18.08.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
16.01.85 Om Shanti Madhuban
การได้มาซึ่งมรดกและพรจากพระเจ้าในยุคแห่งโชค
วันนี้พ่อผู้เป็นเมล็ดของต้นไม้โลกกำลังมองดูลูกๆของท่านที่เป็นรากฐานของต้นไม้
รากฐานที่ต้นไม้ทั้งต้นเติบโต
ท่านกำลังมองดวงวิญญาณพิเศษที่เป็นตัวของสาระและที่นำมาซึ่งการเติบโต
นั่นคือท่านกำลังมองดูดวงวิญญาณที่เป็นภาพลักษณ์ของการค้ำจุนสำหรับต้นไม้
ท่านกำลังมองดวงวิญญาณพิเศษที่ดูดซับพลังทั้งหมดที่พวกเขาได้รับจากเมล็ดโดยตรง
จากดวงวิญญาณทั้งหมดในโลกมีเพียงไม่กี่ดวงวิญญาณเท่านั้นที่ได้รับบทบาทพิเศษนี้
มีดวงวิญญาณจำนวนน้อยมากที่ได้รับบทบาทของการได้มาซึ่งการบรรลุผลที่สูงส่งผ่านความสัมพันธ์ของพวกเขากับผู้ที่เป็นเมล็ด
วันนี้บัพดาดากำลังมองดูโชคของลูกที่มีโชคที่สูงส่งเช่นนั้น ลูกๆเพียงแค่จดจำสองคำ:
ภควัน(พระเจ้า) ภคยา(โชค) ทุกคนได้รับโชคตามกรรมของพวกเขา
แม้กระทั่งลูกดวงวิญญาณก็ต้องเข้ามาสู่บัญชีของกรรมและโชคตั้งแต่ยุคทองแดงเป็นต้นมา
แต่ในยุคปัจจุบันของโชค พระเจ้ามาให้โชคกับลูก
ท่านให้วิธีที่จะวาดเส้นโชคที่สูงส่งด้วยปากกาของการกระทำที่สูงส่งแก่ลูก
ด้วยปากกานี้ลูกสามารถวาดเส้นโชคที่สูงส่งและชัดเจนชาติเกิดแล้วชาติเกิดเล่าตามที่ลูกต้องการ
ไม่มีเวลาอื่นที่มีพรนี้
ในเวลานี้เท่านั้นที่ลูกมีพรที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ลูกต้องการและมากเท่าที่ลูกต้องการ
เพราะเหตุใด?
พระเจ้ากำลังให้สมบัติที่มีค่าแห่งโชคแก่ลูกๆด้วยหัวใจที่กว้างใหญ่โดยที่ลูกไม่ต้องเพียรพยายามใดๆเลย
นี่เป็นคลังสมบัติที่เปิดกว้าง ไม่มีล็อคหรือกุญแจ
เป็นคลังสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุดและเปี่ยมล้นเสมอที่ลูกสามารถนำคลังสมบัตินั้นไปได้มากเท่าที่ลูกต้องการ
นี่เป็นคลังสมบัติที่ไม่มีขีดจำกัดและเปี่ยมล้น ทุกวันบัพดาดาเตือนลูกๆว่า:
จงรับไปมากเท่าที่ลูกต้องการ อย่ารับตามความสามารถของลูก
แต่รับไปด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ รับจากคลังสมบัติที่เปิดกว้าง
รับจากคลังสมบัติที่เปี่ยมล้น
พ่อจะพูดอย่างไรหากมีลูกคนไหนรับไปตามความสามารถของลูกๆ?
