16.06.19 Avyakt Bapdada Thai Murli
12.12.84 Om Shanti Madhuban
หน้าที่ของดวงวิญญาณพิเศษ
วันนี้
พ่อผู้ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจได้มาพบกับลูกๆที่มีความสุขในหัวใจของพ่อ
ทั่วทั้งโลกมีเพียงลูกเท่านั้นที่มีความสุขอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนที่เหลือทั้งหมดในบางครั้งก็ประสบกับความทุกข์และความเจ็บปวดในหัวใจของพวกเขาจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ลูกๆของพ่อผู้ขจัดความเจ็บปวดออกจากหัวใจ,ผู้ขจัดความทุกข์และผู้ประทานความสุข
เป็นตัวของความสุข
จากหัวใจของผู้อื่นจะปรากฏเสียงแห่งความทุกข์ของความเจ็บปวดในหัวใจของพวกเขา
ในขณะที่ในหัวใจของลูกๆทุกคนที่มีหัวใจแห่งความสุขจะมีเสียง “ว้าว! ว้าว!”
ปรากฏออกมา เช่นเดียวกับที่ร่างกายมีความเจ็บปวดหลายประเภทมากมาย ในทำนองเดียวกัน
ดวงวิญญาณมนุษย์ในทุกวันนี้ก็มีความเจ็บปวดมากมายหลายประเภทแตกต่างกันในหัวใจ
บางครั้งมีความเจ็บปวดของความทุกข์ทรมานของกรรมผ่านร่างกาย
บางครั้งมีความเจ็บปวดของการสัมผัสกับความทุกข์ในความสัมพันธ์และสายใย
บางครั้งเมื่อพวกเขาได้รับทรัพย์สมบัติมากมายหรือทรัพย์สมบัติของเขาลดลงก็จะมีความเจ็บปวดของความวิตกกังวลในสถานการณ์ทั้งสอง
บางครั้งก็จะมีความเจ็บปวดที่ได้รับผ่านจากภัยพิบัติธรรมชาติ
ด้วยวิธีนี้จากความเจ็บปวดหนึ่งความเจ็บปวดประเภทอื่นมากมายจึงเกิดขึ้น
ทั้งโลกได้กลายเป็นโลกที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์
ในช่วงเวลาเช่นนั้น หน้าที่ของลูกคืออะไร ลูกให้ความสุขเป็นตัวของความสุขหรือไม่?
จงปลดปล่อยทุกคนจากหนี้ของความเจ็บปวดและความทุกข์ของชาติเกิดแล้วชาติเกิดเล่า
หนี้เก่าเหล่านั้นได้กลายเป็นโรคภัยแห่งความเจ็บปวดและความทุกข์
ในเวลาเช่นนั้นเป็นหน้าที่ของลูกทุกคนที่จะกลายเป็นผู้ให้
และไม่ว่าดวงวิญญาณจะมีหนี้ของโรคภัยใด
จงเติมดวงวิญญาณนั้นด้วยการบรรลุผลที่ขาดหายไป
ดวงวิญญาณที่มีความเจ็บปวดและความทุกข์ที่เกิดจากความทุกข์ทรมานของร่างกายอันเป็นผลที่มาจากการกระทำของพวกเขาสามารถจบลงได้ด้วยความทุกข์ทรมานนั้นโดยการเป็นคาร์มาโยคีและมีคาร์มาโยคะ
ในทำนองเดียวกันลูกต้องให้ทานที่ยิ่งใหญ่ของการได้มาซึ่งการบรรลุผลของพลังสำหรับพวกเขาที่จะกลายเป็นคามาโยคี
ให้สิ่งนี้แก่พวกเขาอย่างเป็นพร เพราะพวกเขาเป็นหนี้
นั่นคือพวกเขาไม่มีพลังและว่างเปล่า
แบ่งปันพลังของคามาโยคะของลูกกับดวงวิญญาณเช่นนั้น
