28.07.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
07.01.85 Om Shanti Madhuban
ความคิดพิเศษสำหรับปีใหม่-กลับมาเป็นนายผู้ประทานโชค
วันนี้ พ่อผู้ประทานโชคได้มาพบลูกๆของท่านผู้เป็นนายผู้ประทานโชค พ่อ,ผู้ประทานโชคกำลังมองดูชาร์ทของลูกทุกคน
ด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมดที่ลูกได้รับจากผู้ประทานโชค
ลูกกลายเป็นนายของผู้ประทานโชคเหมือนกับผู้ประทานโชคมากแค่ไหน?
ลูกกลายเป็นผู้ประทานความรู้หรือไม่?
ลูกกลายเป็นผู้ประทานพลังแห่งการจดจำระลึกถึงหรือไม่? ตามเวลาและความต้องการ
ลูกได้กลายเป็นผู้ประทานพลังทั้งหมดหรือไม่? ลูกได้กลายเป็นผู้ประทานคุณธรรมหรือไม่?
ลูกได้กลายเป็นผู้ประทานสายตาทางจิตและความรักทางจิตหรือไม่?
ตามเวลาลูกได้กลายเป็นผู้ให้ความร่วมมือกับทุกดวงวิญญาณหรือไม่?
ลูกกลายเป็นผู้ที่ให้ความเป็นมิตรที่สูงส่งของลูกและมีสายใยแก่ผู้ที่อ่อนแอหรือไม่?
ลูกกลายเป็นผู้ให้ความจริงจังและความกระตือรือร้นที่จะทำให้ดวงวิญญาณที่ขาดการได้มาซึ่งการบรรลุผลเป็นดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความพอใจหรือไม่?
บาบากำลังมองดูชาร์ทนี้ของนายผู้ประทานโชคทุกคน
ผู้ประทานหมายถึงผู้ที่ให้ในทุกขณะผ่านทุกความคิด
ผู้ประทานโชคหมายถึงผู้ที่มีหัวใจที่กว้างใหญ่
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องให้หัวใจก็กว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร
ผู้ประทานหมายถึงผู้ที่ไม่มีความปรารถนาที่จะได้รับสิ่งใดจากดวงวิญญาณอื่นนอกจากผู้เป็นพ่อ
ผู้ที่ให้อย่างสม่ำเสมอ หากใครบางคนให้ความรักและความร่วมมือทางจิตแล้ว
เขาจะให้กลับไปเป็นหลายล้านเท่าเพื่อเป็นการตอบแทน เช่นเดียวกับที่พ่อไม่รับ,แต่ให้
หากลูกจะให้ทุกสิ่งที่เก่าซึ่งมีค่าแค่เศษฟางที่เขามีแก่ผู้ประทาน
ผู้ประทานก็จะให้เป็นการตอบแทนอย่างมากมาย ที่การได้รับเปลี่ยนเป็นการให้
นายของผู้ประทานโชคเช่นนั้นคือผู้ที่ให้ในทุกความคิดและในทุกย่างก้าว
ผู้ประทานที่ยิ่งใหญ่ หมายถึงผู้ประทานโชค เนื่องจากการให้อย่างสม่ำเสมอ
พวกเขาจะเห็นแก่ผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ
พวกเขาจะอยู่เหนือแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวและเป็นที่รักของทุกคนเช่นเดียวกับพ่อ
ทุกคนจะมีบันทึกรายงานของการให้ความเคารพแก่ผู้ประทานโชคโดยอัตโนมัติ
ผู้ประทานโชคจะเป็นผู้ประทานในสายตาของทุกคนโดยอัตโนมัติ
นั่นคือดวงวิญญาณเช่นนั้นจะมีความยิ่งใหญ่
ลูกแต่ละคนได้กลายเป็นผู้ประทานโชคเช่นนั้นมากแค่ไหน?
ผู้ประทานโชคหมายถึงผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์
ผู้ประทานหมายถึงผู้ที่เป็นผู้หล่อเลี้ยง
ผู้ที่ให้การหล่อเลี้ยงของความรักและความร่วมมือเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่ออย่างสม่ำเสมอ
ผู้ประทานโชคหมายถึงผู้ที่เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ
ดังนั้นให้ตรวจสอบตนเองว่าลูกเป็นผู้ที่รับหรือเป็นนายผู้ประทานโชค ผู้ที่ให้?
ขณะนี้ตามเวลา ลูกจะต้องเล่นบทบาทของการเป็นนายผู้ประทานโชค
เพราะเวลาใกล้เข้ามามากขึ้น นั่นคือลูกต้องกลับมาทัดเทียมกับพ่อ
ถ้าแม้กระทั่งเวลานี้ลูกยังต้องการที่จะรับเพื่อตนเอง
แล้วเมื่อไหร่ลูกจะเป็นผู้ประทาน? การให้ในเวลานี้คือการได้รับ ยิ่งลูกให้มากแค่ไหน
สิ่งนั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยตามนั้นโดยอัตโนมัติ
อย่ากลายเป็นผู้ที่รับสิ่งที่มีขีดจำกัดประเภทใดๆ ถ้าแม้กระทั่งเวลานี้
ลูกปรารถนาที่จะเติมเต็มความหวังที่มีขีดจำกัดของลูก
แล้วลูกจะเติมเต็มความหวังของดวงวิญญาณทั้งหมดในโลกได้อย่างไร? “ฉันต้องการมีชื่อเสียงเล็กน้อย
(ได้รับการยกย่องเชิดชู) ความเคารพเล็กน้อย, ความนับถือ, ความรัก,
และพลังสักเล็กน้อย” ถ้าแม้กระทั่งเวลานี้ลูกยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้
นั่นคือหากลูกมีความปรารถนาเหล่านี้สำหรับตนเอง
แล้วเมื่อไหร่ลูกจะได้สัมผัสกับสภาพของการไม่รู้ในความรู้เกี่ยวกับความอยากความปรารถนาอย่างสมบูรณ์?
ความปรารถนาที่มีขีดจำกัดเหล่านั้นจะไม่ปล่อยให้ลูกกลายเป็นคนดีได้
ความปรารถนาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการเป็นขอทานที่สูงศักดิ์
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะมาอยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีสิทธิโดยอัตโนมัติ
พวกเขาจะไม่ร้องเพลงว่า “ฉันต้องการ ฉันต้องการ” พวกเขาจะร้องเพลงว่า ฉันได้รับแล้ว
ฉันกลายเป็นสิ่งนี้แล้ว สำหรับผู้ประทานที่ไม่มีขีดจำกัด
ความหวังและความปรารถนาที่มีขีดจำกัดจะอยู่ข้างหลังเขาเหมือนกับเงา
เมื่อลูกร้องเพลงว่าลูกได้รับสิ่งที่ลูกต้องการแล้ว
แล้วยังคงมีความปรารถนาที่จะได้รับชื่อเสียงเกียรติยศศักดิ์ศรีที่มีขีดจำกัดเล็กน้อยนั้นได้อย่างไร?
พูดอีกอย่างหนึ่งคือก็เปลี่ยนเพลงนั้น!
เมื่อวัตถุธาตุทั้งห้าได้กลายเป็นผู้รับใช้เบื้องหน้าของลูกผู้ประทานโชค
เมื่อลูกกลายเป็นผู้เอาชนะวัตถุธาตุและมายาด้วยเช่นกัน
แล้วความปรารถนาที่มีขีดจำกัดเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกับตะเกียงสำหรับลูกที่อยู่เบื้องหน้าดวงอาทิตย์
เมื่อลูกกลายเป็นดวงอาทิตย์แล้วจำเป็นอะไรที่ต้องมีตะเกียง?