พ่อจะอยู่อย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและยิ้มขณะที่ท่านเฝ้าดู
ลูกๆไร้เดียงสามากที่พวกเขามีความสุขกับเพียงเล็กๆน้อยๆ เพราะเหตุใด? เพราะเป็นเวลา
63 ชาติเกิด
ลูกมีซันสการ์ของการเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาที่มีความสุขกับเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
แทนที่จะรับการบรรลุผลอย่างเต็มที่
ลูกกลับคิดว่าสิ่งเล็กน้อยนั้นเป็นสิ่งที่มากมายและพอใจกับสิ่งนั้น
ลูกลืมว่านี่เป็นเวลาที่จะรับการบรรลุผลทั้งหมดจากพ่อที่คงอยู่ตลอดไป
อย่างไรก็ตามบัพดาดาเตือนลูกๆว่า: จงมีพลัง ยังไม่สายเกินไป
ลูกมาสายแต่ยังไม่ถึงเวลาสำหรับ“สายเกินไป”
เหตุนี้เองแม้กระทั่งเวลานี้ก็เป็นเวลาที่จะต้องรับจากทั้งสองรูปของพ่อ นั่นคือ
มรดกจากพ่อและพรจากสัตกูรู
ดังนั้นจงสร้างโชคที่สูงส่งของลูกในรูปของพรและมรดกอย่างง่ายดาย
แล้วลูกก็ไม่ต้องคิดว่าผู้ประทานโชคได้แจกจ่ายโชคแต่ฉันรับมาได้แค่นี้เท่านั้น
ลูกๆของพ่อผู้ทรงพลังอำนาจไม่สามารถเป็นไปตามความสามารถได้
เวลานี้ลูกมีพรที่ลูกสามารถรับในสิ่งที่ลูกต้องการจากคลังสมบัติของพ่ออย่างเป็นสิทธิ์ของลูก
แม้ว่าลูกจะอ่อนแอ
แต่ด้วยความช่วยเหลือของพ่อลูกสามารถทำให้ปัจจุบันและอนาคตของลูกสูงส่งได้
เพราะเมื่อลูกรักษาความกล้าหาญ พ่อจะให้ความช่วยเหลือ
มีเวลาเหลือน้อยมากสำหรับลูกที่จะได้รับความร่วมมือของพ่อและคลังสมบัติแห่งโชคที่เปิดอยู่ของพ่อ
ในเวลานี้เนื่องจากความรักของพ่อที่มีต่อลูก
พ่อจึงเป็นมิตรร่วมทางของลูกในทุกขณะและในทุกสถานการณ์
แต่หลังจากนี้ไม่นานแทนที่จะเป็นมิตรร่วมทาง
บทบาทของพ่อของการเฝ้าดูทุกสิ่งในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวางของท่านจะเริ่มขึ้น
ไม่ว่าลูกจะเต็มไปด้วยทุกพลังหรือลูกจะเต็มตามความสามารถของลูก
ท่านจะดูทั้งสองสภาพนี้อย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ดังนั้นในเวลาที่สูงส่งนี้
จงประกาศสิทธิ์ของการได้มาซึ่งการบรรลุผลในการได้รับโชคของมรดก, พร,
ความร่วมมือและการเป็นมิตรร่วมทางที่ลูกจะได้รับจากบัพดาดา
อย่าได้ไม่ระมัดระวังเกี่ยวกับการได้มาซึ่งการบรรลุผลของลูก
ที่ยังมีเวลาเหลืออีกหลายปี
อย่าสับสนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงโลกกับช่วงเวลาของการได้มาซึ่งการบรรลุผล
อย่าถูกทิ้งไว้ข้างหลังจากการแค่มีความคิดที่ไม่ระมัดระวังเช่นนั้น
ในชีวิตบราห์มินของลูก
จดจำคำพูดสำหรับการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมดและการได้มาซึ่งการบรรลุผลเป็นระยะเวลาที่ยาวนานไว้อย่างสม่ำเสมอว่า
“ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ ก็จะไม่มีอีกแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ลูกจึงได้รับการบอกให้จดจำเพียงสองคำคือ ภควันและภคยา
แล้วลูกจะอยู่อย่างมีโชคหลายล้านเท่าเสมอ
บัพและดาดามีการสนทนาจากใจถึงใจระหว่างกันว่า
ทำไมลูกๆจึงถูกบีบบังคับจากนิสัยเก่าของพวกเขา พ่อมาทำให้ลูกเข้มแข็ง
แต่ถึงกระนั้นลูกๆก็ยังอยู่ถูกบีบบังคับ
ท่านให้ขาแห่งความกล้าหาญและปีกแก่ลูกเพื่อทำให้ลูกโบยบินไปกับท่าน
แต่ทำไมลูกถึงขึ้นๆ ลงๆ? ลูกสับสนอยู่เรื่อยๆแม้กระทั่งในยุคแห่งความสุข
สิ่งนี้เรียกว่าการถูกบีบบังคับโดยนิสัยเก่าของลูก ลูกเข้มแข็งหรือลูกถูกบีบบังคับ?
พ่อทำให้ลูกเป็นแสงที่เบาสบายเป็นสองเท่าและให้ความร่วมมือของท่านโดยการยกภาระของลูกทั้งหมดด้วยตัวท่านเอง
อย่างไรก็ตามเพราะลูกมีนิสัยที่ชอบแบกภาระ ลูกจึงรับภาระนั้นไว้
ลูกรู้หรือไม่ว่าลูกร้องเพลงอะไร? ลูกร้องเพลง: อะไร?, อย่างไร?, ทำไม?