เครดิตบัญชีของพวกเขาด้วยบางสิ่งบางอย่างจากบัญชีของลูก
และแล้วเมื่อนั้นพวกเขาก็จะสามารถเป็นอิสระจากโรคภัยของหนี้สินได้
เป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่ลูกได้เป็นทายาทโดยตรงของพ่อและได้สะสมมรดกแห่งพลังทั้งหมด
ดังนั้นเวลานี้จงให้ทานจากบัญชีออมทรัพย์ของลูกด้วยหัวใจที่กว้างใหญ่
และแล้วเมื่อนั้นลูกจึงจะสามารถจบสิ้นความทุกข์ทรมานของความเจ็บปวดในหัวใจของพวกเขาได้
เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายใกล้เข้ามา
ดังนั้นพลังของความเลื่อมใสศรัทธาของดวงวิญญาณทั้งหมดกำลังจะสิ้นสุดลง
อย่างน้อยดวงวิญญาณราโจกุนีในยุคทองแดงก็ยังคงมีพลังของการให้ทาน,ทำบุญและการกราบไหว้บูชาที่พวกเขาได้สะสมมาในบัญชีของพวกเขา
เหตุนี้เองพวกเขาจึงมีความสงบไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งสำหรับการดำเนินชีวิตของดวงวิญญาณของพวกเขา
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ดวงวิญญาณทาโมกุนีก็ว่างเปล่าแม้กระทั่งความสุขชั่วคราวใดๆสำหรับการดำเนินชีวิตของดวงวิญญาณ
นั่นคือพวกเขากลับมาว่างเปล่าหลังจากที่ได้รับผลของการกราบไหว้บูชาของพวกเขา
เวลานี้การกราบไหว้ในเป็นเพียงแต่ชื่อเท่านั้น การกราบไหว้เช่นนั้นจะไม่ให้ผลใดๆ
กับลูก ต้นไม้ของการกราบไหว้เวลานี้ได้เติบโตเต็มที่แล้ว
แน่นอนต้นไม้มีความสวยงามของสีสันที่หลากหลายแต่เพราะต้นไม้นั้นไร้พลัง
จึงไม่ได้รับผล
เช่นเดียวกับที่ต้นไม้ทางกายภาพเติบโตเต็มที่และมาถึงสภาพที่เสื่อมโทรมที่สุด
จึงไม่สามารถจะให้ผลได้แต่จะเป็นเพียงต้นไม้ที่ให้ร่มเงา
ในทำนองเดียวกันต้นไม้ของการกราบไหว้บูชาแน่นอนก็ให้ร่มเงาด้วยการทำให้หัวใจของพวกเขามีความสุข
“เราได้ยอมรับกูรูและเราจะได้รับการหลุดพ้น เราไปจาริกแสวงบุญ ให้ทาน ทำบุญ
และดังนั้นเราจะได้มาซึ่งการบรรลุผลบางสิ่ง “เวลานี้สิ่งเหล่านั้นที่คงเหลืออยู่เป็นเพียงร่มเงาของความยั่วยวนที่จะทำให้หัวใจของพวกเขามีความสุข
“ถ้าไม่ใช่เวลานี้แล้วเราก็จะได้รับสิ่งนั้นในอนาคต “ผู้เลื่อมใสศรัทธาที่ไร้เดียงสาและน่าสงสารกำลังพักพิงอยู่ในร่มเงานี้
แต่พวกเขาไม่มีผลใดๆ
เหตุนี้เองบัญชีของทุกคนในการดำรงชีวิตของดวงวิญญาณจึงว่างเปล่า
ในช่วงเวลาเช่นนั้นหน้าที่ของลูกดวงวิญญาณที่เปี่ยมล้นจะต้องให้ส่วนแบ่งของความกล้าหาญแก่พวกเขาจากบัญชีสะสมของลูกและกระตุ้นให้กำลังใจพวกเขา
ลูกได้สะสมไว้แล้วหรือลูกเพียงแค่หารายได้ให้เพียงพอสำหรับตนเองและใช้จนหมดหรือไม่?