พื้นฐานของการตอบสนองในสิ่งที่ลูกต้องการคือการเฝ้าแต่ให้สิ่งนั้นๆให้มากที่สุด
จงให้ความเคารพ อย่าได้รับ ให้ความนับถือ อย่าเพียงแค่รับความนับถือ
หากลูกต้องการที่จะทำให้ชื่อเสียงของลูกได้รับการประกาศเกียรติคุณ
จงให้ทานในนามของพ่อแล้วชื่อของลูกก็จะได้รับการประกาศเกียรติคุณโดยอัตโนมัติ
การให้คือพื้นฐานของการได้รับ มีประเพณีที่ได้ดำเนินมาในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อมีใครบางคนขาดแคลนบางสิ่ง
พวกเขาก็จะทำให้บุคคลนั้นๆให้ทานสิ่งนั้นเพื่อที่จะได้รับสิ่งนั้นได้มากขึ้น
แล้วการให้นั้นจึงกลายเป็นรูปของการได้รับ
ในทำนองเดียวกันลูกๆของผู้ประทานกำลังจะกลายเป็นเทพผู้ให้
ผู้คนก็เฝ้าแต่ร้องเพลงยกย่องสรรเสริญลูกทั้งหมดว่าเป็นเทพผู้ให้ ผู้ประทานความสงบ
ผู้ประทานความมั่งคั่ง พวกเขาไม่ได้ร้องเพลงสรรเสริญลูกอย่างเป็นผู้ที่รับ
ดังนั้นวันนี้บาบากำลังมองดูชาร์ทนี้ จะมีกี่คนที่จะกลายเป็นเทพ (ผู้ให้)
และมีกี่คนที่จะกลายเป็นผู้ที่รับ? ความหวังและความปรารถนาทางโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว
ขณะนี้ในแง่ของความปรารถนาที่ไม่มีขีดจำกัดของชีวิตทางจิต
ลูกได้พิจารณาสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นความปรารถนาของความรู้ใช่ไหม?
และที่ลูกควรจะมีสิ่งเหล่านั้นใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามใครที่มีความปรารถนาที่มีขีดจำกัดจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับมายาได้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลูกได้รับโดยการร้องขอ
เมื่อลูกบอกใครบางคนให้ความเคารพกับลูกหรือทำให้ผู้อื่นให้ความนับถือลูก
เมื่อลูกได้รับบางสิ่งด้วยการร้องขอ นั่นเป็นหนทางที่ผิด
ดังนั้นลูกจะพบจุดหมายปลายทางของลูกได้อย่างไร?
จงกลายเป็นนายผู้ประทานโชคแล้วทุกคนจะมาเพื่อให้กับลูกอย่างต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ
ผู้ที่ร้องขอเกียรติยศ(ชาน)ก็จะกลายเป็นผู้ที่ทุกข์ระทม(พาร์อีชาน)
ดังนั้นจงรักษาเกียรติยศของการเป็นนายผู้ประทานไว้ อย่าได้พูดว่า “ของฉัน ของฉัน”
ทุกสิ่งเป็น “ของท่าน” เมื่อลูกพูดว่า “เป็นของท่าน” ทุกคนก็จะพูดกับลูกว่า “เป็นของท่าน”
เมื่อลูกพูดว่า “ของฉัน ของฉัน” ลูกก็จะยิ่งสูญเสียสิ่งใดก็ตามที่มาหาลูก
เพราะที่ใดไม่มีความพอใจ
แม้กระทั่งการได้มาซึ่งการบรรลุผลก็เหมือนกับการขาดการบรรลุผล
ที่ใดมีความพอใจแม้กระทั่งจะมีเล็กน้อยก็เหมือนกับมีทุกสิ่ง ดังนั้นโดยการพูดว่า “ของท่าน
ของท่าน” ลูกก็จะกลายเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผล เมื่อลูกเปล่งเสียงในโดม
เสียงเดียวกันนั้นก็จะก้องกลับมาหาลูก ในทำนองเดียวกันในโดมที่ไม่มีขีดจำกัดนี้
หากลูกพูดว่า “ของฉัน” จากหัวใจของลูก เสียงเดียวกันของ “ของฉัน”
จะกลับมาหาลูกจากทุกคน ลูกจะพูดว่า “ของฉัน” และพวกเขาก็จะพูดว่า “ของฉัน”
ดังนั้นยิ่งลูกพูดด้วยความรักจากหัวใจของลูกมากเท่าไหร่ว่ามันเป็นของท่าน(ไม่ใช่แค่เพื่อเป้าหมายของลูกเอง)
ตามนั้นทุกคนก็จะพูดว่า “ของท่าน” แก่ผู้ที่พูดสิ่งนั้นด้วยความรักจากหัวใจเช่นกัน
ด้วยการใช้วิธีนี้ “ของฉัน”ที่มีขีดจำกัดของลูกก็จะเปลี่ยนเป็นที่ไม่มีขีดจำกัด
และแทนที่จะเป็นผู้ที่รับ ลูกจะกลายเป็นนายผู้ประทานโชค
ดังนั้นในปีนี้จงมีความคิดพิเศษของการเป็นนายผู้ประทานโชคที่สม่ำเสมอ ลูกเข้าใจไหม?
