04.03.19 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ
ที่แสนหวาน ไม่มีนักเรียนอื่นใดทั่วทั้งโลกที่มีโชคหลายล้านเท่าเท่ากับลูก
พ่อมหาสมุทรแห่งความรู้มาที่นี่ในฐานะที่เป็นครูของลูกเพื่อสอนลูกด้วยตัวเอง
คำถาม:
ลูกควรใส่ใจในสิ่งใดอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อที่เส้นด้ายของความผูกพันยึดมั่นของลูกจะขาดลงได้?
คำตอบ:
หากลูกใส่ใจในการทำงานรับใช้ เส้นด้ายของความผูกพันยึดมั่นของลูกจะสามารถขาดลงได้
ทำให้สติปัญญาของลูกจดจำอย่างสม่ำเสมอว่าทุกสิ่งที่ลูกมองเห็นนั้นสูญสลาย
อย่าได้เห็นสิ่งนั้นแม้ขณะที่มองดู ศรีมัทของพ่อคือ อย่าเห็นสิ่งที่เลวร้าย
อย่าได้ยินสิ่งที่เลวร้าย!
โอมชานติ
พระเจ้าชีวาพูดกับลูกซาลีแกรมที่แสนหวาน นั่นคือกับลูกๆ ทางจิต ลูกๆ
เข้าใจว่าลูกเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ที่คงอยู่ตลอดไปของยุคทอง
ดังนั้นลูกควรจดจำว่าลูกเป็นของศาสนานั้น
ผู้คนมากมายเชื่อในศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป แต่แทนที่จะเรียกว่าศาสนาเทพ
พวกเขากลับให้ชื่อว่าศาสนาฮินดู
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าใครเป็นคนดั้งเดิมและคงอยู่ตลอดไป
และด้วยการกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ที่คือสิ่งที่ลูกได้กลายเป็น
พระเจ้านั่งที่นี่และอธิบายสิ่งนี้ให้แก่ลูกเป็นการส่วนตัว
พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ที่มีร่างกาย ผู้อื่นทั้งหมดมีร่างกายของเขาเอง
ชีพบาบาเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้ที่ปราศจากร่าง ท่านไม่ได้มีร่างกายของท่านเอง
ผู้อื่นทั้งหมดมีร่างกายของเขาเอง
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หวานชื่นอย่างมากที่จะมีประสบการณ์ว่าตนเองปราศจากร่างในลักษณะนี้
ลูกเคยเป็นอะไรและเวลานี้ลูกกำลังกลายเป็นอะไร?
ลูกเข้าใจว่าละครนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร
ศาสนาเทพนี้เคยเป็นหนทางของการครองเรือนที่บริสุทธิ์
ซึ่งไม่ได้เป็นหนทางของการครองเรือนที่บริสุทธิ์อีกต่อไป
ลูกเข้าใจว่าเวลานี้ลูกกำลังก่อตั้งศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป ชื่อ“ฮินดู”
พึ่งได้รับเมื่อเร็วๆนี้เอง ไม่มีสิ่งใดเช่นศาสนาฮินดูดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
บาบาได้บอกลูกหลายต่อหลายครั้งให้อธิบายแก่ผู้ที่เป็นของศาสนาเทพดั้งเดิม
บอกพวกเขาให้เขียนว่าพวกเขาเป็นของศาสนาใด
นั่นคือศาสนาเทพดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ที่คงอยู่ตลอดไปหรือศาสนาฮินดู
แล้วพวกเขาจะมาเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับ 84 ชาติเกิด ความรู้นี้ง่ายดายมาก
ด้วยการบอกว่าวงจรคงอยู่หลายแสนปี ผู้คนก็อยู่อย่างสับสน
สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้ในละครเช่นกัน
การกลับมาตาโมประธานจากสาโตประธานคือบทบาทที่ถูกกำหนดไว้ในละครด้วยเช่นกัน
ผู้ที่เคยเป็นของศาสนาเทพกลับมาสกปรกอย่างมากขณะที่ใช้ 84 ชาติเกิด