หากลูกเพียงแค่หารายได้ให้เพียงพอเพื่อตนเองและใช้สิ่งนั้นจนหมด
นั่นไม่ได้เรียกว่าเป็นราชาโยคี
นั่นไม่เรียกว่าเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองตนเอง
คลังสมบัติของราชาจะอยู่อย่างเต็มเปี่ยมอย่างสม่ำเสมอ
ราชามีความผิดชอบที่จะดูแลผู้คนของเขา
ผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองตนเองหมายถึงผู้ที่เต็มไปด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
หากลูกไม่เต็มเปี่ยมอย่างสมบูรณ์ด้วยสมบัติที่มีค่าแล้วลูกก็จะเป็นประชาโยคี,ไม่ใช่ราชาโยคี
ปวงประชาเพียงแค่หารายได้แล้วก็ใช้จนหมด
ปวงประชาที่มั่งคั่งอาจจะเก็บไว้เล็กน้อยจากที่เขาได้สะสมไว้
แต่ราชาเป็นนายแห่งสมบัติที่มีค่า
ดังนั้นราชาโยคีหมายถึงดวงวิญญาณที่ผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองตนเอง
ผู้ที่มีบัญชีของการสะสมของสมบัติที่มีค่าใดๆไม่สามารถกลับมาว่างเปล่าได้
ดังนั้นตรวจสอบตนเองว่าสมบัติที่มีค่าของลูกเต็มเปี่ยมหรือไม่?
ลูกๆแต่ละคนของผู้ประทานรู้สึกว่าลูกต้องการที่จะให้กับทุกคนหรือลูกเพียงแค่สูญหายไปกับตนเองเท่านั้น?
ลูกใช้เวลาของลูกไปกับการหล่อเลี้ยงตนเองหรือไม่?
หรือเวลาและสมบัติที่มีค่าที่เต็มเปี่ยมของลูกเป็นไปเพื่อการหล่อเลี้ยงผู้อื่นหรือไม่?
ผู้ที่นำสันสการ์ของการหล่อเลี้ยงทางจิตจากที่นี่ในยุคบรรจบพบกันไปก็สามารถกลายเป็นราชาของโลกในอนาคตผู้ที่จะหล่อเลี้ยงปวงประชา
ตราประทับของการเป็นราชาหรือปวงประชาจะประทับที่นี่และสถานภาพจะได้รับที่นั่น
ถ้าตราประทับไม่ได้ประทับที่นี่ก็จะไม่มีสถานภาพที่นั่น
ยุคบรรจบพบกันจึงเปรียบเสมือนสำนักงานออกตราประทับ
ตราประทับนั้นจะได้รับจากพ่อและครอบครัวบราห์มิน
ดังนั้นจงตรวจสอบตนเองอย่างระมัดระวัง ตรวจสอบสต็อกของลูก
อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ลูกขาดสิ่งหนึ่งในเวลานั้นและมีการคดโกงที่จะกลับมาเต็ม
เมื่อลูกสะสมสต็อกทางกายภาพและมีการรวบรวมของชำทั้งหมดแต่ขาดกล่องไม้ขีดเล็กๆ
ลูกจะทำอะไรกับเมล็ดข้าวนั้น แม้ว่าลูกจะมีการได้มาซึ่งการบรรลุผลมากมายนับไม่ถ้วน
แต่การขาดหนึ่งสิ่งก็สามารถคดโกงลูกได้
ในทำนองเดียวกันหากมีสิ่งใดขาดหายไปลูกจะถูกโกงสิทธิ์ในการรับตราประทับของความสมบูรณ์พร้อม
อย่าคิดว่าฉันมีพลังของการจดจำระลึกถึงและดังนั้นถ้าขาดคุณธรรมหนึ่งไปก็ไม่เป็นไร
พลังของการจดจำระลึกถึงนั้นยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่ดีและเป็นอันดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแทนที่ลูกจะสอบผ่านอย่างเต็มที่
หากลูกขาดแม้แต่คุณธรรมเดียวลูกก็จะสอบตก อย่าคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องเล็ก
ความสำคัญและความสัมพันธ์ของแต่ละคุณธรรมนั้นเป็นบัญชีที่ลึกซึ้ง
บาบาจะบอกลูกเกี่ยวกับสิ่งนี้ในเวลาอื่น
วันนี้ บาบามาเตือนลูกเป็นพิเศษว่าหน้าที่ของดวงวิญญาณพิเศษคืออะไร ลูกเข้าใจไหม?
ในเวลานี้ผู้มาจากเดลีเมืองหลวงมาที่นี่
และดังนั้นบาบาจะบอกลูกเกี่ยวกับสิ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ในอาณาจักร
ลูกจะไม่ได้รับประสาทราชวังในอาณาจักรอะไรอย่างนั้น!