โซนมหาราชตระได้มาในวันนี้ ดังนั้นลูกจะต้องกลับมายิ่งใหญ่(มหันต์)ใช่หรือไม่?
มหาราชสถานหมายถึงการมีความยิ่งใหญ่อย่างสม่ำเสมอและกลายเป็นผู้ให้กับทุกคน
มหาราชสตระหมายถึงแผ่นดินที่เต็มเปี่ยมเสมอ
แผ่นดินอาจจะไม่เต็มเปี่ยมแต่ลูกดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จะเต็มเปี่ยม
ดังนั้นมหาราชตระจึงหมายถึงดวงวิญญาณผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่
อีกกลุ่มหนึ่งมาจากยูพี ในยูพีเช่นกัน
พวกเขาให้ความสำคัญต่อแม่น้ำคงคาผู้ชำระให้บริสุทธิ์
ดังนั้นลูกเป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลอยู่เสมอและเหตุนี้เองลูกจึงสามารถกลายเป็นผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้
ดังนั้นผู้ที่มาจากยูพีจะมีคลังสมบัติที่มีค่าของความบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน
ลูกเป็นนายผู้ประทานโชคที่ให้หนึ่งหยดของความบริสุทธิ์กับทุกคน
ดังนั้นลูกทั้งสองมีความยิ่งใหญ่ใช่หรือไม่?
บัพดาดาพอใจที่ได้เห็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดเช่นกัน
ลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์คือผู้ที่อยู่อย่างมีความซาบซึ้งเป็นสองเท่า
หนึ่งคือความซาบซึ้งของการจดจำระลึกถึง อีกหนึ่งคือความซาบซึ้งของงานรับใช้
ลูกส่วนใหญ่คือผู้ที่มีความซาบซึ้งสองเท่านี้
และความซาบซึ้งสองเท่านี้จะทำให้ลูกปลอดภัยจากความซาบซึ้งประเภทอื่น
ดังนั้นลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์กำลังได้รับอันดับที่ดีในการแข่งขันของสองสิ่งนี้
ลูกจะเฝ้าแต่ร้องเพลงของบาบาและงานรับใช้แม้กระทั่งในความฝันของลูกด้วยเช่นกัน
ดังนั้นนี่เป็นการบรรจบพบกันของแม่น้ำสามสาย ลูกเป็นแม่น้ำคงคา ยมนา และสรัสวตี
มธุบันเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ (อาบัด) อย่างแท้จริงโดยอัลหล่า (อาราฮาบัท
เมืองที่อยู่ในโซนยูพี,อินเดีย)
นี่เป็นการบรรจบพบกันของแม่น้ำสามสายในแผ่นดินนี้ที่อุดมสมบูรณ์ของอะหล่า อัจชะ