ในตอนแรกบารัตเคยสูงส่งมาก ลูกควรร้องสรรเสริญบารัต
แน่นอนเวลานี้พวกเขาต้องกลับมาสโตประธานจากตโมประธานและใหม่จากเก่า
เมื่อลูกก้าวหน้าต่อไป ผู้คนจะเริ่มเข้าใจสิ่งที่ลูกบอกพวกเขาอย่างแน่นอน
บอกพวกเขาว่า จงตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลที่ลึกล้ำและจดจำพ่อและมรดกของท่าน
ลูกควรมีประสบการณ์ของความสุขตลอดทั้งวัน ทั้งโลกโดยทั่วไปและทั้งบารัตโดยเฉพาะ
ไม่มีนักเรียนคนไหนที่มีโชคหลายล้านเท่าเหมือนกับลูก
ลูกเข้าใจว่าลูกกำลังกลายเป็นสิ่งที่ลูกเคยเป็นมาแต่ดั้งเดิม
จะเป็นคนเดิมที่เคยถูกเลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นมา ลูกต้องไม่สับสนเกี่ยวกับสิ่งนี้
ใครก็ตามที่ได้ยินความรู้แม้กระทั่งเล็กน้อยที่นิทรรศการจะกลายเป็นปวงประชา
สิ่งนี้เป็นเพราะสมบัติที่ไม่สูญสลายของความรู้ไม่เคยถูกทำลายได้
แต่ละวันองค์กรนี้จะกลับมามีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วผู้คนนับไม่ถ้วนจะมาหาลูก
ศาสนาได้รับการก่อตั้งทีละนิด เมื่อมีบุคคลสำคัญมาจากต่างประเทศ
ผู้คนนับไม่ถ้วนก็จะไปเพื่อดูใบหน้าของเขา มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นที่นี่
ลูกรู้ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่คงอยู่ในโลกนี้จะสูญสลาย ลูกต้องไม่มองเห็นสิ่งนั้น
อย่ามองเห็นสิ่งที่เลวร้าย... ขยะทั้งหมดนั้นจะถูกเผา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลูกเห็น
รวมทั้งมนุษย์ ฯลฯ ลูกตระหนักว่าทุกสิ่งคือยุคเหล็ก ลูกคือบราห์มินของยุคบรรจบพบกัน
ไม่มีใครอื่นรู้จักยุคบรรจบพบกันนี้
เพียงแต่จดจำว่านี้คือยุคบรรจบพบกันและลูกต้องกลับบ้าน
ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์อย่างแน่นอน เวลานี้พ่อพูดว่า
กิเลสของตัณหาราคะนี้เป็นเหตุของความทุกข์ตั้งแต่ตอนต้นตลอดจนตอนกลางจนถึงตอนจบของสิ่งนั้น
ดังนั้นเอาชนะกิเลสตัณหาราคะ บางคนถูกก่อกวนอย่างมากเพื่อยาพิษ พ่อพูดว่า
ตัณหาราคะคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูก ลูกต้องเอาชนะมัน
ตอนนี้มีมนุษย์มากมายในโลกในเวลานี้
นานแค่ไหนที่ลูกจะต้องอธิบายให้แต่ละคนฟังเป็นรายบุคคล? เมื่อลูกอธิบายแก่คนหนึ่ง
อีกคนหนึ่งจะพูดว่านี้คือเวทย์มนต์ แล้วพวกเขาก็หยุดศึกษาเล่าเรียน
เหตุนี้เองพ่อจึงพูดว่า อธิบายแก่ผู้ที่เป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
ศาสนาดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปคือศาสนาเทพ
ลูกอธิบายว่าลักษมีและนารายณ์ประกาศสิทธิ์ในสถานภาพของเขาและเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นเทพอย่างไร
และแน่นอนว่าจะต้องเกิดขึ้นในชาติเกิดที่แล้ว(ก่อนหน้านี้)ของเขา เมื่อพวกเขาจบสิ้น
84 ชาติเกิดของเขาแล้วพวกเขาก็กลายเป็นสิ่งนั้น
ผู้ที่ใส่ใจในการทำงานรับใช้จะเฝ้าแต่ข้องแวะอยู่ในงานรับใช้นั้น
แล้วความผูกพันยึดมั่นฯลฯ ของลูกจะถูกขจัดออกไปจากทุกหนแห่ง
สิ่งใดก็ตามที่ลูกเห็นด้วยตาของลูก ลูกจะต้องลืม
ควรเป็นราวกับว่าลูกไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดเลย อย่าได้เห็นสิ่งที่เลวร้าย!
