11.08.19    Avyakt Bapdada     Thai Murli     14.01.85     Om Shanti     Madhuban


พื้นฐานของการมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น (ชุบ ชินตัก) คือการมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิม (สวา-ชินตัน)
และมีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก (ชุบ ชินตัน)


วันนี้บัพดาดากำลังมองดูลูกๆพิเศษในทุกหนแห่ง ใครคือลูกพิเศษที่มีความปรารถนาดีกับทุกคนโดยมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมอยู่ตลอดเวลา? ผู้ที่มีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกอย่างสม่ำเสมอจะมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยอัตโนมัติ ความคิดที่บริสุทธิ์และความคิดในแง่บวกเป็นพื้นฐานของการเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น อันดับแรกคือการมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิม การมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมหมายถึงการเป็นตัวของสำนึกรู้ของปริศนาที่ว่า "ฉันคือใคร?" ที่บัพดาดาได้บอกกับลูก ตัวอย่างเช่น การรู้จักพ่อและดาด้าอย่างที่พวกท่านเป็นและท่านเป็นอย่างไรหมายถึงการรู้จักพวกท่านอย่างถูกต้องแม่ยำ และการรู้จักท่านทั้งสองคือการรู้อย่างแท้จริง ในทำนองเดียวกันการรู้จักตนเองในแบบที่ลูกเป็นและเป็นอย่างไรนั่นคือการรู้จักตนเองในรูปดั้งเดิมที่สูงส่งที่คงอยู่ตลอดไป และการมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมนั้นเรียกว่าการมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิม "ฉันอ่อนแอ, ฉันเป็นผู้เพียรพยายาม, ฉันไม่ได้เป็นตัวของความสำเร็จ, ฉันไม่ใช่ผู้ที่เอาชนะมายา" การมีความคิดเหล่านี้คือการไม่มีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิม เพราะการเป็นดวงวิญญาณบราห์มินที่สูงส่งที่สุดในยุคบรรจบพบกันหมายถึงการเป็นดวงวิญญาณที่มีพลัง ความอ่อนแอนั้น,การขาดความเพียรพยายามหรือความหย่อนหย่อนนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากการมีจิตสำนึกที่เป็นร่าง "ตนเอง"หมายถึงการมีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณ เมื่อลูกอยู่ในสภาพนี้ความอ่อนแอของสิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการคิดเกี่ยวกับสิ่งสร้างของจิตสำนึกที่เป็นร่างจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมด้วยเช่นกัน ความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมหมายถึง “พ่อเป็นเป็นเช่นไร ฉันดวงวิญญาณที่สูงส่งก็เป็นเช่นนั้น” ผู้ที่มีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมเช่นนั้นจะสามารถมีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก ความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกหมายถึงการไตร่ตรองเพชรพลอยแห่งความรู้และหมายถึงการสร้างความบันเทิงให้กับตนเองด้วยความลับที่สนุกสนานอย่างลึกล้ำของผู้สร้างและสิ่งสร้าง หนึ่งคือการทบทวนสิ่งเหล่านั้นซ้ำๆและอีกหนึ่งคือการเคลื่อนไปตามคลื่นของมหาสมุทรแห่งความรู้ นั่นคือการอยู่ในความซาบซึ้งของการเป็นนายของสมบัติที่มีค่าแห่งความรู้และเล่นกับเพชรพลอยแห่งความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีประสบการณ์กับคำพูดของความรู้ที่มีค่าเหลือล้นในทุกรูปแบบนั้นหมายถึงการทำให้ตนเองยิ่งใหญ่ด้วยสมบัติที่มีค่าแห่งความรู้ เพียงผู้ที่เล่นกับความรู้เช่นนั้นเท่านั้นที่มีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก ผู้ที่มีความคิดที่บริสุทธิ์และมีความคิดในเชิงบวกเช่นนั้นจะห่างไกลจากความคิดที่ไร้ประโยชน์และความคิดเกี่ยวกับผู้อื่นโดยอัตโนมัติ ดวงวิญญาณที่มีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมและมีความความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกจะอยู่อย่างไม่ว่างเว้นกับการมีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก ที่พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งหนึ่งวินาทีหรือหนึ่งลมหายใจที่จะมีความคิดอื่น ๆ เหตุนี้เองดวงวิญญาณเช่นนั้นจึงคงอยู่อย่างปลอดภัยจากการคิดเกี่ยวกับผู้อื่นและจากการมีความคิดที่ไร้ประโยชน์อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่มีที่ว่างนั้นในสติปัญญาของพวกเขาและไม่มีเวลาเช่นกัน เวลาของพวกเขาจะข้องแวะอยู่กับความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกและสติปัญญาของพวกเขาก็จะเต็มไปด้วยเพชรพลอยแห่งความรู้อย่างสม่ำเสมอ นั่นคือเต็มไปด้วยความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก เมื่อไม่มีที่ว่างสำหรับความคิดอื่น ๆ ที่จะเข้ามา นั่นก็คือความหมายของการเป็นผู้ที่มีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก ซึ่งหมายถึงการเป็นผู้ที่เข้าไปสู่ส่วนลึกของความลับของทุกคำพูด ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่มีความสุขกับการได้ยินเสียง การได้ยินเสียงหมายถึงผู้ที่เข้าไปสู่นัยสำคัญของคำพูด ตัวอย่างเช่นลูกมีความสุขกับการฟังเพลงทางโลกอย่างมาก ในทำนองเดียวกันลูกก็มีความสุขกับเสียงที่ไพเราะของเมอร์ลีแห่งความรู้ อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้าใจความลับและเสียงเพลงจะกลายเป็นนายแห่งสมบัติที่มีค่าของความรู้และอยู่อย่างซึมซับในการไตร่ตรองความรู้ ไม่มีอุปสรรคใดที่จะสามารถมาอยู่เบื้องหน้าผู้ที่ซึมซับอยู่ในความรู้ได้ ในทำนองเดียวกันผู้ที่มีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกจะกลายเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อทุกคนโดยอัตโนมัติ ประการแรกคือการมีความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมและประการต่อมาคือมีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก ดวงวิญญาณเช่นนั้นกลายเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเพราะผู้ที่รักษาความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกทั้งกลางวันและกลางคืนจะไม่สามารถมีความคิดที่ไม่ดีหรือมีสายตาที่ไม่ดีต่อผู้อื่นได้ เนื่องจากซันสการ์และธรรมชาติดั้งเดิมของพวกเขาบริสุทธิ์พวกเขาจึงพัฒนานิสัยของการมองเห็นและการคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งในทางที่บริสุทธิ์ด้วยทัศนคติและสายตาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมีความปรารถนาดีต่อทุกคน แม้ว่าพวกเขาจะเห็นซันสการ์ที่อ่อนแอในดวงวิญญาณอื่นพวกเขาก็จะไม่มีความคิดที่ไม่บริสุทธิ์หรือไร้ประโยชน์เกี่ยวกับดวงวิญญาณนั้น เช่น: ผู้นี้ก็เป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ. พวกเขาจะให้ปีกของความจริงจังและความกระตือรือร้นแก่ดวงวิญญาณที่อ่อนแอเช่นนั้นอยู่เสมอและทำให้พวกเขามีพลังและทำให้พวกเขาโบยบินได้สูง