ถึงผู้เป็นนายของผู้ประทานโชคอย่างสม่ำเสมอ
ถึงผู้ที่มีความปรารถนาที่จะให้กับทุกคนอย่างสม่ำเสมอ ถึงผู้ที่กำลังจะกลายเป็นเทพ
ถึงผู้ที่ร้องเพลง “ของท่าน ของท่าน” อย่างสม่ำเสมอ
ถึงผู้ที่ทำให้ดวงวิญญาณที่ขาดบางสิ่งกลับมาเต็มเปี่ยมและพอใจ
ถึงดวงวิญญาณที่เต็มเปี่ยมและเพียบพร้อมสมบูรณ์ ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง
และนมัสเต จากบัพดาดา ผู้ประทานโชคและผู้ประทานพร
บัพดาดาพบครู:
ด้วยการทำงานรับใช้,
ผู้รับใช้เองก็กลับมามีพลังและกลายเป็นเครื่องมือที่จะเติมพลังให้กับผู้อื่นเช่นกัน
งานรับใช้ทางจิตที่แท้จริงจะทำให้ลูกผู้เป็นเครื่องมือมีความก้าวหน้าในตนเองและสร้างความก้าวหน้าให้กับผู้อื่น
ก่อนที่จะรับใช้ผู้อื่นลูกต้องรับใช้ตนเองก่อน
การพูดความรู้แก่ผู้อื่นหมายความว่าลูกได้ยินความรู้นั้นก่อน
เพราะความรู้นั้นจะเข้าไปในหูของลูกก่อน
ลูกไม่ต้องพูดความรู้กับผู้อื่นแต่ลูกต้องฟังความรู้นั้นก่อน
ดังนั้นลูกจึงได้รับคุณประโยชน์สองเท่าจากการทำงานรับใช้
ลูกเองได้ประโยชน์และผู้อื่นก็ได้ประโยชน์เช่นกัน
การไม่ว่างเว้นอยู่ในงานรับใช้นั้นหมายถึงการกลายเป็นผู้เอาชนะมายาอย่างง่ายดาย
มายามาเมื่อลูกว่าง ผู้รับใช้จึงหมายถึงผู้ที่อยู่อย่างไม่ว่าง
ผู้รับใช้ไม่เคยมีเวลาเลย เมื่อลูกไม่มีเวลา มายาจะมาได้อย่างไร?
การเป็นผู้รับใช้หมายถึงการมีชัยชนะอย่างง่ายดาย
ผู้รับใช้สามารถจะเข้ามาในลูกประคำได้อย่างง่ายดาย เพราะพวกเขามีชัยชนะอย่างง่ายดาย
ดังนั้นดวงวิญญาณที่มีชัยชนะจะเข้ามาในลูกประคำแห่งชัยชนะ
ผู้รับใช้หมายถึงผู้ที่รับประทานอาหารสดที่มีคุณค่า
ผู้ที่รับประทานผลไม้สดจะมีพลานามัยที่ดี แพทย์มักจะพูดเสมอว่า “จงรับประทานผักผลไม้ที่สด”
ดังนั้นการรับใช้จึงหมายถึงการได้รับวิตามิน ลูกเป็นผู้รับใช้เช่นนั้นใช่หรือไม่?
งานรับใช้มีความสำคัญมาก เวลานี้จงตรวจสอบสิ่งเหล่านี้
ลูกกำลังมีประสบการณ์ของงานรับใช้เช่นนั้นหรือไม่?
