19.12.19 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน เวลานี้ลูกกำลังศึกษาเพื่อจะกลับมาบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์
ลูกต้องศึกษาสิ่งนี้และสอนผู้อื่นด้วยเช่นกัน
คำถาม:
ด้วยการมีความรู้ใดที่คนในโลกยังคงมีความมืดของความไม่รู้?
คำตอบ:
ความรู้ของมายา ด้วยความรู้นี้ที่ทำให้การทำลายล้างเกิดขึ้น ผู้คนไปยังดวงจันทร์
พวกเขามีความรู้นั้นอย่างมาก แต่ไม่มีใครมีความรู้ของโลกใหม่และโลกเก่า
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในความมืดของความไม่รู้ หากปราศจากดวงตาที่สามของความรู้
พวกเขาทั้งหมดก็ตาบอด เวลานี้ลูกแต่ละคนกำลังได้รับดวงตาที่สามของความรู้
ลูกที่เต็มไปด้วยความรู้รู้ว่าพวกเขามีเพียงความคิดของการทำลายล้างอยู่ในสมองของพวกเขาเท่านั้น
แต่ลูกมีความคิดของการก่อตั้งอยู่ในสติปัญญาของลูกอย่างสม่ำเสมอ
โอมชานติ
พ่ออธิบายผ่านร่างนี้ ผู้นี้เรียกว่ามนุษย์
มีดวงวิญญาณในผู้นี้และพ่อมาและก็นั่งอยู่ภายในเขา
ก่อนอื่นลูกควรทำให้สิ่งนี้มั่นคง ผู้นี้คือดาด้า ลูกๆควรมีศรัทธานี้อย่างมั่นคง
ลูกต้องไตร่ตรองความรู้ด้วยศรัทธานี้
พ่อเองพูดว่าท่านเข้ามาในร่างของผู้นี้เมื่อเขาอยู่ในชาติเกิดสุดท้ายจากหลายชาติเกิดของเขา
ได้มีการอธิบายแก่ลูกๆ
ว่านี่คือความรู้ของกีตะที่สูงส่งที่สุดซึ่งเป็นเพชรพลอยของคัมภีร์ทั้งหมด
ศรีมัทหมายถึงคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติที่สูงส่ง
คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติที่สูงส่งที่สุดให้โดยพระเจ้าผู้เดียว
และด้วยการทำตามคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติที่สูงส่งของท่านที่ลูกจะกลายเป็นเทพ
พ่อเองพูดว่า พ่อมาเมื่อลูกได้กลับมาไม่บริสุทธิ์จากการทำตามการกำหนดที่คดโกง
ลูกต้องเข้าใจความหมายของ “การเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเทพ” ด้วยเช่นกัน
พ่อมาเพื่อเปลี่ยนมนุษย์ที่มีกิเลสให้กลายเป็นเทพที่ปราศจากกิเลส
เทพในยุคทองยังคงเป็นมนุษย์แต่พวกเขามีคุณธรรมที่สูงส่ง
ทุกคนในยุคเหล็กเวลานี้มีลักษณะนิสัยที่เป็นเช่นปีศาจร้าย โลกทั้งโลกคือโลกมนุษย์
อย่างไรก็ตามที่นี่ลูกมีสติปัญญาของพระเจ้าในขณะที่พวกเขามีสติปัญญาที่ชั่วร้าย
ที่นี่ลูกมีความรู้และที่นั่นพวกเขามีความเลื่อมใสศรัทธา
ความรู้และความเลื่อมใสศรัทธาแยกออกจากกัน
มีหนังสือมากมายของความเลื่อมใสศรัทธาแต่มีเพียงหนังสือเล่มเดียวของความรู้
สามารถมีหนังสือเล่มเดียวเท่านั้นของมหาสมุทรแห่งความรู้เดียวนี้
ทุกคนที่ก่อตั้งศาสนามีเพียงหนังสือเล่มเดียวที่เรียกว่าหนังสือศาสนาของพวกเขา
หนังสือศาสนาเล่มแรกคือ กีตะ ศาสนาแรกคือ ศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป
ไม่ใช่ศาสนาฮินดู
ผู้คนคิดว่าศาสนาฮินดูก่อตั้งขึ้นโดยผ่านกีตะและกฤษณะเป็นผู้ให้ความรู้ของกีตะ
เขาให้สิ่งนี้เมื่อไร? พวกเขาจะพูดว่า “ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์!”