ผู้คนทำภาพลิงที่แสดงให้เห็นสิ่งนี้ แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
ลูกๆเพียรพยายามอย่างมาก บาบาให้การขอบคุณแก่ลูกที่อธิบายแก่ผู้อื่นและ,ทำให้พวกเขามีค่า
ผู้ที่สามารถแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่พวกเขาทำคือผู้ที่ได้รับรางวัล
ลูกรู้ว่าบาบาจะให้รางวัลแก่ลูกมากเพียงใด รางวัลแรกคืออาณาจักรสุริยะวงศ์
และรางวัลที่สองคือจันทราวงศ์ ทุกสิ่งนั้นตามลำดับกันไป
คัมภีร์มากมายได้ถูกเขียนไว้ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ในเวลานี้พ่ออธิบายว่า
ไม่มีใครสามารถพบพ่อได้ด้วยการศึกษาคัมภีร์เหล่านั้น
หรือการสร้างไฟบูชายัญหรือการทรมานตนฯลฯ แต่ละวันดวงวิญญาณจะมีบาปมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีใครสามารถกลายเป็นดวงวิญญาณบุญที่บริสุทธิ์
จนกระทั่งพ่อมาและทำให้ลูกเป็นดวงวิญญาณบุญ มีการให้ทานและทำบุญที่มีขีดจำกัด
แล้วก็มีการให้ทานและทำบุญที่ไม่มีขีดจำกัด
ผู้คนในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาทำทานและทำบุญโดยทางอ้อมในนามของพระเจ้าแต่พวกเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าคือใคร
เวลานี้ลูกรู้จักท่าน
ลูกพูดว่าชีพบาบาได้เปลี่ยนลูกจากสิ่งที่ลูกเคยเป็นอย่างสิ้นเชิง
พระเจ้าคือผู้เดียวเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ยังเรียกท่านว่าอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน!
ดังนั้นลูกควรอธิบายแก่ผู้คนเหล่านั้นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่พวกเขาได้ทำมา
พวกเขามาหาลูกและรับฟังชั่วขณะหนึ่ง และพวกเขาก็ออกไป
และพวกเขาก็ทิ้งทุกสิ่งที่พวกเขาได้ยินไว้ข้างหลัง
สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาได้ยินที่นี่ก็คงอยู่ที่นี่ พวกเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
พวกเขาบอกลูกว่าความรู้นี้ดีมาก และพวกเขาจะมาอีก
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถตัดเส้นด้ายของความผูกพันยึดมั่นของเขาได้
เรื่องราวของราชาโมห์จีท (ผู้ที่เอาชนะความผูกพันยึดมั่น) นั้นดีมาก
ราชาโมห์จีทชั้นหนึ่งคือลักษมีและนารายณ์ เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์
อย่างไรก็ตามผู้คนนั้นก็ไม่เข้าใจสิ่งใดเลย ในขณะที่ลงบันไดมาสู่อาณาจักรของราวัน
เขาก็ตกลงมาโดยสิ้นเชิง ลูกๆ เล่นเกมของการปีนขึ้นไปและลงมา
เกมของลูกนั้นง่ายมากด้วยเช่นกัน พ่อพูดว่า ซึมซับความรู้นี้เป็นอย่างดี
อย่าทำการกระทำที่สกปรกใดๆ พ่อพูดว่า พ่อคือเมล็ด ผู้เป็นสัจจะ ผู้มีชีวิต
เป็นตัวของความปีติ และ มหาสมุทรแห่งความรู้
มหาสมุทรแห่งความรู้จะนั่งอยู่ข้างบนหรือ?
แน่นอนท่านจะต้องมาให้ความรู้ในเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าความรู้นั้นคืออะไร
พ่อพูดว่า เวลานี้พ่อได้มาเพื่อสอนลูก ดังนั้นลูกควรศึกษาเป็นประจำ
ลูกต้องไม่ขาดการศึกษานี้แม้กระทั่งวันเดียว
ลูกจะพบประเด็นที่ดีอย่างใดอย่างหนึ่งในแต่ละวันอย่างแน่นอน
หากลูกไม่ศึกษามุรลีลูกจะขาดบางประเด็นอย่างแน่นอน มีประเด็นที่นับไม่ถ้วน
ลูกต้องอธิบายให้แก่ชาวบารัตด้วยเช่นกันว่าพวกเขาเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
มีศาสนามากมายในเวลานี้ ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย
เช่นที่จินนี่ถูกสั่งให้ขึ้นและลงบันได
ดังนั้นนี่คือบันไดของการขึ้นไปและลงมาของลูกเช่นกัน ลูกทั้งหมดคือจินนี่ใช่หรือไม่?