พวกเขาร่วมมือกับดวงวิญญาณเช่นนั้นเสมอด้วยความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของพวกเขา ผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นหมายถึง การเป็นผู้ที่ทำให้ผู้ที่ไม่มีความหวังกลายเป็นผู้ที่รู้สึกมีความหวัง ด้วยสมบัติที่มีค่าของความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกพวกเขาทำให้คนที่อ่อนแอเต็มเปี่ยมและทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า พวกเขาจะไม่คิดว่า คนนี้ไม่มีความรู้ใด ๆ, คนนี้ไม่มีค่าต่อความรู้, คนนี้จะไม่สามารถทำตามหนทางของความรู้ได้. คนที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นจะให้ขาของการค้ำจุนด้วยพลังที่พวกเขาได้รับจากบัพดาดาและกลายเป็นเครื่องมือในการทำให้คนที่ง่อยเปลี้ยเสียขากลับมาเดินได้ ดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีจะทำให้ดวงวิญญาณที่ท้อแท้หมดและกำลังใจกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยสภาพของการมีความปรารถนาดีโดยการให้ดิลคุชโทลี (ความสุขในหัวใจ)แก่พวกเขา ลูกกินดิลคุชโทลีใช่ไหม? ลูกรู้วิธีที่จะให้สิ่งนั้นแก่ผู้อื่นเช่นกันใช่ไหม? แม้ในขณะที่รู้ถึงความอ่อนแอของดวงวิญญาณอื่นๆ ดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีจะทำให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นลืมความอ่อนแอของพวกเขาและให้พลังของคุณสมบัติพิเศษของเขาและทำให้พวกเขามีพลังเช่นกัน พวกเขาจะไม่มองใครด้วยความไม่ชอบ พวกเขาจะมีสายตาของการยกระดับดวงวิญญาณที่ตกต่ำเสมอ พวกเขาจะไม่อยู่ในสภาพแรกของการมีความคิดที่บริสุทธิ์หรือกลายเป็นดวงวิญญาณที่มีพลัง นั่นไม่ใช่การเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเช่นกัน การมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นหมายถึงการใช้สมบัติที่มีค่าของลูกเพื่อรับใช้ดวงวิญญาณมากมายที่อยู่ในความสัมพันธ์และสายใยทางจิตของลูกด้วยจิตใจและคำพูดของลูก ดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นคือผู้รับใช้อันดับหนึ่งผู้รับใช้ที่แท้จริง ลูกกลายเป็นดวงวิญญาณที่มีความปรารถนาดีเช่นนั้นต่อผู้อื่นหรือไม่? ให้ทัศนคติของลูกบริสุทธิ์เสมอ ให้สายตาของลูกควรบริสุทธิ์เสมอ โลกของบราห์มินที่สูงส่งจะถูกมองว่าบริสุทธิ์เช่นกัน คำพูดโดยทั่วไปผู้คนมักพูดว่า พูดคำพูดที่บริสุทธิ์ ดวงวิญญาณบราห์มินเป็นผู้ที่มีการถือกำเนิดที่บริสุทธิ์ ลูกถือกำเนิดในเวลาที่บริสุทธิ์มาก ช่วงเวลาและระยะเวลาของการเกิดของบราห์มินนั้นบริสุทธิ์ ลางบอกเหตุแห่งโชคก็บริสุทธิ์เช่นกัน ความสัมพันธ์ของลูกก็บริสุทธิ์ ความคิดและการกระทำของลูกนั้นก็บริสุทธิ์เช่นกัน เหตุนี้เองสำหรับดวงวิญญาณบราห์มินจึงไม่มีชื่อหรือร่องรอยของสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์เลย ไม่ใช่เพียงแค่ในรูปที่มีตัวตนเท่านั้น แต่ไม่มีแม้กระทั่งในความฝันของพวกเขา ลูกเป็นดวงวิญญาณเช่นนั้นที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นหรือไม่? ลูกมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อวันแห่งความทรงจำระลึกถึง วันแห่งความทรงจำระลึกถึงหมายถึงวันแห่งพลัง ดังนั้นลูกเป็นดวงวิญญาณที่มีพลังเป็นพิเศษใช่ไหม? บัพดาดาก็พูดเช่นกันว่า ยินดีต้อนรับดวงวิญญาณที่มีพลังอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งพลัง บัพดาดาผู้ทรงพลังอำนาจยินดีต้อนรับลูกที่ทรงพลังเสมอ ลูกเข้าใจไหม? อัจชะ

