจะพูดว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดี ฉันดี พ่อดี
และละครก็ดี ความคิดนี้ทำงานเหมือนกรรไกรที่ตัดบ่วง
เมื่อบ่วงถูกตัดลูกจะกลับมาอยู่ในสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
เพื่อที่จะสัมผัสกับสภาพที่ปราศจากร่าง
จงเป็นอิสระจากความรู้ในเรื่องของความปรารถนา
ดวงวิญญาณเช่นนั้นที่เป็นอิสระจากความปรารถนาที่มีขีดจำกัดใดๆ จะเป็นคัมเดนุ
ที่ทัดเทียมกับพ่อ ผู้ที่เติมเต็มความปรารถนาของทุกคน
เช่นเดียวกับที่คลังสมบัติทั้งหมดของพ่อเต็มเปี่ยมไปด้วยสมบัติที่มีค่าอยู่เสมอ
และไม่มีการกล่าวถึงการบรรลุผลใด ๆที่ขาดหายไป
ในทำนองเดียวกันจงเต็มไปด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมดเช่นเดียวกับพ่อ
ในขณะที่เล่นบทบาทของลูกในวงจรโลก
การอยู่อย่างเป็นอิสระจากการควงหมุนของความทุกข์มากมายคือสภาพของการหลุดพ้นในชีวิต
เพื่อที่จะสัมผัสกับสภาพเช่นนี้ จงเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งหมด
ผู้เป็นนายที่ทำให้ทุกอภัยวะประสาทสัมผัสของลูกมีการกระทำ
และทันทีที่การกระทำเสร็จสิ้นจงกลับมาละวาง นี่คือการฝึกฝนของสภาพที่ปราศจากร่าง
รูปดั้งเดิมและคงอยู่ตลอดไปของดวววิญญาณคือความเป็นอิสระ ดวงวิญญาณคือราชา
ผู้เป็นนาย อย่าให้จิตใจมีบ่วงใดๆ หากมีบ่วงของจิตใจใด ๆ
แล้วบ่วงเดียวนี้จะนำมาซึ่งบ่วงพันธะอื่นๆมามากมาย
ดังนั้นกลายเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองตนเอง นั่นคือกลายเป็นราชาที่เป็นอิสระจากบ่วง
สำหรับสิ่งนี้ให้เบรกของลูกมีพลัง
จงเห็นสิ่งที่ลูกต้องการจะเห็นและได้ยินเพียงสิ่งที่ลูกต้องการได้ยินเท่านั้น
เมื่อลูกมีพลังในการควบคุมเช่นนั้นแล้วลูกจะสามารถสอบผ่านด้วยเกียรตินิยมในเวลาสุดท้าย
นั่นคือลูกจะเข้ามาในกลุ่มแรก
พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาผู้ซึ่งนำเอาความบริสุทธิ์มาเป็นคุณธรรมพิเศษดั้งเดิมและคงอยู่ตลอดไปของลูกได้อย่างง่ายดาย
พื้นฐานพิเศษสำหรับการเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การกราบไหว้บูชาคือความบริสุทธิ์
ยิ่งลูกรับเอาความบริสุทธิ์ทุกประเภทมาเป็นของลูกมากเท่าไร
ลูกก็จะได้รับการกราบไหว้บูชาในทุกวิธีมากเท่านั้น
ผู้ที่คงความบริสุทธิ์อย่างเป็นคุณธรรมพิเศษ ดั้งเดิม
และคงอยู่ตลอดไปด้วยระเบียบวินัยก็เป็นผู้ที่ได้รับการกราบไหว้บูชาด้วยระเบียบวินัยด้วยเช่นกัน
ผู้ที่มีการติดต่อกับดวงวิญญาณต่างๆที่เป็นญาณี(มีความรู้)และอญาณี (ไม่มีความรู้)
ที่เติมเต็มความสัมพันธ์และสายใยของพวกเขาอย่างถูกต้องในขณะที่รักษาทัศนคติ สายตา
และกระแสจิตที่บริสุทธิ์ไว้
และผู้ที่คงความบริสุทธิ์อย่างไม่ขาดตอนแม้กระทั่งในความฝันของพวกเขา
คือผู้ที่ได้รับการกราบไหว้ด้วยระเบียบวินัย
คติพจน์:
ในขณะที่อาศัยอยู่ในโลกที่หยาบ จงรับใช้อย่างเป็นเทวดานางฟ้าที่ละเอียดอ่อน
และงานของการให้คุณประโยชน์โลกจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ความพยายามพิเศษที่จะกลับมาทัดเทียมกับพ่อบราห์มา
หากลูกมีความรักต่อพ่อบราห์มาแล้วจงกลายเป็นเทวดาเช่นเดียวกับพ่อ
ให้รูปที่เป็นเทวดานางฟ้าที่เป็นแสงของลูกปรากฏอยู่เบื้องหน้าลูกเสมอ
ที่ลูกต้องกลายเป็นเช่นนั้น ให้รูปในอนาคตของลูกมองเห็นได้ด้วยเช่นกัน
เวลานี้จงสละละทิ้งสิ่งนี้และยอมรับสิ่งนั้น
เมื่อลูกมีประสบการณ์เช่นนั้นแล้วก็เข้าใจได้ว่าลูกใกล้ความสมบูรณ์พร้อมแล้ว