ลูกปีนบันไดขึ้นไปแล้วก็ลงมาผ่าน 84 ชาติเกิด
มีมนุษย์มากมายและแต่ละคนต้องเล่นบทบาทของเขาเอง ลูกๆ ควรอัศจรรย์ใจ!
เวลานี้ลูกได้รับคำแนะนำอย่างเต็มที่ของการละเล่นที่ไม่มีขีดจำกัดนี้
เพียงลูกเท่านั้นที่รู้ถึงตอนต้น ตอนกลางและตอนจบของละครโลกทั้งหมด
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่สามารถรู้สิ่งนี้ ไม่มีใครในยุคทองที่ใช้ภาษาที่ไม่ดี
ที่นี่พวกเขาเฝ้าแต่ดูถูกกันและกัน นี่คือแม่น้ำของยาพิษ ก้นบึ้งของนรกอย่างแท้จริง
ทุกคนที่นี่อยู่ในก้นบึ้งของนรก ที่นั่นราชาราชินีเป็นเช่นไร
ปวงประชาก็เป็นเช่นนั้น ลูกจะได้รับชัยชนะในเวลาสุดท้าย
เมื่อทุกคนเข้าใจว่าใครสร้างศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
นี่คือสิ่งหลักที่ไม่มีใครรู้ พ่อพูดว่า พ่อคือจ้าวของคนจน
พวกเขาจะเข้าใจสิ่งนี้ในเวลาสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เวลานั้นมันก็สายเกินไป
เวลานี้ลูกแต่ละคนมีดวงตาที่สาม
เก็บบ้านที่แสนหวานและอาณาจักรที่แสนหวานของลูกไว้ในสติปัญญาของลูก พ่อพูดว่า
เวลานี้ลูกต้องไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข
ไม่ว่าลูกแต่ละคนเล่นจะเล่นบทบาทใดก็เข้ามาในสติปัญญาของลูก ทุกคน,นอกจากลูกๆบราห์มินนั้นเกือบจะตายแล้ว
ลูกบราห์มินต้องกลับมาตื่นตัว เพียงลูกๆบราห์มินเท่านั้นที่กลายเป็นเทพ
ศาสนาเดียวนี้กำลังถูกก่อตั้งขึ้นมาในเวลานี้ สติปัญญาของลูกก็เข้าใจด้วยเช่นกันว่า
ศาสนาอื่นๆถูกก่อตั้งขึ้นมาอย่างไร
เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่อธิบายสิ่งทั้งหมดนี้
ดังนั้นลูกควรจดจำพ่อเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ลูกอาจทำธุรกิจของลูก ฯลฯ
เพียงแต่อยู่อย่างบริสุทธิ์ ศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปคือศาสนาที่บริสุทธิ์
เวลานี้จงกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง ขณะที่เดินเหินและเคลื่อนไหวไปทั่ว จดจำพ่อ
พ่อของลูกและลูกจะกลับมาสาโตประธาน ลูกจะได้รับพละกำลังเมื่อลูกกลับมาสาโตประธาน
ลูกไม่สามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงที่สุดจนกว่าลูกจะอยู่ในการจาริกแสวงบุญแห่งการจดจำระลึกถึงนี้
เมื่อบาปของลูกได้รับการปลดเปลื้องเท่านั้นที่ลูกจะไปถึงสภาพที่สาโตประธานของลูก
นี้คือไฟโยคะ คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวไว้ในกีตะ
ซันยาสพยายามอย่างหนักมากกับโยคะของพวกเขา
พวกเขาหลอกล่อผู้คนจากต่างประเทศให้มาเพื่อที่พวกเขาจะสามารถทดลองและสอนโยคะแก่พวกเขา
อย่างน้อยพวกเขาก็พยายามที่จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกพูด พระเจ้า