ถึงผู้ที่อยู่ในความซาบซึ้งทางจิตของความคิดเกี่ยวกับตนเองดั้งเดิมอย่างสม่ำเสมอ ถึงผู้ที่อยู่อย่างเต็มไปด้วยสมบัติที่มีค่าของความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวก ถึงผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นและทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดโบยบินด้วยการที่ตนเองโบยบินก่อน ถึงผู้ที่เป็นผู้ประทานอยู่เสมอและประทานพรเช่นเดียวกับพ่อและทำให้ทุกคนมีพลัง ถึงลูกที่มีพลังและทัดเทียมเช่นนั้น ด้วยความรัก ระลึกถึง และนมัสเต จาก บัพดาดา

บัพดาดาพบกลุ่มผู้เป็นแม่:
1) ลูกผู้เป็นแม่อยู่อย่างมีความสุขเสมอที่ได้เห็นโชคที่สูงส่งของลูกใช่ไหม? ลูกมีความสุขอยู่เสมอที่ได้กลายเป็นมงกุฎแห่งศีรษะจากผงฝุ่นที่เท้าหรือไม่? สมบัติที่มีค่าแห่งความสุขของลูกไม่เคยถูกขโมยไปใช่หรือไม่? มายาฉลาดในการขโมย หากลูกกล้าหาญและฉลาดอยู่เสมอ มายาจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ในความเป็นจริงเธอจะกลายเป็นคนรับใช้และเธอจะกลายเป็นผู้รับใช้จากศัตรู ลูกเป็นผู้เอาชนะมายาเช่นนั้นหรือไม่? ลูกมีความทรงจำระลึกถึงพ่อ นั่นคือลูกเป็นผู้ที่อยู่อย่างเป็นมิตรร่วมทางของพ่ออย่างสม่ำเสมอและได้รับการแต่งแต้มสีสันด้วยสีสันทางจิตวิญญาณ หากไม่มีความเป็นมิตรร่วมทางของพ่อก็มีไม่มีสีสันทางจิตวิญญาณ ดังนั้นลูกทั้งหมดซึ่งเป็นผู้ทำลายความผูกพันยึดมั่นได้รับการแต้มสีสันด้วยมิตรร่วมทางของพ่อหรือไม่? หรือมีความผูกพันยึดมั่นอยู่บ้างเล็กน้อยหรือไม่? บางทีอาจจะไม่มีความผูกพันยึดมั่นกับลูกๆของลูก แต่อาจจะกับหลานๆของลูก การรับใช้ลูกๆของลูกได้สิ้นสุดลงและการรับใช้ผู้อื่นได้เริ่มขึ้นแล้ว มันไม่ลดลง มีคิวที่ก่อตัวขึ้นมาตามๆกัน ดังนั้นลูกเป็นอิสระจากบ่วงใดๆของสิ่งนั้นหรือไม่? แม่มีการได้มาซึ่งการบรรลุผลที่สูงส่ง มือของพวกเธอที่เคยว่างเปล่าโดยสิ้นเชิงเวลานี้ได้กลับมามั่งคั่งด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมด ลูกสูญเสียทุกสิ่งและเวลานี้ลูกได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมดจากพ่ออีกครั้ง ดังนั้นลูกผู้เป็นแม่กลายเป็นอะไรจากสิ่งที่ลูกเคยเป็น? ผู้ที่อยู่ภายในกำแพงทั้งสี่ด้านนั้นได้กลายเป็นนายของโลก ลูกมีความซาบซึ้งหรือไม่ที่พ่อได้ทำให้ลูกเป็นของพ่อเองและนั่นจึงเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น? เมื่อพระเจ้ามาและทำให้ลูกเป็นของท่านก็ไม่เคยมีโชคที่สูงส่งเช่นนี้ที่ใดอีกแล้ว ดังนั้นลูกอยู่อย่างมีความสุขเสมอเมื่อเห็นโชคของตนเองหรือไม่? เพียงแค่ทำให้แน่ใจว่ามายาไม่เคยขโมยสมบัติที่มีค่านี้