ลูกต้องให้การหล่อเลี้ยงและสร้างปวงประชา
ผู้ที่มาจากเดลีต้องมีการเตรียมการอย่างสุดกำลัง
ลูกต้องการที่จะอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักร ลูกไม่ต้องการที่จะออกไปไกลๆ ใช่ไหม?
แม้กระทั่งเวลานี้ ผู้ที่มาจากกุจราชก็อยู่ด้วยกัน
ลูกอยู่ด้วยกันในมธุบันในยุคบรรจบพบกัน และดังนั้นลูกจะอยู่ด้วยกันในอาณาจักรใช่ไหม?
ลูกมีความคิดที่มุ่งมั่นที่จะอยู่ด้วยกันใช่ไหม? กลุ่มที่สามคือกลุ่มอินดอร์
อินดอร์หมายถึงผู้ที่อยู่ที่บ้าน ดังนั้น ลูกๆ
ที่มาจากโซนอินดอร์จะคงอยู่ในบ้านของอาณาจักรใช่ไหม? แม้กระทั่งเวลานี้
ลูกก็เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านแห่งหัวใจของพ่อ
ดังนั้นลูกทั้งสามโซนมีบางสิ่งที่เหมือนกันในแง่ของความใกล้ชิด
จงเฝ้าแต่ทำให้เส้นโชคของลูกชัดเจนอย่างสม่ำเสมอในลักษณะนี้และขยายต่อไป อัจชะ
ถึงผู้ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ของพวกเขาอย่างเต็มที่เสมอ
ถึงผู้ที่ขจัดความเจ็บปวดของผู้อื่นด้วยสันสการ์ของการเป็นผู้ให้ที่สูงส่ง
ถึงผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจในการปกครองตนเองและให้การหล่อเลี้ยงทางจิตเสมอ
ถึงผู้ที่ทำให้คลังสมบัติของสมบัติที่มีค่าทั้งหมดเต็มเปี่ยม
ถึงนายของผู้ให้และผู้ประทานพร ถึงดวงวิญญาณราชาโยคีที่สูงส่ง ด้วยความรัก ระลึกถึง
และนมัสเต จากบัพดาดา
อะแวคบัพดาดาพบกลุ่มต่างๆ:
1.
ลูกแต่ละคนมีประสบการณ์ว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณที่มั่นคงบนที่นั่งของผู้สังเกตการณ์ที่ละวางอย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
สภาพของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางเป็นที่นั่งที่สูงส่งที่สุดและดีที่สุด
การทำและการเห็นทุกสิ่งในขณะที่นั่งอยู่บนที่นั่งนี้เป็นความสุขอย่างยิ่ง
เมื่อที่นั่งดีลูกก็จะเพลิดเพลินบนที่นั่งนั้น
ถ้าที่นั่งไม่ดีลูกก็จะไม่เพลิดเพลินที่จะนั่งบนนั้น
ที่นั่งของผู้สังเกตการณ์ที่ละวางนี้เป็นที่นั่งที่สูงส่งที่สุด
ลูกนั่งบนที่นั่งนี้อยู่เสมอหรือไม่? ในทางโลกพวกเขาวิ่งไล่ตามที่นั่ง
ลูกได้รับที่นั่งที่ดีเช่นนั้นแล้ว ไม่มีใครสามารถนำลูกออกไปจากที่นั่งนี้ได้
ผู้คนเหล่านั้นก็หวาดกลัวว่าแม้ว่าเขาจะมีที่นั่งในวันนี้
แต่เขาอาจจะไม่มีที่นั่งนั้นในวันพรุ่งนี้ ลูกมีที่นั่งที่ไม่ดับสูญ
และดังนั้นลูกสามารถนั่งอยู่บนที่นั่งโดยไม่มีความกลัว
ดังนั้นลูกจะอยู่บนที่นั่งของการเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางตลอดเวลาหรือไม่?
ผู้ที่อารมณ์เสียไม่สามารถนั่งอยู่ได้ จงนั่งอยู่บนที่นั่งนี้อย่างสม่ำเสมอ
นี่เป็นที่นั่งที่แสนสบายเช่นนั้นที่ลูกสามารถมองเห็นและสัมผัสประสบการณ์กับสิ่งใดก็ตามที่ลูกต้องการ
2.