ดวงวิญญาณสูงสุดคือผู้เดียวเท่านั้น ท่านมาและทำให้ทุกคนสูงสุด
วันหนึ่งหนังสือพิมพ์จะพิมพ์สิ่งเหล่านี้ พวกเขาจะพูดว่า มันเป็นความจริง
ไม่มีใครนอกจากพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดสามารถสอนราชาโยคะได้
ลูกควรจะมีการพิมพ์สิ่งต่างๆเหล่านี้ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
เพื่อที่จะประกาศสิทธิ์ในรางวัลของอาณาจักรสุริยะวงศ์
ประกาศสิทธิ์ในพรจากบัพดาดาก่อน
ลูกต้องแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของงานรับใช้ที่ลูกทำอย่างแน่นอน
ตัดเส้นด้ายของความผูกพันยึดมั่นทั้งหมดของลูก
2. พ่อ
มหาสมุทรของความรู้ ผู้ที่ปราศจากร่าง มาเพื่อสอนความรู้แก่ลูกด้วยตัวเอง
ดังนั้นลูกต้องศึกษาทุกวัน ลูกต้องไม่ขาดการศึกษานี้แม้แต่วันเดียว
ทำความเพียรพยายามที่จะกลับมาปราศจากร่างเช่นเดียวกับพ่อ
พร:
ขอให้ลูกกลายเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกและเฉลิมฉลองชีพราตรีที่แท้จริงโดยมีการถืออดสำหรับทัศนคติที่สูงส่ง
ผู้เลื่อมใสศรัทธาถืออดของสิ่งที่เกี่ยวกับทางร่างกาย
ในขณะที่ลูกถืออดต่อการจบสิ้นทัศนคติที่อ่อนแอของลูกตลอดไป
เพราะสิ่งใดก็ตามที่ดีหรือไม่ดีก่อนอื่นจะซึมซับเข้าไปในทัศนคติของลูก
แล้วก็เข้าไปสู่คำพูดและการกระทำของลูก
งานที่ยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงโลกสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยคำพูดและการกระทำที่สูงส่งที่ลูกมีผ่านทัศนคติที่บริสุทธิ์ของลูก
การมีการถืออดสำหรับทัศนคติที่สูงส่งคือการเฉลิมฉลองชีพราตรีที่แท้จริง
คติพจน์:
ผู้ที่มีพระอาทิตย์แห่งความสุขขึ้นอยู่ในหัวใจของพวกเขาเสมอคือผู้ที่สามารถอยู่อย่างมีความสุขในหัวใจ
คำพูดอันทรงคุณค่าที่สุดจะประเมินได้ของมาเตชวารีจี
1)
พระเจ้าชี้หนทางแก่ผู้ที่ปราศจากดวงตา ผู้ที่ปราศจากดวงตาของความรู้
“ชี้หนทางให้แก่ผู้ที่ตาบอดเถิด พระเจ้าที่รัก”…. เมื่อผู้คนร้องเพลง “ชี้หนทางแก่ผู้ที่ตาบอด”
นั่นหมายความว่ามีเพียงพระเจ้าเดียวเท่านั้นที่สามารถชี้หนทาง
และเหตุนี้เองผู้คนจึงร้องเรียกหาพระเจ้า เมื่อพวกเขาขอให้พระเจ้าชี้หนทาง
แน่นอนพวกเขาขอให้พระเจ้าชี้หนทางให้กับมนุษย์
และดังนั้นพระเจ้าคือผู้ที่ไม่มีตัวตนต้องมาสู่รูปที่มีตัวตนอย่างแน่นอน
และแล้วเมื่อนั้นท่านจะชี้หนทางในทางปฏิบัติ นั่นคือ
ท่านไม่สามารถชี้หนทางได้หากปราศจากการมาที่นี่
ผู้คนมีความสับสนต้องการให้ชี้หนทางและเหตุนี้เองพวกเขาจึงพูดกับพระเจ้าว่า
ชี้หนทางให้กับผู้ที่ตาบอดเถิด
ท่านก็ถูกเรียกว่าคนพายเรือผู้ที่พาเราข้ามไปสู่อีกฝั่งหนึ่งด้วยเช่นกัน นั่นคือ
ท่านพาเราไปเหนือโลกที่ทำมาจากวัตถุธาตุทั้ง 5 ไปสู่อีกฟากหนึ่ง นั่นคือ