ลูกยังร้องเพลงอีกเพลงเช่นกัน: เก,เก (ปล่อยบางสิ่งไว้กับอนาคต)
เหล่านี้เป็นเพลงของความเลื่อมใสศรัทธา เพลงของคนที่มีสิทธิ์คือ “ฉันได้รับแล้ว”
ดังนั้นลูกร้องเพลงไหน? ตรวจสอบดูว่าลูกร้องเพลงอะไรตลอดทั้งวัน?
บัพดาดานั้นรักลูกๆ และเพราะความรักนี้ท่านจึงคิดเสมอว่า ขอให้ลูกๆ
ทุกคนควรเต็มเปี่ยม มีพลัง และมีโชคหลายล้านเท่าอยู่เสมอ ลูกเข้าใจไหม? อัจชะ
ถึงผู้ที่มีสิทธิ์ในมรดกและพรตามเวลา
ถึงผู้ที่สร้างโชคอย่างเต็มที่ของพวกเขาจากคลังสมบัติแห่งโชคที่เปิดออกมา
ถึงผู้ที่เปลี่ยนจากตามความสามารถเป็นเต็มไปด้วยทุกพลัง
ถึงผู้ที่วาดเส้นโชคที่เต็มด้วยปากกาของการกระทำที่สูงส่ง
ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งที่เป็นตัวของการได้มาซึ่งการบรรลุผลและผู้ที่รู้ถึงความสำคัญของเวลานี้
ด้วยความรัก การจดจำระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา ที่จะทำให้ลูกเต็มเปี่ยม
บัพดาดาพบกลุ่มต่างๆ
1) ลูกจดจำการเกิดทางจิต ชีวิตทางจิต พ่อทางจิตและมรดกทางจิตของลูกอยู่เสมอหรือไม่?
เช่นที่พ่อเป็นพ่อทางจิต มรดกของลูกก็เป็นทางจิตเช่นกัน
พ่อทางร่างให้มรดกที่มีขีดจำกัดแก่ลูก และพ่อทางจิตให้มรดกที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ลูก
ดังนั้นให้มีสำนึกรู้ถึงพ่อทางจิตและมรดกอยู่เสมอ
บางครั้งลูกไม่ได้เข้าไปสู่ความทรงจำของชีวิตทางโลกของลูกใช่ไหม?
ลูกได้ตายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?
เช่นเดียวกับที่ร่างกายของผู้ที่ตายไปแล้วก็ไม่เคยจดจำชาติเกิดก่อนหน้านี้ของพวกเขา
ในทำนองเดียวกันผู้ที่มีชีวิตทางจิตและชาติเกิดทางจิตก็ไม่มีวันจดจำชาติเกิดทางโลกของพวกเขา
เวลานี้แม้กระทั่งยุคก็เปลี่ยนไป โลกเป็นยุคเหล็ก ในขณะที่ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกัน
ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว บางครั้งลูกไม่ได้เข้าไปสู่ยุคเหล็กใช่ไหม?
สิ่งนี้เป็นเขตแดนเช่นกัน ทันทีที่ลูกข้ามเขตแดน ลูกก็จะจบสิ้นลงในมือของศัตรู
ดังนั้นลูกไม่ได้ข้ามเขตแดนใช่ไหม?
จงตระหนักอยู่เสมอว่าลูกเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งในยุคบรรจบพบกันที่มีชีวิตทางจิต
เวลานี้ลูกจะทำอะไร? กลายเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
จงกลับมาเป็นนักธุรกิจที่หนึ่งย่างก้าวของลูกสะสมรายได้หลายล้าน
ลูกจะเป็นของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดเสมอ
ดังนั้นจงเฝ้าแต่เคลื่อนไปข้างหน้าในงานรับใช้ที่ไม่มีขีดจำกัดด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้นที่ไม่มีขีดจำกัด
2) ลูกมีประสบการณ์กับสภาพที่เป็นแสงและเบาสบายอย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
สิ่งชี้บอกของสภาพที่เป็นแสงและเบาสบายคือการอยู่ในสภาพที่โบยบินอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบินไม่มีวันถูกโจมตีจากมายาได้
ผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบินจะมีชัยชนะอย่างสม่ำเสมอ
สติปัญญาของผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบินจะมีศรัทธาและอยู่อย่างไร้กังวลอย่างสม่ำเสมอ
การอยู่ในสภาพที่โบยบินหมายถึงอะไร?