ลูกพิจารณาตนเองว่าเป็นดวงวิญญาณพิเศษผู้ที่เป็นหนึ่งกำมือจากหลายๆล้านคนในทั้งโลกและเป็นผู้ที่โชคดีเพียงไม่กี่คนจากกำมือเดียวนั้นหรือไม่?
คำสรรเสริญที่ว่าเพียงกำมือเดียวจากหลายล้านคนเป็นของพ่อและใช้กับลูกเช่นกัน
ลูกมีความสุขนี้อย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
ดวงวิญญาณมากมายในโลกกำลังเพียรพยายามที่จะพบพ่อในขณะที่ลูกได้พบพ่อแล้ว
การเป็นของพ่อหมายถึงการได้บรรลุถึงท่าน
โลกกำลังเสาะแสวงหาท่านในขณะที่ลูกเวลานี้เป็นของท่าน
มีความแตกต่างอย่างมากมายระหว่างการได้มาซึ่งการบรรลุผลในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาและในหนทางของความรู้
ความรู้คือการศึกษาเล่าเรียน ความเลื่อมใสศรัทธาไม่ใช่การศึกษาเล่าเรียน
นั่นเป็นความบันเทิงเพียงชั่วคราวทางจิต
ในขณะที่ความรู้นั้นเป็นเครื่องมือสำหรับการได้มาซึ่งการบรรลุผลอย่างถาวร
ดังนั้นจงอยู่ในสำนึกรู้นี้เสมอและทำให้ผู้อื่นมีพลัง
สิ่งที่ลูกไม่เคยคาดคิดมาก่อนลูกก็ได้มาซึ่งสิ่งนั้นในทางปฏิบัติ
พ่อได้พาลูกๆจากทั่วทุกมุมและทำให้พวกเขาเป็นของพ่อ ดังนั้นจงอยู่ในความสุขนี้
ลูกทุกคนมีประสบการณ์ว่าตนเองเป็นของพ่อผู้เดียวและทำตามหนทางของผู้เดียวหรือไม่?
ลูกอยู่อย่างมั่นคงในสภาพนี้อย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
เมื่อลูกมีพ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อลูกไม่มีคนอื่น
สภาพของลูกจะสม่ำเสมออย่างง่ายดาย ลูกมีประสบการณ์นี้หรือไม่? เมื่อลูกไม่มีใครเลย
สติปัญญาของลูกจะไปที่ใด? ไม่มีที่ว่างสำหรับสติปัญญาที่จะที่ไปที่ใด
มีแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ใดที่มีสองสิ่งหรือสี่สิ่ง
ที่นั้นก็จะมีพื้นที่สำหรับลูกให้คิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น
แต่เมื่อมีเพียงหนทางเดียวลูกจะไปที่ไหน? ดังนั้น
ที่นี่วิธีที่ง่ายดายที่จะแสดงหนทางก็คือการเป็นของพ่อผู้เดียว การมีหนทางเดียว
มีสภาพที่สม่ำเสมอและมีครอบครัวเดียว
ดังนั้นจดจำผู้เดียวอย่างสม่ำเสมอแล้วลูกก็จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง
ทั้งหมดที่ลูกจะต้องทำคือการรู้จักบัญชีของผู้เดียวนี้ ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
เมื่อลูกมีการจดจำระลึกถึงผู้เดียว ลูกก็จะอยู่กับท่านเสมอ ไม่ได้อยู่ห่างไกล
เมื่อลูกมีพ่อเป็นมิตรร่วมทางลูกก็จะไม่มีมิตรที่เป็นมายา
เมื่อลูกได้ก้าวห่างออกไปจากพ่อ มายาก็จะเข้ามา มายาจะไม่มาเพียงแค่นั้น
อย่าได้ก้าวออกไปแล้วมายาก็จะไม่มา มีความสำคัญในคำว่าผู้เดียว
บัพดาดาพบกึ่งกุมาร:
ในขณะที่อาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูก ลูกมีทัศนคติทางจิตหรือไม่?
ลูกแต่ละคนสัมผัสกับตนเองว่าอยู่เหนือชีวิตของการเป็นผู้ครองเรือนและมีชีวิตอยู่อย่างเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์หรือไม่?