ท่านได้พาเราไปเหนือวัตถุธาตุทั้ง 5 ไปยังวัตถุธาตุที่ 6
ที่เป็นธาตุแห่งแสงที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น
เมื่อพระเจ้ามาจากฟากนั้นมายังฟากนี้เท่านั้นที่ท่านสามารถพาเราไปยังฝั่งนั้นได้
ดังนั้น พระเจ้าได้มาจากโลกของท่าน
และเหตุนี้เองพระเจ้าจึงถูกเรียกว่าเป็นคนพายเรือด้วยเช่นกัน
ท่านคือผู้เดียวที่พาเรือเรา(เรือของดวงวิญญาณ)ข้ามฟาก
ท่านจะพาผู้ที่มีโยคะกับท่านไปกับท่าน
ผู้ที่ถูกทิ้งจะสัมผัสกับการถูกลงโทษจากดารามราจ
และกลายเป็นผู้ได้รับการหลุดพ้นหลังจากนั้น
2)
พระเจ้าคือผู้ที่พาเราไปจากขวากหนาม นั่นคือ
โลกแห่งความทุกข์ไปสู่ร่มเงาของโลกแห่งดอกไม้ นั่นคือ ไปสู่โลกแห่งความสุข
พาเราไปไปจากโลกแห่งขวากหนามไปยังร่มเงาของดอกไม้เถิด
นี่เป็นการ้องเพลงสำหรับพระเจ้าเท่านั้น เมื่อผู้คนไม่มีความสุขอย่างที่สุด
พวกเขาจดจำพระเจ้า “พระเจ้าพาเราไปจากโลกแห่งหนามนี้ไปยังร่มเงาของดอกไม้”
สิ่งนี้หมายความว่าเป็นโลกอื่นอย่างแน่นอน
มนุษย์ทั้งหมดรู้ว่าโลกของเวลานี้เต็มไปด้วยหนาม
เนื่องจากพวกเขาสัมผัสกับความทุกข์และความไม่สงบ แล้วพวกเขาก็จดจำโลกของดอกไม้
แน่นอนว่าจะต้องมีโลกซึ่งสันสการ์จะเติมเต็มในดวงวิญญาณ
เราทั้งหมดรู้ว่าความทุกข์และความไม่สงบอันเนื่องจากบัญชีกรรมของบ่วงกรรมของเรา
จากราชาสู่ยาจก มนุษย์ทุกคนติดอยู่กับในบัญชีเหล่านี้อย่างสมบูรณ์
และเหตุนี้เองพระเจ้าเองจึงพูดว่าโลกปัจจุบันคือยุคเหล็ก
ที่เต็มไปด้วยบ่วงกรรมในขณะที่โลกก่อนหน้านี้เป็นโลกของยุคทอง
ซึ่งเรียกว่าโลกแห่งดอกไม้ด้วยเช่นกัน
นั่นคืออาณาจักรของเทพซึ่งเป็นอิสระจากบ่วงกรรมและหลุดพ้นในชีวิต นั่นไม่ใช่เวลานี้
เมื่อเราพูดว่า “การหลุดพ้นในชีวิต” ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นอิสระจากร่างกายของเรา
พวกเขาไม่ได้มีสำนึกของร่างกายใดๆ และขณะที่อยู่ในร่างกายของเขา
พวกเขาไม่มีความทุกข์ใดๆ นั่นคือ ไม่ได้มีความซับซ้อนของบ่วงกรรมที่นั่น
จากการมาใช้ชีวิต(การเกิด)ไปสู่การออกจากชีวิต(การตาย)
พวกเขาจะมีความสุขตั้งแต่ตอนต้นตลอดจนตอนกลางจนถึงตอนสิ้นสุด ดังนั้น “การหลุดพ้นในชีวิต”
หมายความว่าพวกเขาอยู่เหนือบ่วงกรรมขณะที่มีชีวิต เวลานี้
ทั้งโลกนี้ติดกับในกิเลสทั้ง 5 อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่ากิเลสทั้ง 5
อยู่ในทุกหนแห่ง อย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม้ได้มีพลังที่จะเอาชนะวิญญาณปีศาจร้ายทั้ง 5
เหล่านี้ ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงมาและปลดปล่อยเราจากวิญญาณปีศาจทั้ง 5
ด้วยตัวท่านเอง และทำให้เราได้รับรางวัลในอนาคตของการมีสถานะเป็นเทพ