สภาพที่โบยบินหมายถึงสภาพที่สูงส่งที่สุดเหนือสิ่งใด
เมื่อลูกโบยบินลูกก็จะขึ้นไปข้างบนใช่ไหม?
พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณที่สูงที่สุด
ที่อยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่สูงที่สุดและเฝ้าแต่เคลื่อนไปข้างหน้า
การอยู่ในสภาพที่โบยบินเหมายถึงเท้าของสติปัญญาไม่ได้อยู่บนพื้นดิน
เหนือพื้นดินหมายถึงการอยู่เหนือสำนึกรู้ของร่างกายใดๆ
ผู้ที่อยู่เหนือพื้นดินของสำนึกรู้ของร่างกายจะเป็นเทวดานางฟ้าอย่างสม่ำเสมอที่ไม่มีความสัมพันธ์กับพื้นดิน
เวลานี้ลูกรู้เกี่ยวกับสำนึกรู้ของร่างกายและลูกก็รู้ถึงสภาพที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน
เมื่อลูกรู้ถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองสภาพ ลูกจะไม่สามารถมีสำนึกที่เป็นร่างได้
ลูกจะทำในสิ่งที่ลูกชอบเท่านั้นใช่ไหม?
ดังนั้นจงรักษาสำนึกรู้ไว้เสมอว่าลูกเป็นเทวดานางฟ้า
ด้วยการมีสำนึกรู้ของเทวดานางฟ้า ลูกก็จะเฝ้าแต่โบยบินอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อลูกเข้าไปสู่สภาพที่โบยบิน พื้นดินข้างล่างก็ไม่สามารถดึงดูดลูกได้
เช่นเดียวกับเมื่อลูกเข้าไปสู่อวกาศจะไม่มีแรงดึงดูดจากโลกเลย
ในทำนองเดียวกันเมื่อลูกเป็นเทวดานางฟ้า ‘โลก’ของร่างกายก็ไม่สามารถจะดึงดูดลูกได้
3) ลูกมีประสบการณ์กับสภาพของการเป็นคาร์มาโยคีที่ให้ความร่วมมือ,
โยคีที่เป็นธรรมชาติ และโยคีที่สม่ำเสมอตลอดเวลาหรือไม่?
เมื่อบางสิ่งมีความง่ายดายสิ่งนั้นก็จะสม่ำเสมอ
ถ้าสิ่งนั้นไม่ง่ายดายสิ่งนั้นก็จะไม่สม่ำเสมอ
ดังนั้นลูกคือโยคีที่สม่ำเสมอหรือที่มีความแตกต่าง?
โยคีหมายถึงการซึมซับอยู่ในความทรงจำระลึกถึงอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อลูกมีความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพระเจ้า
ดังนั้นเนื่องจากความสัมพันธ์ทั้งหมดจึงมีการจดจำระลึกถึงอย่างเป็นธรรมชาติ
และเมื่อมีความสัมพันธ์ทั้งหมดก็จะมีการจดจำระลึกถึงผู้เดียว
เนื่องจากการมีเพียงผู้เดียวการจดจำระลึกถึงจึงสม่ำเสมอ
ดังนั้นจงเป็นของพ่อผู้เดียวและไม่มีใครอื่นในความสัมพันธ์ทั้งหมด
การเป็นของพ่อผู้เดียวในความสัมพันธ์ทั้งหมดคือวิธีที่ง่ายดายที่จะกลายเป็นโยคีที่สม่ำเสมอ
เมื่อลูกไม่มีความสัมพันธ์อื่นใดแล้วการจดจำระลึกถึงของลูกไปอยู่ที่ไหน?