คำพูดที่พูดโดยพระเช้าชีวาไม่ได้กล่าวถึงในคัมภีร์อื่นใด
เวลานี้ลูกเข้าใจแล้วว่าด้วยความรู้ของกีตะนี้ที่พ่อสอนเราว่ามนุษย์กลายเป็นเทพได้อย่างไร
สิ่งนี้เรียกว่าราชาโยคะโบราณของบารัต มันคือกีตะนี้ที่กล่าวว่า “ตัณหาราคะคือ
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” และศัตรูนี้ที่ทำให้ลูกได้พ่ายแพ้
พ่อสามารถทำให้ลูกเอาชนะกิเลสนั้นและด้วยเหตุนี้จึงเอาชนะโลกและกลายเป็นนายของโลก
พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดนั่งที่นี่และอธิบายผ่านผู้นี้ ท่านคือพ่อของทุกดวงวิญญาณ
ในขณะที่ผู้นี้เป็นพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดของมนุษย์ทั้งหมด ชื่อของเขาคือประชาบิดา
บราห์มา เมื่อลูกถามคนอื่นถึงชื่อของพ่อของบราห์มา พวกเขาก็สับสน บราห์มา วิษณุ
และชางก้าต้องมีพ่ออย่างแน่นอน บราห์มา วิษณุ
และชางก้าถูกแสดงให้เห็นว่าเป็นเทพในดินแดนที่ละเอียดอ่อน
ชีวาถูกแสดงไว้เหนือพวกเขา ลูกๆรู้ว่า ดวงวิญญาณ
ซึ่งเป็นลูกของชีพบาบานำร่างกายมาใช้ ในขณะที่ท่านคงอยู่อย่างเป็นพ่อสูงสุด
ดวงวิญญาณสูงสุดที่ไม่มีตัวตนเสมอ ดวงวิญญาณพูดผ่านร่างกายว่า: พ่อสูงสุด
นี่เป็นประเด็นที่ง่ายดายที่จะเข้าใจ! สิ่งนี้เรียกว่าการศึกษาของอัลฟ่าและเบต้า
ใครกำลังสอนลูก? ใครให้ความรู้ของกีตะ?
กฤษณะไม่สามารถเรียกว่าเป็นพระเจ้าได้เพราะเขาเป็นชีวิตที่มีร่างกาย
กฤษณะมีมงกุฎในขณะที่ชีว่าไม่มีตัวตนและไม่มีมงกุฎ ฯลฯ ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้
พ่อคือเมล็ดเป็นสิ่งที่มีชีวิต ลูกก็เป็นชีวิตที่มีชีวิตเช่นกัน ลูกรู้ถึงตอนต้น
ตอนกลาง และตอนจบของต้นไม้ทั้งหมด แม้ว่าลูกจะไม่ใช่คนทำสวน
แต่ลูกก็สามารถเข้าใจได้ว่าเมล็ดถูกเพาะหว่านอย่างไร
และต้นไม้ปรากฏออกมาจากเมล็ดอย่างไร
สิ่งเหล่านั้นเป็นเมล็ดที่ไม่มีชีวิตและผู้เดียวนั้นมีชีวิต
ดวงวิญญาณกล่าวได้ว่ามีชีวิต เพียงลูกดวงวิญญาณเท่านั้นที่มีความรู้นี้
ไม่มีดวงวิญญาณอื่นใดที่สามารถมีความรู้นี้
ดังนั้นพ่อคือเมล็ดที่มีชีวิตของต้นไม้โลกมนุษย์ นี่คือสิ่งสร้างที่มีชีวิต
เมล็ดทั้งหมดเหล่านั้นไม่มีชีวิต เมล็ดที่ไม่มีชีวิตไม่สามารถมีความรู้ใดๆ
ผู้เดียวนี้คือเมล็ดที่มีชีวิต ท่านคือผู้ที่มีความรู้ทั้งหมดของทั้งโลก
ท่านมีความรู้ทั้งหมดของการสร้าง การบำรุงรักษา และการทำลายของต้นไม้ทั้งหมด
ต้นไม้ใหม่ปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรเป็นเรื่องที่แฝงตัว