2) ลูกทุกคนกลายเป็นดวงวิญญาณบุญหรือไม่? บุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการให้พลังแก่ผู้อื่น ดังนั้นจงเป็นดวงวิญญาณบุญเสมอสำหรับดวงวิญญาณทั้งหมด นั่นคือเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่ของสมบัติที่มีค่าทั้งหมดที่ลูกได้รับ มากเท่าที่ลูกให้ทานสิ่งเหล่านี้แก่ผู้อื่น สมบัติที่มีค่าของลูกก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายล้านเท่า ดังนั้นการให้นี้จึงกลายเป็นรูปของการรับ ลูกมีความกระตือรือร้นเช่นนี้หรือไม่? รูปในทางปฏิบัติของความกระตือรือร้นนี้คือการเคลื่อนไปข้างหน้าในงานรับใช้อย่างสม่ำเสมอ เท่าที่ลูกใช้ร่างกาย,จิตใจและสมบัติสำหรับงานรับใช้ ลูกก็จะกลายเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่และดวงวิญญาณบุญในปัจจุบันและสะสมไว้ตลอดเวลาสำหรับอนาคตมากเท่านั้น สิ่งนี้เป็นโชคของลูกในละครเช่นกันที่ลูกได้รับโอกาสในการสะสมทุกสิ่ง ดังนั้นลูกคือผู้ที่ได้รับโอกาสทองนี้ใช่ไหม? หากลูกคิดเกี่ยวกับบางสิ่งแล้วทำสิ่งนั้น นั่นก็เป็นโอกาสเงิน ในขณะที่หากลูกทำอะไรบางสิ่งอย่างไม่เห็นแก่ตัวด้วยหัวใจที่กว้างใหญ่นั่นคือโอกาสทอง ดังนั้นลูกทุกคนจึงกลายเป็นผู้ที่ได้รับโอกาสอันดับหนึ่ง

บัพดาดาพบกับลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์:
ทุกๆวัน บัพดาดามอบความรักเป็นการตอบแทนแก่ลูกๆที่รัก พ่อมีความรักต่อลูกอย่างมากที่ลูกมีความคิดว่าสิ่งนี้ไม่ได้มาเป็นคำพูดและพ่อก็ให้ความรักนั้นเป็นการตอบแทนล่วงหน้า ในยุคบรรจบพบกันท่านให้ความรักและความทรงจำระลึกถึงแก่ลูกตลอดทั้งวงจร ท่านให้ความรักและความทรงจำระลึกถึงอย่างมากมายแก่ลูกที่อาภรณ์ของลูกจะอยู่อย่างเต็มไปด้วยความรักและความทรงจำระลึกถึงเป็นเวลาชาติแล้วชาติเล่า บัพดาดาให้ความร่วมมือกับดวงวิญญาณที่รักอย่างสม่ำเสมอและทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า เมื่อลูกกลายเป็นตัวของความรักที่พ่อให้แก่ลูกและทำให้ใครบางคนมีความรัก บุคคลนั้นก็จะเป็นของพ่อ มันคือความรักที่ดึงดูดทุกคน ความรักของลูกๆทุกคนไปถึงพ่ออย่างต่อเนื่อง อัจชะ