มีความตระหนักอยู่เสมอว่าลูกเป็นดวงวิญญาณโยคีที่ง่ายดาย
โดยการมีความสัมพันธ์ทั้งหมดกับพ่อ
โดยการมีความทัดเทียมกับพ่อและมีสมดุลของความรักและพลังในทุกย่างก้าวอย่างสม่ำเสมอ
ความสำเร็จก็จะมาอยู่เบื้องหน้าลูกโดยอัตโนมัติ
ความสำเร็จเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของลูก ลูกต้องทำงานเพื่อที่จะไม่ว่าง
แต่งานหนึ่งเป็นงานที่หนักและอีกงานหนึ่งเป็นเหมือนกับเกม
เมื่อลูกได้รับพรของพลังจากพ่อแล้วที่ใดมีพลังทุกสิ่งจะง่ายดาย
ให้มีเพียงความสมดุลระหว่างครอบครัวกับพ่อแล้วลูกจะได้รับพรโดยอัตโนมัติ
ที่ใดมีพรที่นั่นจะมีสภาพที่โบยบิน แม้จะขัดต่อความปรารถนาของลูกก็ตาม
แต่ก็จะมีความสำเร็จอย่างง่ายดาย
4) ลูกมีสำนึกรู้ถึงพ่อและมรดกของลูกอยู่เสมอหรือไม่?
สำนึกรู้ว่าพ่อของลูกคือใครและมรดกที่ลูกได้รับจะทำให้ลูกมีพลังโดยอัตโนมัติ
ลูกได้รับมรดกที่ไม่มีวันสูญสลายเช่นนั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาในหนึ่งชาติเกิดและเป็นผลรางวัลสำหรับหลายชาติเกิด
ลูกเคยได้รับมรดกเช่นนั้นมาก่อนไหม? ลูกได้รับในเวลานี้
แต่จะไม่ได้รับในวงจรที่เหลือ
ดังนั้นจงเฝ้าแต่เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยการตระหนักถึงพ่อและมรดกของลูกอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยการจดจำมรดกของลูกก็จะมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ และด้วยการจดจำพ่อ
ลูกก็จะอยู่อย่างมีพลังอย่างสม่ำเสมอ
ดวงวิญญาณที่มีพลังจะอยู่อย่างเป็นผู้เอาชนะมายาเสมอ และที่ใดมีความสุข
ที่นั่นก็มีชีวิต ชีวิตจะเป็นอย่างไรเมื่อไม่มีความสุข ในสถานการณ์เช่นนั้น
แม้ว่าลูกจะมีชีวิตก็เหมือนกับไม่มีชีวิต ในขณะที่มีชีวิตก็เหมือนกับตาย
ยิ่งลูกจดจำมรดกของลูกได้มากแค่ไหน ความสุขของลูกก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
ลูกมีความสุขอย่างสม่ำเสมอใช่หรือไม่?
มีเพียงกำมือเดียวจากหลายล้านที่ได้รับมรดกเช่นนั้น และลูกก็ได้รับสิ่งนั้น
อย่าได้สูญเสียสำนึกรู้นี้ ยิ่งมีการจดจำระลึกถึงมากเท่าไร
ก็จะมีการได้มาซึ่งการบรรลุผลมากตามนั้น มีการจดจำระลึกถึงอย่างสม่ำเสมอ
และมีความสุขของการได้มาซึ่งการบรรลุผลอย่างสม่ำเสมอ
บัพดาดาพบพวกกุมาร:
ชีวิตกุมารคือชีวิตที่มีพลัง ดังนั้นบราห์มากุมารหมายถึงมีพลังทางจิต
ไม่ใช่มีพลังทางร่างกาย แต่มีพลังทางจิต
ลูกสามารถทำอะไรก็ตามที่ลูกต้องการในชีวิตกุมารนี้
ดังนั้นลูกกุมารทั้งหมดได้สร้างปัจจุบันและอนาคตในชีวิตกุมารของลูก ลูกได้ทำอะไร?
ลูกได้ทำให้ชีวิตของลูกเป็นทางจิตวิญญาณ
เมื่อลูกมาเป็นบราห์มากุมารที่มีชีวิตของพระเจ้า
ลูกกลายเป็นผู้ที่มีชีวิตที่สูงส่งเช่นนั้น
ชีวิตของลูกกลับมาสูงส่งมากจนลูกก้าวออกไปจากความทุกข์,ความหลอกลวงและการเร่ร่อนไปทั่วตลอดเวลา
มิฉะนั้นแล้วกุมารที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายก็เฝ้าแต่เร่ร่อนไปทั่ว
พวกเขาเพียงแค่ต่อสู้กันทะเลาะกันให้ความทุกข์และหลอกลวงผู้อื่น
ดังนั้นลูกจึงได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยจากหลายสิ่งหลายอย่าง
เช่นเดียวกับที่ลูกได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัย
ลูกจึงมีความกระตือรือร้นที่จะช่วยผู้อื่นให้ปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ลูกคือผู้ที่ช่วยมิตรที่ทัดเทียมของลูกให้ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
ให้พลังที่ลูกได้รับแก่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน ลูกได้รับพลังที่ไม่มีขีดจำกัดใช่ไหม?