พ่อมาในลักษณะที่แฝงตัวและให้ความรู้นี้แก่ลูกอย่างแฝงตัว
ลูกรู้ว่าเวลานี้ต้นอ่อนกำลังถูกเพาะหว่าน ในปัจจุบันทุกคนกลับมาไม่บริสุทธิ์ อัจชะ
ใครจะเป็นใบแรกของต้นไม้นี้? กฤษณะเป็นใบแรกของยุคทอง
ลักษมีและนารายณ์จะไม่ถูกเรียกว่าสิ่งนั้น
ใบไม้ใหม่นั้นมีขนาดเล็กและจากนั้นก็เติบโต
ดังนั้นมีคำยกย่องอย่างมากของเมล็ดที่มีชีวิตนี้ ใบไม้อื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
แต่การยกย่องของพวกเขาก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เวลานี้ลูกจะกลายเป็นเทพ
สิ่งหลักคือเราต้องสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง เราต้องกลายเป็นเหมือนพวกเขา
มีภาพลักษณ์ของพวกเขาด้วยเช่นกัน หากไม่มีภาพลักษณ์เหล่านี้คงอยู่
เราจะเก็บรักษาความรู้นี้ไว้ในสติปัญญาของลูกได้อย่างไร?
รูปภาพเหล่านี้มีประโยชน์มาก
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธารูปภาพเหล่านี้ได้รับการกราบไว้บูชา
ในขณะที่ลูกในหนทางของความรู้ลูกได้รับความรู้นี้จากรูปภาพเหล่านั้นว่าลูกต้องกลับมาเป็นเช่นเดียวกับพวกเขาอย่างไร
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาลูกจะไม่เคยคิดเลยว่าลูกต้องกลับมาเป็นเช่นเดียวกับพวกเขา
มีการสร้างวัดมากมายในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา วัดที่ดีที่สุดสร้างไว้ให้แก่ใคร?
วัดเหล่านั้นสร้างให้แก่ชีพบาบาอย่างแน่นอน
และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะสร้างวัดให้กับสิ่งสร้างของท่าน
สิ่งสร้างแรกที่สุดคือลักษมีและนารายณ์
หลังจากชีวาก็เป็นลักษมีและนารายณ์ที่ได้รับกราบไหว้บูชามากที่สุด
ลูกผู้เป็นแม่ที่ให้ความรู้ไม่ได้รับการกราบไหว้บูชา ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียน
เป็นเพราะลูกกำลังศึกษาอยู่ลูกจึงไม่ได้รับการกราบไหว้บูชาในตอนนี้
เมื่อลูกเรียนจบแล้วแล้วและไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษานี้อีกต่อไปแล้วที่ลูกจะได้รับการกราบไหว้บูชา
เวลานี้ลูกกำลังกลับมาเป็นเทพ พ่อจะไม่เข้ามาในยุคทองเพื่อสอนลูก
การศึกษาเช่นนี้ไม่ได้มีอยู่ที่นั่น
การศึกษานี้เป็นไปเพื่อทำให้ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์กลับมาบริสุทธิ์
ลูกรู้ว่าผู้เดียวคือที่ทำให้ลูกบริสุทธิ์เหมือนพวกเขาได้รับการกราบไหว้บูชาก่อน
และจากนั้นลูกจะได้รับการกราบไหว้ตามลำดับกันไป จากนั้นเมื่อลูกลงมา
ลูกเริ่มกราบไหว้แม้กระทั่งวัตถุธาตุทั้งห้า