บัพดาดาพบกลุ่มจากมอริเชียส:
ลูกทุกคนเป็นดวงดาวที่โชคดีใช่ไหม? ลูกได้รับโชคมากมายแค่ไหน? ไม่มีใครสามารถมีโชคได้มากกว่านี้เพราะพ่อผู้ประทานโชคเองได้กลายเป็นของลูกแล้ว ลูกกลายเป็นลูกของพ่อ เมื่อผู้ประทานโชคเองได้กลายเป็นของลูกแล้วจะมีโชคใดที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกไหม? ดังนั้นลูกเป็นดวงดาวที่ส่องแสงที่มีโชคเช่นนี้หรือไม่? ลูกคือผู้ที่ทำให้ทุกคนมีโชค เพราะเมื่อลูกพบสิ่งที่ดีลูกก็จะไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่แบ่งปันกับผู้อื่น เช่นเดียวกับที่ลูกไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีการจดจำระลึกถึง ในทำนองเดียวกันลูกก็ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีงานรับใช้ ลูกแต่ละคนจะจุดประกายแสงของคนอื่น ๆ อีกมากมายและสร้างลูกประคำแห่งแสง ดีปมาลา(ลูกประคำแห่งแสง)เป็นสัญลักษณ์ของติลักของอำนาจในการปกครอง ดังนั้นผู้ที่สร้างดีปมาลาจะได้รับติลักของอำนาจในการปกครอง การรับใช้หมายถึงการเป็นผู้ที่มีติลักของอำนาจในการปกครอง ผู้ที่มีความจริงจังและความกระตือรือร้นในงานรับใช้สามารถให้ปีกของความจริงจังและความกระตือรือร้นแก่ผู้อื่นได้

คำถาม:
บนพื้นฐานของคุณธรรมหลักใดที่ลูกสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย?

คำตอบ:
ทำให้ตนเองมีหัวใจที่ถ่อมตน, มีความถ่อมตน และสร้างสมคุณธรรมจากทุกสถานการณ์และลูกจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่พยายามพิสูจน์ตนเองว่าถูกต้องจะดื้อรั้นและไม่สามารถเป็นที่รู้จักได้ ผู้ที่ดื้อรั้นไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้ แทนที่จะกลายเป็นที่รู้จักกันดีพวกเขาจะห่างไกล

คำถาม:
เมื่อใดที่ลูกจะประกาศสิทธิ์ในการได้รับการยกย่องจากโลกและจากครอบครัวของพระเจ้า?

คำตอบ:
เมื่อคำถามทั้งหมดสำหรับตัวลูกเองและคนอื่น ๆ ได้จบสิ้นลง เช่นเดียวกับที่ลูกไม่คิดว่าตนเองน้อยกว่าคนอื่นและพิจารณาตนเองว่าเป็นผู้มีอำนาจในความเข้าใจ ในทำนองเดียวกันจงประกาศสิทธิ์ในการเข้าใจและการกระทำและลูกจะประกาศสิทธิ์ที่จะได้รับการยกย่องจากโลกและครอบครัวของพระเจ้า อย่าได้กลายเป็นผู้ที่ร้องขอสิ่งใด แต่เป็นผู้ประทาน อัจชะ

พร:
ขอให้ลูกสัมผัสกับคุณสมบัติพิเศษของความพอใจในงานรับใช้ตามศรีมัทและกลายเป็นตัวของความสำเร็จ

ไม่ว่าลูกจะทำงานรับใช้อะไร ไม่ว่านักเรียนจะมาหรือไม่ เพียงแค่อยู่อย่างพอใจกับตนเองเท่านั้น จงมีศรัทธาว่า ถ้าฉันอยู่อย่างพอใจสาสน์นั้นจะได้ผลอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าได้เป็นทุกข์ หากจำนวนนักเรียนไม่เพิ่มขึ้น ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมันก็สะสมไว้ในบัญชีของลูก และพวกเขาก็จะได้รับสาสน์นั้น หากลูกเองมีความพอใจ ค่าใช้จ่ายก็คุ้มค่า ลูกดำเนินงานตามศรีมัทและการเชื่อฟังศรีมัทจะกลายเป็นตัวของความสำเร็จ

คติพจน์:
ให้พลังแก่ดวงวิญญาณที่อ่อนแอและลูกจะได้รับพรของพวกเขา