ไม่ว่าใครอาจจะมีความสับสนมากแค่ไหน งานรับใช้จะทำให้พวกเขาร่ายรำในความสุข
ไม่ว่าใครบางคนจะเจ็บป่วยเพียงใด งานรับใช้ก็จะทำให้คนนั้นมีพลานามัยที่ดี
แต่อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ลูกกลับมาล้มป่วยจากการทำงานรับใช้ ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น
งานรับใช้จะทำให้คนที่เจ็บป่วยมีสุขภาพที่ดี ให้มีประสบการณ์เช่นนั้น
ลูกคือผู้รับใช้ที่พิเศษเช่นนั้น ดวงวิญญาณพิเศษเช่นนั้น
บัพดาดามองดูผู้รับใช้ด้วยความสัมพันธ์ที่สูงส่งเสมอ
เพราะลูกได้มีการสละละทิ้งและเป็นทาปัสวีเพื่อที่จะรับใช้
เมื่อเห็นการสละละทิ้งและทาปาเซียของลูก บัพดาดามีความพอใจเสมอ
ผู้รับใช้ทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่กลายเป็นเครื่องมือสำหรับงานรับใช้ที่สม่ำเสมอ
จงพิจารณาว่าตนเองเป็นเครื่องมืออยู่เสมอและเฝ้าแต่เคลื่อนไปในงานรับใช้
ตรวจสอบดูว่าลูกไม่มีสำนึกของ“ของฉัน” ที่“ฉันคือผู้รับใช้”
พ่อคือคาราวันฮาร์และฉันเป็นเครื่องมือ ผู้เดียวที่ดลใจที่ทำให้ฉันทำสิ่งนั้น
ผู้เดียวที่ทำให้ฉันเคลื่อนไปกำลังทำให้ฉันเคลื่อนไป
เมื่อลูกมีความรู้สึกที่สูงส่งนี้ลูกจะอยู่อย่างมีความรักและละวางเสมอ
หากฉันเป็นผู้ที่ทำทุกสิ่ง ฉันไม่สามารถจะละวางและมีความรักได้
ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่จะมีความรักและละวางอย่างสม่ำเสมอคือ
คาราวันฮาร์กำลังทำให้ฉันทำทุกสิ่ง
รักษาสำนึกรู้นี้ไว้แล้วจะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าและงานรับใช้ก็จะทำอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
ลูกไม่ใช่ผู้ที่เข้าไปอยู่ในโยงใยของจิตสำนึกของ“ของฉัน” หากลูกพูดว่า“บาบา,บาบา”ในทุกสิ่งก็จะมีความสำเร็จ
ผู้รับใช้เช่นนั้นจะเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอและจะทำให้ผู้อื่นเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน
มิฉะนั้นบางครั้งลูกเองก็อยู่ในสภาพที่โบยบิน บางครั้งในสภาพที่กำลังขึ้น
และบางครั้งอยู่ในสภาพที่กำลังเดิน
ลูกจะเฝ้าแต่ขึ้นๆลงๆและลูกจะไม่สามารถทำให้ผู้อื่นมีพลังได้
ลูกไม่ใช่ผู้ที่เพียงแต่พูดว่า “บาบา บาบา” แต่เป็นผู้ที่ทำสิ่งนั้นไปปฏิบัติจริงๆ
ผู้รับใช้เช่นนั้นจึงใกล้ชิดกับบัพดาดาเสมอและเป็นผู้ที่ทำลายอุปสรรคเสมอด้วยเช่นกัน
อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นเพียรพยายามอย่างแรงกล้าที่บินในสภาพที่โบยบินด้วยปีกแห่งความกล้าหาญ,ความจริงจังและความกระตือรือร้น
ปีกทั้งสองสำหรับสภาพที่โบยบินนั้นคือความกล้าหาญและความจริงจังและกระตือรือร้น
เพื่อที่จะบรรลุความสำเร็จในงานใดๆ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะมีความกล้าหาญ,ความจริงจังและความกระตือรือร้น
ที่ใดไม่มีความจริงจังและความกระตือรือร้นที่นั่นจะมีความเหนื่อยล้าและผู้ที่เหนื่อยล้าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
ตามเวลาปัจจุบันลูกจะไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางของลูกได้จนกว่าลูกจะมีสภาพที่โบยบิน
เพราะความพยายามนั้นจะต้องทำเพียงแค่ในชาติเกิดเดียวนี้
ในขณะที่การได้มาซึ่งการบรรลุผลไม่เพียงแค่สำหรับ 21 ชาติเกิดเท่านั้น
แต่สำหรับทั้งวงจร ดังนั้นเมื่อลูกมีการตระหนักถึงเวลาในสำนึกรู้ของลูก
ความพยายามของลูกก็จะแรงกล้าโดยอัตโนมัติ
คติพจน์:
เพียงผู้ที่เติมเต็มความปรารถนาของทุกคนคือคามเดนุ (วัวที่เติมเต็มความปรารถนาของทุกคน)