การกราบไหว้วัตถุธาตุทั้งห้าหมายถึงการกราบไหว้ร่างกายที่ไม่บริสุทธิ์
ลูกมีความรู้ในสติปัญญาว่ามีอาณาจักรของลักษมีและนารายณ์อยู่ทั่วทั้งโลก
เทพเหล่านั้นได้รับอาณาจักรของพวกเขาอย่างไรและเมื่อไร? ไม่มีใครรู้สิ่งนี้
พวกเขาพูดว่า “หลายแสนปี”
อะไรก็ตามที่มีอายุหลายแสนปีไม่สามารถนั่งอยู่ในสติปัญญาของผู้ใดได้
ดังนั้นพวกเขาพูดว่า สิ่งนี้คงอยู่มาเนิ่นนานตั้งแต่ครั้งบรรพกาล
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าหลายคนที่เป็นของศาสนาเทพได้เปลี่ยนไปสู่ศาสนาอื่น
ผู้ที่อยู่ในบารัตเรียกตนเองว่าฮินดู เพราะเมื่อพวกเขากลับมาไม่บริสุทธิ์
พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าถูกต้องที่จะเรียกตนเองว่าเป็นเทพ
อย่างไรก็ตามผู้คนไม่มีความรู้นี้ พวกเขาให้สมญาตนเองแม้กระทั่งสูงกว่าของเหล่าเทพ
แม้ว่าพวกเขาจะกราบไหว้รูปปั้นเทพที่บริสุทธิ์และก้มศีรษะคารวะพวกเขา
พวกเขาก็ไม่ได้พิจารณาตนเองว่าไม่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบารัต
พวกเขาก้มศีรษะคารวะต่อกุมารีอย่างมาก! พวกเขาไม่ได้คารวะกุมาร
พวกเขาคารวะผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
เพราะในเวลานี้ผู้เป็นแม่ได้รับน้ำทิพย์แห่งความรู้ก่อน พ่อเข้ามาในผู้นี้
ลูกก็เข้าใจด้วยเช่นกันว่าบราห์มาบาบานี้เป็นแม่น้ำแห่งความรู้ที่ยิ่งใหญ่
ท่านคือแม่น้ำแห่งความรู้และเป็นชายด้วยเช่นกัน
แม่น้ำพรหมบุตรเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดและหลอมรวมกับมหาสมุทรในกัลกัตตา การพบปะ(เมล่า)เกิดขึ้นที่นั่น
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่านี่คือการพบปะของดวงวิญญาณสูงสุดกับดวงวิญญาณทั้งหมด
แม่น้ำนั้นเรียกว่าพรหมบุตร เพราะว่าพวกเขาเรียกบราห์มว่าเป็นพระเจ้า
พวกเขาจึงเชื่อว่าแม่น้ำพรหมบุตรนั้นบริสุทธิ์
อันที่จริงแล้วคงคาไม่สามารถเป็นผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้
การพบปะที่นี่เป็นของมหาสมุทรและแม่น้ำบราห์มา พ่อพูดว่า
ผู้นี้ซึ่งถูกนำมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมซึ่งไม่ใช่ผู้หญิง
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ลึกล้ำมากที่ต้องเข้าใจ และจากนั้นก็จะหายไป
ต่อมามนุษย์ก็สร้างคัมภีร์ ฯลฯ บนพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้
ในตอนแรกพวกเขามีม้วนกระดาษที่เขียนด้วยมือและต่อมาพวกเขาก็พิมพ์หนังสือขนาดใหญ่มาก