ผู้ดูแลผลประโยชน์หมายถึงการมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ
ในขณะที่ผู้ที่ครองเรือนหมายถึงผู้ที่มีความทุกข์อยู่เสมอ ลูกคือใคร? มีความสุขเสมอ
ขณะนี้ลูกได้ออกไปจากโลกแห่งความทุกข์แล้ว ลูกได้ออกไปจากสิ่งนั้นแล้ว
ขณะนี้ลูกอยู่โลกแห่งความสุขของยุคบรรจบพบกัน ลูกคือผู้ที่ครองเรือนทางจิต
ไม่ใช่ครองเรือนทางโลก ให้มีทัศนคติทางจิตและสายตาทางจิตระหว่างลูกๆด้วยเช่นกัน
สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์คือ
การมีความละวางและมีความรักต่อพ่ออย่างสม่ำเสมอ
หากลูกไม่มีความรักและละวางลูกก็ไม่ใช่ผู้ดูแลผลประโยชน์
ชีวิตของผู้ครองเรือนหมายถึงชีวิตที่มีบ่วงพันธะ
ชีวิตของผู้ดูแลผลประโยชน์นั้นเป็นอิสระจากบ่วงพันธะ
โดยการกลายเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ บ่วงพันธะของลูกทั้งหมดจะจบสิ้นลงอย่างง่ายดาย
เมื่อลูกเป็นอิสระจากบ่วงพันธะลูกจะมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ
คลื่นแห่งความทุกข์ไม่สามารถมาหาดวงวิญญาณเช่นนั้นได้ ถ้าลูกมีความคิดว่า “นี่เป็นบ้านของฉัน
ครอบครัวของฉัน งานของฉัน” แล้วสำนึกรู้นั้นก็เชื้อเชิญมายา ดังนั้นจงเปลี่ยนคำว่า
“ของฉัน” เป็น “ของท่าน” เมื่อลูกพูดว่า “ของท่าน” ความทุกข์ก็จบสิ้นลง การพูดว่า “ของฉัน”
หมายถึงความสับสน การพูดว่า “ของท่าน” หมายถึงการอยู่ในความสุข
หากลูกไม่อยู่ในความสุขเวลานี้แล้วลูกจะอยู่ในความสุขเมื่อไหร่?
ยุคบรรจบพบกันเป็นยุคแห่งความสุข ดังนั้นจงอยู่อย่างมีความสุขเสมอ
อย่าได้มีการสูญเสียใดๆ แม้กระทั่งในความฝันหรือในความคิดของลูก
ลูกได้สูญเสียทุกสิ่งมาครึ่งวงจร เวลาสำหรับการสูญเสียขณะนี้ได้จบลงแล้ว
ขณะนี้เป็นเวลาของการหารายได้ ยิ่งลูกอยู่อย่างมีพลังมากเท่าไหร่
ลูกก็สามารถสะสมได้มากตามนั้น
จงสะสมให้มากพอที่ลูกจะสามารถรับประทานอย่างสบายจากสิ่งนั้นเป็นเวลาถึง 21 ชาติเกิด
มีสต็อกมากมายที่ลูกสามารถให้กับผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน เพราะลูกเป็นลูกของผู้ให้
ยิ่งลูกสะสมมากแค่ไหน แน่นอนลูกก็จะมีความสุขมากตามนั้น
หลุดหายอยู่ในห้วงแห่งความรักของการเป็นของพ่อผู้เดียวและไม่มีผู้อื่นเสมอ
ที่ใดมีความรักจะไม่มีอุปสรรคคงอยู่ เมื่อมีกลางวันก็จะไม่มีกลางคืน
และเมื่อมีกลางคืนก็จะไม่มีกลางวัน ดังนั้นก็เหมือนกันกับความรักและอุปสรรค
ความรักมีพลังมากที่จะเผาอุปสรรคทั้งหมด
ลูกคือดวงวิญญาณที่มีความรักเช่นนั้นที่ลูกเป็นอิสระจากอุปสรรค
ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่โตแค่ไหน แม้ว่ามายาจะมาเป็นอุปสรรค
ผู้ที่มีความรักจะเอาชนะอุปสรรคนั้นได้อย่างง่ายดายเหมือนกับดึงเส้นผมออกจากเนย
ความรักจะทำให้ลูกได้สัมผัสประสบการณ์ของการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด ที่ใดมีพ่อ
ที่นั้นมีการได้มาซึ่งการบรรลุผลอย่างแน่นอน
สมบัติที่มีค่าของพ่อคือสมบัติที่มีค่าของลูกๆ
บัพดาดาพบผู้เป็นแม่:
ลูกคือกองทัพชักตีใช่ไหม? ลูกผู้เป็นแม่ได้กลายเป็นแม่ของโลก
ลูกไม่ได้เป็นแม่ที่มีขีดจำกัดอีกต่อไป จงพิจารณาว่าตนเองเป็นแม่ของโลกเสมอ
ลูกไม่ได้เป็นผู้ที่ติดกับอยู่ในครัวเรือนที่มีขีดจำกัด
ลูกคือผู้ที่อยู่อย่างมีความสุขในงานรับใช้ที่ไม่มีขีดจำกัดอย่างสม่ำเสมอ
พ่อได้ให้สถานภาพที่สูงส่งเช่นนั้นแก่ลูก
ท่านได้เปลี่ยนลูกจากการเป็นสาวใช้ให้เป็นมงกุฎบนศีรษะของท่าน ว้าว !
โชคที่สูงส่งของฉัน ! เท่านั้นเอง เฝ้าแต่ร้องเพลงนี้
นี่เป็นงานเดียวเท่านั้นที่พ่อให้กับลูกผู้เป็นแม่
เพราะผู้เป็นแม่เหนื่อยล้าจากการเร่ร่อนไปทั่วเป็นอย่างมาก
เมื่อได้เห็นความเหนื่อยล้าของผู้เป็นแม่
พ่อจึงได้มาเพื่อปลดปล่อยลูกจากความเหนื่อยล้านั้น ท่านจบสิ้นความเหนื่อยล้าของ 63
ชาติเกิดภายในชาติเกิดเดียว ท่านจบสิ้นสิ่งนั้นในหนึ่งวินาที
ลูกเป็นของพ่อและความเหนื่อยล้าก็จบสิ้นลง
แม่ชอบที่จะแกว่งไกวและทำให้ผู้อื่นแกว่งไกว
ดังนั้นพ่อจึงให้ชิงช้าแห่งความสุขและความสุขเหนือประสาทสัมผัสแก่ลูกผู้เป็นแม่
เฝ้าแต่แกว่งไกวในชิงช้าเหล่านั้น ลูกมีความสุขอย่างสม่ำเสมอและมีโชคโดยการมีสามี (ลูกไม่ใช่แม่หม้าย
) ลูกกลายเป็นลูกที่อมตะของพ่อผู้เป็นอมตะ บัพดาดาพอใจที่ได้เห็นลูกๆ
เช่นนั้นด้วยเช่นกัน อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกมั่งคั่งและมีความพอใจอย่างสม่ำเสมอด้วยความรู้สึกของความเต็มเปี่ยม
ความมั่งคั่งของอำนาจในการปกครองของตนเองคือความรู้ คุณธรรม และพลัง
ผู้ที่มีสิทธิ์ในอำนาจในการปกครองตนเองด้วยความมั่งคั่งเหล่านี้ทุกประเภทจะมีความพอใจเสมอ
พวกเขาไม่มีชื่อหรือร่องรอยของการขาดการบรรลุผลใดๆ
การเพิกเฉยต่อความปรารถนาที่มีขีดจำกัดนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้มั่งคั่ง
พวกเขาจะเป็นผู้ประทานเสมอ ไม่เคยขอทาน
พวกเขามีสิทธิ์ในอำนาจในการปกครองตนเองที่มีความสุขและความสงบอย่างสม่ำเสมออย่างไม่ขาดตอน
ไม่มีสถานการณ์ที่เลวร้ายประเภทใดสามารถทำลายความสงบที่ไม่ขาดตอนของพวกเขาได้
คติพจน์:
ผู้ที่เห็นรูปกาลเวลาทั้งสามและสามโลกด้วยสายตาแห่งความรู้คือนายที่เต็มไปด้วยความรู้