ดังนั้น ทำให้ทุกคนมีพลัง รับใช้ในขณะที่พิจารณาว่าตนเองเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่:ฉันเป็นผู้รับใช้
บาบากำลังทำให้ฉันทำสิ่งนั้นและฉันเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น
ลูกไม่ใช่ผู้ที่มีจิตสำนึกของ“ฉัน” ผู้ที่ไม่มีจิตสำนึกของ“ฉัน”เป็นผู้รับใช้ที่แท้จริง
บัพดาดาพบผู้ที่มีคู่:
ลูกดวงวิญญาณเป็นที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองตนเองอย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
การปกครองตนเองหมายถึง การมีสิทธิ์อย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่มีสิทธิ์ไม่มีวันพึ่งพิง
ถ้าลูกพึ่งพิงลูกไม่สามารถมีสิทธิ์ทั้งหมดได้ เมื่อเป็นเวลากลางคืนก็ไม่ใช่กลางวัน
และเมื่อเป็นเวลากลางวันก็ไม่ใช่กลางคืน ในทำนองเดียวกัน
ดวงวิญญาณที่มีสิทธิ์ทั้งหมดไม่สามารถจะพึ่งพิงประสาทสัมผัสทางร่างกาย,ผู้คนหรือความสะดวกสบายทางวัตถุได้
ลูกมีสิทธิ์เช่นนั้นหรือไม่? เมื่อลูกเป็นนายผู้ทรงพลังอำนาจ
สิ่งนั้นทำให้ลูกเป็นอะไร? เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งหมด
ดังนั้นด้วยการตระหนักรู้ที่ทรงพลังที่ลูกคือดวงวิญญาณผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองของตนเอง
ลูกก็จะเฝ้าแต่มีชัยชนะอย่างง่ายดาย
อย่าได้มีความคิดของความพ่ายแพ้แม้แต่เล็กน้อยแม้กระทั่งในความฝันของลูก
สิ่งนี้เรียกว่าการมีชัยชนะอย่างสม่ำเสมอ มายาวิ่งหนีไปหรือลูกขับไล่เธอไป?
ลูกขับไล่เธอไปจนถึงขนาดที่เธอจะไม่กลับมาอีกใช่ไหม?
เมื่อลูกไม่ต้องการให้ใครบางคนกลับมา
ลูกก็ปล่อยให้ผู้นั้นอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกลออกไป
ดังนั้นลูกขับไล่เธอให้ไปไกลๆหรือไม่?
พร:
ขอให้ลูกทำให้พ่อผู้เดียวเป็นโลกของลูกในชีวิตบราห์มิน
และกลายเป็นโยคีที่เป็นธรรมชาติและง่ายดาย
ลูกๆ
ทุกคนในชีวิตบราห์มินได้สัญญาว่าจะเป็นของพ่อผู้เดียวและไม่มีใครอื่น
เมื่อพ่อคือโลกของลูก เมื่อไม่มีใครอื่น
ลูกก็จะมีสภาพที่เป็นโยคีที่เป็นธรรมชาติและง่ายดายอย่างสม่ำเสมอ
หากมีคนอื่นลูกก็จะต้องเพียรพยายาม อย่าปล่อยให้สติปัญญาเร่ร่อนไปที่ใด
แต่ให้อยู่ตรงนั้น หากพ่อผู้เดียวคือทุกสิ่งของลูก
สติปัญญาของลูกก็ไม่สามารถไปที่อื่นได้
ด้วยวิธีนี้ลูกก็จะกลายเป็นโยคีที่ง่ายดายและเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองตนเองได้อย่างง่ายดาย
จะมีประกายของความผ่องแผ้วทางจิตบนใบหน้าของลูกที่มั่นคงและสม่ำเสมอ
คติพจน์:
การกลายเป็นอะแวคและปราศจากร่างเช่นเดียวกับพ่อคือข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติของการหล่อเลี้ยงที่อะแวค
ประกาศพิเศษ:
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่สามของวันโยคะสากล
ขอให้พี่น้องหญิงชายทุกคนพร้อมกับครอบครัวของคุณ ตั้งแต่เวลา 6.30 น. - 19.30 น.
ร่วมกันทำงานรับใช้ของการให้สะสกาชแห่งความสงบและพลังสู่ธรรมชาติและดวงวิญญาณทั้งหมด