พวกเขาไม่ได้มีโคลงกลอนภาษาสันสกฤต ฯลฯ นี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
พ่อสอนราชาโยคะแก่ลูกโดยผ่านผู้นี้ จากนั้นโลกนี้จะถูกทำลาย
จะไม่มีคัมภีร์ใดเหล่านั้นหลงเหลืออยู่เลย คัมภีร์เหล่านั้น ฯลฯ
จะถูกสร้างขึ้นอีกครั้งในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
ผู้คนคิดว่าคัมภีร์เหล่านั้นคงอยู่มาตั้งแต่ตอนต้นของเวลา
สิ่งนั้นเรียกว่าความมืดของความไม่รู้
เวลานี้บาบากำลังสอนลูกซึ่งลูกจะเข้ามาสู่ความสว่าง
ทุกคนในยุคทองเป็นหนทางของครอบครัวที่บริสุทธิ์
ในยุคเหล็กพวกเขาเป็นของหนทางครอบครัวที่ไม่บริสุทธิ์
สิ่งนี้ก็เป็นไปตามละครด้วยเช่นกัน ต่อมามีหนทางแห่งความสันโดษด้วยเช่นกัน
และที่เรียกว่าศาสนาของการสละละทิ้ง (ซันยาส) เพราะพวกเขาไปและอาศัยอยู่ในป่า
นั่นคือการสละละทิ้งที่มีขีดจำกัด พวกเขายังคงอาศัยอยู่ในโลกเก่านี้
เวลานี้ลูกกำลังไปสู่โลกใหม่
ลูกแต่ละคนได้รับดวงตาที่สามของความรู้จากพ่อและดังนั้นลูกจึงกลับมาเต็มไปด้วยความรู้
ไม่สามารถมีความรู้ใดที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
นั่นคือความรู้ของมายาซึ่งการทำลายล้างเกิดขึ้น
ผู้คนเหล่านั้นไปและทำวิจัยบนดวงจันทร์ นั่นไม่มีอะไรใหม่สำหรับลูก
ทั้งหมดนั้นคือความเอิกเกริกของมายา พวกเขาแสดงความโอ้อวดอย่างมาก
และไปในระยะไกลมากเพื่อแสดงความอัศจรรย์บางอย่าง
โดยการแสดงความอัศจรรย์อย่างยิ่งพวกเขาก็สร้างความสูญเสีย
พวกเขาเพียงมีความคิดของการทำลายล้างในสมองของพวกเขา
แค่มองดูสิ่งที่พวกเขายังคงทำต่อไป!
ผู้ที่ทำสิ่งนี้รู้ว่าโลกกำลังจะถูกทำลายโดยพวกเขา พวกเขายังคงทดสอบทุกสิ่งต่อไป
มีคำกล่าวว่า ในขณะที่แมวสองตัวต่อสู้กันแมวตัวที่สามได้กินเนย
เรื่องราวสั้นมากแต่การละเล่นนั้นยาวมาก ชื่อของพวกเขาได้รับการยกย่อง
การทำลายล้างถูกกำหนดไว้ให้เกิดขึ้นโดยผ่านพวกเขา
บางคนต้องกลายเป็นเครื่องมือสำหรับสิ่งนั้น
ชาวคริสต์เชื่อว่าสวรรค์มีอยู่จริงแต่พวกเขาเองไม่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้น
และไม่มีผู้คนของชาวอิสลามและชาวพุทธเช่นกัน
อย่างไรก็ตามชาวคริสต์มีความเข้าใจดีกว่า
ผู้คนชาวบารัตพูดว่าศาสนาเทพคงอยู่มาหลายแสนปีมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาเป็นบุดดู
พ่อมาในบารัตเท่านั้นและทำให้ผู้ที่ไม่รู้คิดที่สุดกลายเป็นผู้ที่รู้คิดที่สุด
อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นเพียงเมื่อลูกจดจำท่านเท่านั้น!
บาบาอธิบายทุกสิ่งแก่ลูกอย่างง่ายดายมาก!
จดจำพ่อและสติปัญญาของลูกจะกลายเป็นภาชนะทองคำและลูกจะสามารถสร้างสมความรู้นี้ได้อย่างดีมาก
ด้วยการอยู่ในการจาริกแสวงบุญแห่งการจดจำระลึกถึงเท่านั้นที่บาปของลูกจะถูกตัดออกไป
เมื่อลูกไม่ฟังมุรลีความรู้ก็จะหายไปจากสติปัญญาของลูก เพราะพ่อมีความเมตตา
ท่านบอกลูกถึงวิธีที่จะยกระดับตนเองให้สูงขึ้น
ท่านยังคงสอนลูกต่อไปจนถึงเวลาสุดท้าย อัจชะ วันนี้เป็นวันออฟเฟอร์โบ้ก
เพียงแค่ออฟเฟอร์โบ้กและกลับมาอย่างรวดเร็ว! การไปสวรรค์และมีนิมิตของเทพ ฯลฯ
นั้นไร้ประโยชน์
ลูกต้องมีสติปัญญาที่ลึกล้ำและละเอียดอ่อนมากเพื่อที่จะเข้าใจสิ่งนี้
พ่อพูดโดยผ่านรถม้านี้ว่า จดจำพ่อ! พ่อเท่านั้นคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ พ่อของลูก
สำนวนที่ว่า “ฉันรับประทานกับท่าน ฉันนั่งกับท่าน” ใช้กับเวลานี้
สิ่งนี้เกิดขึ้นที่นั่นได้อย่างไร? อัจชะ
ถึง ลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
พ่อเข้ามาในดาด้าผู้นี้และให้ความรู้ของกีตะแก่ลูกเพื่อเปลี่ยนลูกจากมนุษย์ให้เป็นเทพ
นั่นคือ จากมนุษย์ที่มีกิเลสเป็นมนุษย์ที่ปราศจากกิเลส
ดังนั้นจงเคลื่อนไปด้วยศรัทธานี้อย่างสม่ำเสมอ
ทำตามศรีมัทและกลับมาสูงส่งและมีคุณธรรม
2. ทำให้สติปัญญาของลูกเป็นภาชนะทองคำด้วยการจาริกแสวงบุญแห่งการจดจำระลึกถึง
เก็บความรู้นี้ไว้ในสติปัญญาของลูกอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับสิ่งนี้ลูกต้องฟังและศึกษามุรลีอย่างแน่นอน
พร:
ขอให้ลูกมีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกสำหรับตัวลูกเองและมีความคิดเกี่ยวกับความรู้และความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกสำหรับผู้อื่นโดยอยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดใด
ๆ ของความเจ็บป่วยทางร่างกาย
หนึ่งคือการมีความเจ็บป่วยของร่างกายและอีกหนึ่งคือการมีความสั่นคลอนจากความเจ็บป่วยนั้น
นี่เป็นชะตาของความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นมา
แต่สำหรับสภาพที่สูงส่งของลูกที่มีความสั่นคลอนนั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลูกถูกผูกด้วยบ่วงพันธะนั้น
ผู้ที่อยู่อย่างเป็นอิสระจากความคิดของความเจ็บป่วยทางกายใดๆและมีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกสำหรับตนเองและความคิดของความรู้คือผู้ที่มีความคิดที่บริสุทธิ์และเป็นบวกสำหรับผู้อื่น
โดยการคิดเกี่ยวกับธรรมชาติมากเกินไปทำให้ลูกกังวล
การเป็นอิสระจากบ่วงพันธะนี้เรียกว่าสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
คติพจน์:
พลังแห่งความรักทำให้ปัญหาที่ใหญ่เท่าภูเขากลับมาเบาราวกับน้ำ